14 เม.ย. 2021 เวลา 03:22 • ปรัชญา
โอเคเนอะ พ่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้วล่ะ ฝากบอกน้องด้วยนะ มีอะไรก็กริ๊งกร๊างมานะลูก พ่อวางสายก่อนนะ
1
พ่อของผมมักจะจบบทสนทนากับผมด้วยคำว่า “มีอะไรก็กริ๊งกร๊างมานะลูก”อยู่เสมอ เป็นคำประหลาดๆที่ฟังไม่คุ้นหู แต่พ่อจะพูดทุกครั้ง ยกเว้นเย็นวันนั้น วันที่ฝนตกหนัก วันที่ผมจำได้ไม่เคยลืม
เย็นนี้ว่างมั้ย? มากินข้าวกับพ่อนะ
อาจเป็นคำพูดง่ายๆ ที่เป็นเรื่องปกติสำหรับทุกคน
แต่ไม่ใช่เรื่องปกติสำหรับผม
ตั้งแต่ยุคเศรษฐกิจฟองสบู่แตก ตัวผมซึ่งในตอนนั้นเรียนอยู่ชั้น ป.4 ก็ต้องเจอวิกฤตของชีวิตเหมือนกับคนอื่นเขาบ้าง บริษัทของพ่อผมต้องปิดตัวลงเพราะพิษเศรษฐกิจ พ่อต้องออกจากบ้านที่กรุงเทพไปร่วมหุ้นกับเพื่อนที่อยู่ในภาคเหนือ เพื่อลองเปิดบริษัทขึ้นอีกสักครั้ง พ่อบอกว่าจะไปไม่นาน จำเป็นต้องไป เพราะที่นู่นยังมีโอกาสให้หาเงิน ครอบครัวเรายังไปต่อได้
2
พ่อจะกลับบ้านแค่ปีละครั้งเท่านั้น คือ ในวันปีใหม่ และจะอยู่ที่บ้างเพียงแค่สามวันเท่านั้น เพราะว่างานเยอะ ต้องรีบกลับไปคุมคนงาน
แม่ผมต้องออกหางานอีกครั้ง หลังจากที่บริษัทของพ่อผมต้องปิดตัวลง เพื่อค่าใช้จ่ายในบ้าน เพื่อค่าเทอม เพื่อชีวิตของผมและน้องสาว
1
พ่อของผมทำงานและส่งเงินกลับบ้านมาตลอด ไม่เคยขาด ชีวิตความเป็นอยู่ของบ้านผมจึงประคับประคองกันมาได้ ไม่มีมากเหมือนคนอื่น แต่เราก็มีพอกินพอใช้
จากที่ไม่เข้าใจ ก็เปลี่ยนเป็นทำใจ จากความคิดถึง ก็เปลี่ยนเป็นความเย็นชา สำหรับผม คำว่า”พ่อ”นั้นค่อนข้างจะที่จะห่างเหิน
ผมใช้ชีวิตต่อไปโดยไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับพ่อมากนัก พ่อส่งผมเรียน กลับบ้านทุกวันปีใหม่ และแก่ลงทุกปี ก็เท่านั้น เดือนนึงจะพ่อจะโทรหาผมประมาณครั้ง ถึงสองครั้ง เพื่อทักทายสัพเพเหระ ไม่ได้มีประเด็นอะไรที่สำคัญ
จนผมเรียนจบ และเข้าทำงานที่แรก ซึ่งมีอยู่โปรเจคหนึ่งที่ผมมีโอกาสได้เดินทางไปทำงานในภาคเหนือ ผมคิดไว้ในหัวเลยว่าจะแวะพักที่จังหวัดที่พ่อผมทำงานอยู่สักคืนนึง อยากกินข้าวเย็นกันสักมื้อ
จังหวัดที่พ่อบ่ายเบี่ยงทุกครั้งที่พวกเราจะขึ้นไปเยี่ยม ผมอยากรู้เหลือเกินว่ามันจะเป็นอย่างไร หอพักที่พ่อเคยบอกว่าเช่าอยู่รายเดือน มันจะสะดวกสบายแค่ไหน ผมอยากจะเห็นสักครั้ง
ผมไปถึงโดยไม่ได้บอกพ่อก่อน และจึงค่อยโทรหา หวังลึกๆว่าเค้าน่าจะดีใจ พ่อของผมรับสายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ และวางสายด้วยการชวนผมไปกินข้าวเย็น โดยไม่มีคำว่ากริ๊งกร๊าง
เมื่อผมไปถึงร้าน พ่อนั่งอยู่ที่โต๊ะก่อนแล้ว ขวดเบียร์สามขวดที่หมดแล้ววางอยู่บนโต๊ะ พ่อชวนผมดื่ม เป็นประสบการณ์ที่แปลกและไม่คุ้นเคยอย่างมากสำหรับผม พ่อพูดขึ้นว่า “พ่อมีเรื่องจะเล่าให้ฟัง พ่ออยากให้เจอใครคนหนึ่ง”
ถามว่าผมเคยคิดบ้างมั้ย? ว่าตั้งแต่ผมอยู่ ป.4 จนถึงวันนี้ พ่อผมจะทำงานอยู่ที่ต่างจังหวัดนานสิบกว่าปี โดยไม่ได้มีครอบครัวใหม่ ไม่ได้มีเมียใหม่ไปตั้งนานแล้ว...ลึกๆแล้วผมคิดมาตลอดว่าพ่อน่าจะมีครอบครัวใหม่ไปแล้ว และผมคิดว่าเรื่องนี้มันน่าจะไม่ส่งผลอะไรกับผมได้ แต่พอถึงเวลาที่ต้องรับรู้ความจริง มันกลับไม่ง่ายอย่างที่คิด
พ่อผมลุกไปจากโต๊ะและกลับมากับผู้หญิงคนหนึ่ง รูปร่างเล็ก อายุไม่มากนัก เธอเดินมาพร้อมกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เด็กตัวเล็กๆที่เพิ่งจะเรียนชั้นประถมต้น น่ารักตามวัย และหน้าตาคล้ายๆผม
บัดซบจริงๆ ผมมีน้องสาวอีกคน โดยที่ผมไม่เคยรู้มาก่อน
2
ไม่แน่ใจว่าพ่อเมามากหรือเพราะความรู้สึกผิดมันเอ่อจนล้น หลังกินข้าวเสร็จ พ่อผมขอเวลาส่วนตัวเพื่อพูดคุยกับผมแค่สองคน พ่อบอกผมว่า เค้าเหนื่อยและรู้สึกผิด มันอัดอั้นและอยากระบายให้ผมฟัง ลูกชายคนโตเพียงคนเดียวของเค้า
พ่อพาผมไปที่บ้านใหม่ หลังใหญ่โต สะอาด เป็นระเบียบ น้องอีกคนของผมคงจะโตมาอย่างดี เค้าน่าจะเป็นเด็กที่ดีได้ ผมเดินดูรอบบ้านๆ ได้เห็นภาพครอบครัวใหม่ของพ่อบนฝาผนัง ผมมองอยู่นาน เหมือนอยู่ในโลกที่ผมไม่รู้จัก คืนนั้นความจริงมันถาโถมใส่ผมอย่างหนัก จนยืนไม่อยู่ น้ำตาไหลอาบแก้มผมอย่างไม่รู้ตัว
เช้าวันต่อมา ก่อนที่จะเดินทางไปยังจังหวัดปลายทาง ผมโทรคุยกับพ่อ เพื่อเคลียร์สิ่งที่เกิดขึ้น เราตกลงกันว่า แม่และน้องสาวของผมจะต้องไม่รู้ความลับนี้ ผมไม่ต้องการเห็นทั้งสองคนใจสลาย เอาไว้วันที่พ่อจะไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว เราค่อยมาหาวิธีแก้ไขมัน
แม่และน้องของผมรักพ่อมาก มากเสียจนที่ผมไม่รู้จะเล่าเรื่องนี้ยังไง วันที่ผมหรือพ่อใกล้ตาย เราคงจะคิดออกว่าควรทำยังไง
2
หลังจากวันนั้น เราก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้อีกเลย แม้แต่ครั้งเดียว
แม่ถามผมเสมอว่าทำไมผมถึงไม่ค่อยคุยกับพ่อ เป็นลูกชายที่ไม่สนิทกับพ่อเลย ไม่เหมือนพ่อกับลูกบ้านอื่น ผมจะตอบแค่ว่าเพราะผมรักแม่มากกว่า แล้วยิ้มหวานๆให้แม่ ก็แค่นั้น
พ่อของผม เค้าเป็นสามีที่ไม่ดี แต่เค้าเป็นพ่อที่ดี
พ่อของผมมีความรับผิดชอบ ส่งเสียเลี้ยงดูผมและน้องจนเติบใหญ่และเรียนจบ คอยให้คำแนะนะบ้างเป็นบางครั้ง และเป็นความสุขของแม่ผม
1
ผมเชื่อเสมอว่า อะไรที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมดีเสมอ แน่นอนว่าพ่อของผมคงแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วไม่ได้ มันอาจจะเป็นเรื่องดีสำหรับเค้าก็ได้ที่ไม่ต้องอยู่คนเดียว มีครอบครัวใหม่ มีลูกสาวที่น่ารักอีกคน
1
สำหรับบ้านผม แค่มีเราสามคน ก็น่าจะเป็นความสุขให้กันและกันได้มากพอแล้ว เหตุผลของการมีชีวิตอยู่ มันค่อนข้างที่จะชัดเจน
ตอนนี้เราก็ได้แต่ทำความเข้าใจ มองหาแง่มุมดีๆ และอยู่ไปกับมัน...แล้วคุณล่ะ เป็นไงบ้าง ช่วงนี้หัวใจยังแข็งแรงอยู่มั้ย เล่าให้ผมฟังบ้างซิ
โฆษณา