15 เม.ย. 2021 เวลา 12:00 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
COME AND SEE: เอหิปัสสิโก
หลังจากดูจบแล้ว ผมไม่รู้ว่าจะพูดได้มาก น้อยแค่ไหน แต่ผมจะขอเล่าในมุมมองของคนที่ถูกชักจูงให้เข้าไปสัมผัสและคลุกคลีกับวัดนี้และยังเคยเป็นเด็กดี V-Star ด้วย และตอนนี้เราโตขึ้น เราได้เห็นความจริงของชีวิตหลายๆอย่างมากขึ้น จนเราแทบจะไม่เชื่ออะไรที่เป็นความเชื่อทางศาสนาแล้ว อาจจะเนื่องจากเราเองก็เรียนทางด้านภาพยนตร์และสื่อดิทัลโดยตรงด้วย ยิ่งทำให้เรารู้สึกถึงเรื่องราวของศาสนานั้นไม่มีความสมเหตุสมผล เหตุและผลมันขัดแย้งกันไปมา จนทำให้เราในตอนนี้เชื่อเพียงแค่ตัวเองเท่านั้น
เอหิปัสสิโก คุณไก่เล่าออกมาได้เป็นกลางมากๆ เราได้ฟังและได้เห็นทั้งมุมมองของพระที่อยู่ใกล้กับพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย คนของรัฐบาล ผู้ที่ศรัทธาในวัด ผู้ที่เคยศรัทธาในวัด ผู้ที่เคยอยู่ในวงในวัด ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวัด คือเขาพยายามทำให้เราได้เห็นทุกด้าน ไม่ชักจูงเราไปทางด้านใดด้านหนึ่ง แต่ให้เราได้ขบคิดว่าอันนี้ถูกรึเปล่า อันนี้จริงหรือเปล่า เพราะหนังไม่ได้ถ่ายทอดข้อเสียออกมาอย่าง ยังถ่ายทอดข้อดีออกมาอีกด้วย เราเคยเป็นคนที่เคยอยู่ในวัดนี้ซึ่งพูดตามตรงก็วัดเองค่อนข้างที่จะเคร่งและฝึกคนให้มีระเบียบมาก ชนิดที่แบบพื้นห้องสกปรกถ้าใส่รองเท้าตัวเองเข้าไปต้องใส่รองเท้าที่จัดเตรียมไว้ให้เท่านั้นนะ ใช้แล้วต้องเช็ดให้แห้งให้สะอาดเหมือนที่เราเข้ามาเลยนะ อยู่ในวัดห้ามร้องเพลงนะ และอื่นๆอีกมากมาย และเรายังเคยร่วมขบวนมหากฐินอะไรนั่นด้วยนะ อู้หูว ซ้อมแล้วซ้อมอีก เหนื่อยมากพูดตรงๆเลย และมันจริงที่มันมีอะไรบางอย่างที่พร้อมจะชักชวนให้เรารู้สึกอยากบริจาคตลอดเวลาเราไม่รู้ว่าสิ่งเร้าตรงนั้นคืออะไรกันแน่ในตอนนั้นเพราะมันนานมากแล้ว แต่เรารู้สึกแบบนั้นจริงๆ แล้วหนังก็เล่าจนความรู้สึกเก่าๆพวกนั้นแม่งกลับเข้ามาให้เรารู้สึกอีกครั้งได้จริงๆ เพราะหลังจากเราเลิกศรัทธาวัดนี้เราลบรูป เบื้องหน้า เบื้องหลังของเราที่เกี่ยวกับวัดนี้ออกทั้งหมดเพื่อที่จะลืมสิ่งเหล่านั้นไปให้หมด เพราะเราเริ่มรู้สึกแล้วว่ามันไม่ใช่ เราทำสมาธิเขาทำให้เราทำสมาธิตั้งจิตให้มั่น ผ่อนคลายจะได้เห็นแสงแห่งธรรมและเชื่อว่าเรามีบุญและสามารถบรรลุธรรมบรรลุศีลนั้นได้ ใช่เรานั่งไปซักพัก เรารู้สึกว่าเราตัวเบาขึ้น เราสงบ เราอยู่ในที่ที่เราจะบรรลุธรรมได้แบบนี้จริงหรือ เราเห็นเขามาโปรดเรา อะไรอย่างเงี้ย เราไม่อยากหลอกตัวเองอีกแล้วกับสิ่งพวกนี้นี่คือสิ่งที่เราคิดตอนนั้น และแน่นอนว่าสิ่งที่พูดมานั้นล้วนเป็นการมโน ที่เกิดขึ้นจากจิตและคำพูดที่เราฟังและคล้อยตามและเกิดการสร้างภาพขึ้นมาในหัวและหลอกตัวเองให้เชื่อ เพราะในหนังมีเล่าจุดๆนี้เหมือนกันและมันโดนเราแบบจี้จุดมากๆ
หนังเองก็เล่าไปเรื่อยๆดูไปดูมาไม่เหมือนหนังสารคดีเลย เหมือนหนังที่เป็นหนังจริงๆ เป็นการสู้กันฟาดฟันกันระหว่างฝ่ายนั้นกับฝ่ายนี้ จนมีผลกระทบต่างๆที่เกิดจากทั้ง 2 ฝ่ายขึ้นมา เป็นฝ่ายที่ 3 และอี 3 ฝ่ายนี้ ไม่มีฝ่ายไหนน่าเอาใจช่วยเลยอะ เหมือนดูหนังวางกลยุทธ์แข่งกันแต่นี่คือภาพจริงๆ เรื่องจริงๆ ทุกการเล่ามันเลยออกมาอิมแพ็ค แต่สุดท้ายเราติดนิดหน่อยตรงแอร์ไทม์ซับภาษาไทย ตรงแนะนำชื่อคนนั้น คนนี้ เดี๋ยวขึ้นแต่อังกฤษบ้าง ไม่ขึ้นไทยบ้าง ไทยขึ้นแป๊บเดียวหายไปบ้าง ไทยขึ้นช้ากว่าอังกฤษบ้าง แต่อังกฤษค้างเติ่งนานมาก หรือบางทีคนพูดจบแล้วแอร์ไทม์ซับก็แอบค้างเติ่งอยู่นานเหมือนกัน ติดแค่ตรงนี้นิดหน่อยจริงๆที่เหลือผมหาที่ติไม่ได้จริงๆ
สุดท้ายขอนอกเรื่องนิดหน่อยนอกหนังจะค่อยๆเล่าทีละประเด็น แต่ในรอบฉายที่เราดูนั้นมีคุณตาคนหนึ่งไม่รู้เป็นอะไรดูได้แค่ 5 นาทีแรกของหนังแกก็โวยวายสร้างความรำคาญให้กับคนอื่นๆในโรงหนังเลย เราเองขอเดาว่าตาแกน่าจะไม่พอใจกับการที่หนังหยิบประเด็นนั้นขึ้นมาเล่าในช่วงต้นเรื่องหรือเปล่าที่ทำให้แกเป็นขนาดนี้ ยังไงก็อยากให้ทุกคนใช้วิจารณญาณในการรับชมรับฟัง และอ่านบล็อกนี้นะครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา