17 เม.ย. 2021 เวลา 07:30 • ข่าว
จับกระแสโลกรอบสัปดาห์: 17 เมษายน 2564
#TheWorldThisWeek
เป็นอีกหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว พร้อมข่าวสารในต่างประเทศที่เกิดขึ้นอย่างร้อนแรงแทบทุกวัน
WorldNow จึงไม่อยากให้คุณตกข่าวสำคัญ
เราได้สรุปเหตุการณ์ที่คุณควรประจำสัปดาห์นี้
1-- ฝ่ายต้านกองทัพเมียนมา ตั้ง “รัฐบาลเงา”
เมื่อวันศุกร์ (16 เม.ษ.) ที่ผ่านมา กลุ่มต่อต้านกองทัพในเมียนมาร์ ประกาศจัดตั้ง "รัฐบาลสมานฉันท์แห่งชาติ" หรือ National Unity Government เผยแพร่คลิปวิดิโอแถลงคำประกาศความยาว 10 นาที
ถือเป็นรายชื่อรัฐบาลแห่งชาติเฉพาะกาล โดยคณะกรรมการผู้แทนสมัชชาแห่งสหภาพ หรือ CRPH
เพื่อส่งสัญญาณบนเวทีสากลว่า รัฐบาลภายใต้การนำของกองทัพที่อ้างว่าจะเข้าฟื้นระบบประชาธิปไตย และปรามโกง ไม่มีความชอบธรรมแต่อย่างใด
หนึ่งในนั้นเป็นกลุ่มสมาชิกของกลุ่มชาติพันธุ์ รวมถึงแกนนำเรียกร้องประชาธิปไตย
แถมยังมีรายชื่อของอดีตนักการเมืองคนสำคัญหลายท่านจากพรรค NLD
ไม่ว่าจะเป็น
อองซาน ซูจี ทดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาแห่งรัฐ
วิน มินท์ เป็นประธานาธิบดี วาลาชี ลา
รองประธานาธิบดีแห่งรัฐ (ชาวคะฉิ่น)
และอีก 12 กระทรวง
ครึ่งหนึ่งของรัฐมนตรี ชุดนี้มีทั้งหมด 26 คน และครึ่งหนึ่งมาจากกลุ่มชาติพันธุ์
ทางกองทัพเมียนมาร์ยังเข้าจับกุม แพทย์จำนวน 20 คน ในข้อหาเจตนาสนับสนุนให้เกิดความขัดแย้ง
และยังเล็งผู้วิพากษ์วิจารณ์กองทัพ ทั้งดารา นักร้อง นักแสดงอีกว่า 200 คน
จนถึงเวลานี้ มีจำนวนผู้เสียชีวิตจากการใช้ความรุนแรงของทหารเมียนมาร์ มากกว่า 700 คนแล้ว
ตัวเลขที่แท้จริงอาจจะสูงกว่าที่มีการรายงาน
น่าสนใจกว่านั้น
อีก 7 วันข้างหน้า ผู้นำอาเซียนเตรียมนัดหารือด้วยเรื่องเมียนมาร์โดยเฉพาะ
ในวันเสาร์ 24 เมษายน ที่จะเกิดขึ้นนี้
และยืนยันสถานที่แล้วว่าจะจัดที่สำนักเลขาธิการอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตา
โดยตามธรรมเนียมแล้ว การประชุมสุดยอดอาเซียนต้องจัด ณ ประเทศที่ทำหน้าที่เป็นประธานในปีนั้น
แต่ถึงว่าเป็นครั้งพิเศษทีเดียว
ด้านมิน อ่อง หล่าย ได้ยืดอกตอบรับร่วมการหารือในครั้งนี้ น่าสนใจอยู่ไม่น้อยว่าสมาชิกทั้ง 10 ประเทศจะแสดงท่าทีอย่างไร และปฏิกิริยาจากกองทัพจะอธิบายอย่างไร
2-- จิมมี่ หล่ายและนักเคลื่อนไหวฮ่องกง ถูกจำคุก 14 เดือน
เจ้าพ่อวงการสื่ออย่าง จิมมี่ หล่าย ในวัย 73 พร้อมนักเคลื่อนไหวทางการเมืองคนอื่นๆ ถูกศาลฮ่องกงตัดสินโทษจำคุก 14 เดือน
ฐานร่วมตัวประท้วงชุมนุมโดยไม่ได้รับอนุญาต
หล่าย เป็นผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ภาคภาษาอังกฤษ Apple Daily สื่อวิพากวิจารณ์รัฐบาลจีนปักกิ่งอยู๋ตลอดเวลา
เขาเคยถูกศาลตัดสินเป็นเวลา 12 เดือน หลังเข้าร่วมการชุมนุมช่วงวันที่ 18 สิงหาคม 2019 และอีก 8 เดือนจากการรวมตัวในวันที่ 31 สิงหาคม ปีเดียวกัน มีเว้นโทษจำคุก 2 เดือน ซึ่งเขาถูกดำเนินคดี 6 ข้อหา (2 ข้อหา มีความผิดเข้าข่ายตามกฎหมายความมั่นคงที่ออกโดยปักกิ่ง)
เหลย เฉิกหยั่น อดีตสมาชิกสภา LegCo ฮ่องกงก็ถูกจำคุกเหมือนนายหล่ายจากการร่วมเดินขบวนทั้ง 2 ครั้ง
"นี้คือความรับผิดชอบของพวกเราในฐานะสื่อสารมวลชน เพื่อแสวงหาความยุติธรรม เราไม่ได้ถูกล่อลวงด้วยความไม่ชอบธรรม ตราบใดที่เราไม่ยอมปล่อยให้ความชั่วร้ายเข้ามาหาเรา พวกเราได้ทำตามความรับผิดชอบแล้ว" นี้คือข้อความในจดหมายที่นายจิมมี่ หล่ายเขียนหลังคำตัดสินของศาลฮ่องกง
คนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น มาร์ติน ลี และทนายความ มาร์กาเร็ต อึ้ง ถูกพิพากษาให้จำคุก แต่ให้รอลงอาญา
ส่วนความเคลื่อนไหวในฮ่องกงอื่นๆ ก็มีการแถลงอย่างเป็นทางการจากปากของนาง แครี่ แลม ผู้นำของฮ่องกง ว่าการเลือกตั้งสภานิติบัญญัติ หรือ Legco จะมีขึ้นในวันที่ 19 ธันวาคม ปีนี้
พร้อมเดินหน้ายกเครื่องแก้ระบบการเลือกตั้งฮ่องกงในเวลาเดียวกัน ทำให้มีเพียง 22.1% ของจำนวนที่นั่งในสภาทั้งหมด จะถูกเลือกผ่านประชาชนโดยตรง
3--สหรัฐฯ ประกาศถอนกำลังทหารออกจากอัฟกานิสถาน
โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยืนยันว่าจะถอนทหารจากอัฟกานิสถาน
ถือเป็นสงครามที่กินเวลานานที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ลากยาว 2 ทศวรรษ
เตรียมถอนกำลังออกกว่า 2,500 นาย เริ่มวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ และจะทยอยให้เรียบร้อยภายใน 11 กันยายน นี้ หรือตรงกับเหตุการณ์ 9/11
จากสงครามที่เกิดขึ้น ทำให้คร่าชีวิตทหารสหรัฐไป 2,300 นาย ทุ่มงบประประมาณมากกว่า 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ
"ผมเป็นประธานาธิบดีคนที่ 4 ที่ยังคงกองกำลังในอัฟกานิสถาน ผ่านปธน. จากพรรคริพับบิกัน 2 คนและเดโมเครต 2 คนแล้ว...ผมไม่สามารถส่งความรับผิดชอบนี้ต่อให้กับประธานาธิบดีคนที่ 5"
แต่ก็มีเสียงสะท้อนอย่าง นายลินซีย์ แกรแฮม สว.จากพรรครีพับลิกันว่า ยังมีความเสี่ยงที่กลุ่มตาลิบันจะขยายอำนาจได้อย่างตามอำเภอใจ ซึ่งยังไม่มีท่าจะยุติ
อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯยังคงสนับสนุนทางการทูตกับอัฟกานิสถานต่อไป เพื่อให้เกิดความสันติระหว่างรัฐบาลอัฟกัน และกลุ่มตาลิบัน เลขาธิการนาโต้ก็ออกมาประกาศถอนกำลังทหารเช่นเดียว โดยจะดำเนินแล้วเสร็จภาย 2-3 เดือน
หรือนี้เป็นการส่งสัญญาณว่า อัฟกานิสสถาน ไม่ใช่ประเด็นหลักในโนบายการต่างประเทศของสหรัฐฯ อีกต่อไป
4--เศรษฐกิจจีนไตรมาส 1 โต 18.3%
อีกหนึ่งข่าวน่าสนใจ นั้นคือ อัตราการเติบโตของจีน
เมื่อวาน (16 เม.ษ.) ตัวเลขจีดีพีจีน Q1/2021 เติบโต 18.3% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วในเวลาเดียวกัน YoY
นับว่าเป็นการเติบโตที่สูงที่สุด นับตั้งแต่การเก็บข้อมูลเศรษฐกิจของจีน ครั้งแรกในปี 1992
เมื่อย้อนใน Q1/2020 จีดีพีจีนติดลบถึง -6.8% เป็นช่วงที่เริ่มมาตรการคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 นำสู่การ lockdown
สำนักงานข้อมูลสถิติแห่งชาติ ของจีน ก็กล่าวว่านี้คือ “จุดเริ่มต้นที่ดี”
แต่ยังต้องเฝ้าระวังเรื่องของโควิด-19 และสถานการณ์ระหว่างประเทศที่มีทั้ง “ความซับซ้อน” และ “ความซับซ้อน”
ส่วนตัวเลขภาคการส่งออก (ในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐฯ) โต 30.6% ในเดือนมีนาคม เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว โตสูงที่สุดในรอบ 4 ปี
ทำให้จีนมีมูลค้าเกินดุลการค้าอยู่ที่ 1.38 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ
อย่างใดก็ตาม ตัวเลขเศรษฐกิจนี้ยังต่ำกว่าหลายสำนักคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ อย่างโพลของ Bloomberg ตั้งไว้ที่ 18.5% หรือ โพลจาก Reuters วางไว้ว่าจะโตได้ถึง 19% หรือแม้แต่ผลสำรวจจาก AFP
5-- ญี่ปุ่น ตัดสินใจทิ้งน้ำเปื้อนกัมมันตรังสีลงทะเล
รัฐบาลญี่ปุ่น มีมติปล่อยน้ำปนเปื้อนสารกัมมันตัรงสี จากโรงงานนิวเคลียร์ที่ฟุกูชิมะกว่า 1 ล้านตัน
ในระยะเวลา 2 ปี สู่มหาสมุทรแปซิฟิก
การตัดสินใจนี้ เป็นผลอันสืบเนื่องจากเหตุแผ่นดินไหวและสึนามิ ในปี 2011
ทำให้มีน้ำเสียจากโรงงานนิวเคลียร์อยู่ และตอนนี้ก็ยังคงเก็บไว้มานานถึง 10 ปี
ช่วงต้นปี ญี่ปุ่นมีการพิจารณาและหารือปรึกษาทีมผู้เชี่ยวชาญ จนได้คำตอบคือ ต้องปล่อยน้ำปนเปื้อนลงทะเล
นายกฯ ญี่ปุ่น นายโยชิฮิเดะ ซูงะ แจงว่านี้เป็นสิ่งที่ "หลีกเลี่ยงไม่ได้" แม้ยังไม่ได้ให้กรอบเวลาอย่างชัดเจน
เนื่องจากคาดว่าจะไม่มีพื้นที่การกักเก็บเหลือภายในปี 2022
ในปี 2011 ญี่ปุ่นมีโรงงานพลังนิวเคลียร์ ถึง 54 แห่ง ปัจจุบันเหลืออยู่เพียง 39 แห่งเท่านั้น
แม้ญี่ปุ่นระบุว่าจะดำเนินการตามมาตรฐานของสากล ก็มีเสียงคัดค้านการตัดสินใจในครั้งนี้ อย่างชาวประมงญี่ปุ่น ที่ได้รับผลกระทบอย่างมาก
มีหลายฝ่ายกังวลว่า ที่ผ่านมาใช้เวลาอย่างยาวนาน เพื่อสร้างความมั่นใจให้คนญี่ปุ่นหันมาอุดหนุนอาหารทะเลจากฟุกูชิมะ
เพื่อนบ้านระแวกเดียวกันก็ส่งเสียงไม่เห็นด้วยเช่นกัน ทั้งจีน-ไต้หวัน-เกาหลีใต้
ผู้เขียน:รัตนราช ลิ่มเศรษฐกานต์

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา