17 เม.ย. 2021 เวลา 14:37 • นิยาย เรื่องสั้น
เราต่างติดในเขาวงกตที่ต่างกัน
.
หนังสือที่ใช้เวลาอ่านมาเกือบ 7 ปี ได้จบลงด้วยความเข้าใจ มันเป็นเรื่องของผู้คนที่มีความหลงใหลใฝ่ฝันที่ต่างกัน กับติดในห้วงวนหลืบซ้อนต่าง ๆ บ้างก็วนเวียนอยู่ในตัวเอง บ้างก็วนเวียนกับคนอื่น ๆ และบ้างก็วนเวียนอยู่กับสิ่งสัพเพเหระไม่สลักสำคัญต่อชีวิต เพียงเพื่อจะหาบางสิ่งบางอย่างให้ยึดเหนี่ยว และรั้งตัวเองไว้ไม่ให้สูญหาย
.
เปล่าเลย... เราต่างก็สูญหายไปจากใครสักคน สูญหายไปจากเรื่องราวต่าง ๆ ที่ควรจะอยู่ สูญหายในเมืองฝันสลาย และหรือสูญหายความเป็นคนเสียด้วยซ้ำ
.
คราวนี้อ่านแบบบันเทิง อ่านเพื่อเสพสุนทรีย์ของตัวอักษรและเรื่องราวความเป็นชีวิต แต่ก็จะมีอยู่สักนิดที่มองเห็นความเป็นสาระ
.
นิยายเล่มนี้ก็จัดอยู่ในแนวคิดของ โพสต์โมเดิร์น ที่เล่าเรื่องของกลุ่มคนกระแสรอง (เรื่องนี้ไม่เท่าพุทธศักราชอัสดง) แต่ก็ยังมีความกระแสหลักมาในส่วนของการดำเนินชีวิตของตัวละครหลัก แถมแทรกเรื่องเล่าของผู้คนต่าง ๆ รายทาง อีกทั้งความเป็น สัจนิยมมหัศจรรย์ นิดหน่อย
.
เราร้องห่มร้องไห้ตอนที่ตัวละคร ลุงธนิตโอบกอดน้องสาว แม่ของชารียาและชาลิกา ก่อนวันเวลาของลมหายใจสุดท้ายจะลับไป การเล่าถึงความรู้สึกเรื่องราวของพี่น้อง มันหยั่งลึกถึงใจ ไหนจะเรื่องของรสริน หญิงชู้ที่ไม่ตั้งใจจะให้ชีวิตครอบครัวผู้ชายพัง (ผู้ชายทำเอง) มันเป็นวนเวียนจากจุดหนึ่งสู่สิ้นสุด
.
และไม่มีอะไรเลยในท้ายนี้ หนังสือที่อ่านซ้ำมันได้อะไรเพิ่มขึ้น และต่างจากครั้งแรกเมื่อหน้ากระดาษถูกอ่านด้วยหัวใจ ก่อนจะพบว่ามันจบลงแล้วชีวิตยังคงเดินต่อ แต่แค่นั้น...
.
"ชารียาก็ค่อยๆ เอามือแตะลงบนดอกใบในความมืดพวกนั้นอย่างรักใคร่ แนบหน้าลง กระซิบวลีสุดท้ายของฟรีด้า อ่อนหวาน แผ่วเบา กับพวกมันไปทีละต้น... ชีวิตจงเจริญ ชีวิตจงเจริญ ชีวิตจงเจริญ" (น.300 พิมพ์ครั้งที่ 19)
โฆษณา