20 เม.ย. 2021 เวลา 20:20 • การเมือง
“บ่อนเสรี” กับเมืองพุทธที่เสียโอกาส
หากกล่าวถึงเรื่อง “บ่อนเสรี” นั้น ในประเทศไทยมีความพยายามที่จะเสนอแนวคิดการเปิดคาสิโนในแวดวงการเมืองอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ พ.ศ.2546 สมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เกิดแนวความคิดที่จะเปิดสถานประกอบการท่องเที่ยวครบวงจร (Entertainment Complex) หรือในปี พ.ศ. 2551 สมัยรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช ในปี พ.ศ. 2554 สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และล่าสุดในปี พ.ศ. 2558 จากการเสนอแนวคิดโดยสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จำนวนหนึ่งให้มีการเปิดคาสิโนถูกกฎหมาย เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน กระตุ้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในประเทศ จัดเก็บรายได้จากคาสิโนถูกกฎหมายเข้ารัฐ สร้างงานและรายได้ให้กับประชาชนในท้องถิ่น และป้องกันการลักลอบเปิดคาสิโนผิดกฎหมาย
แต่ข้อเสนอดังกล่าวกลับถูกคัดค้านและตีตกมาโดยตลอดด้วยเหตุผลหลายประการ ไม่ว่าจะมองว่าการเปิดคาสิโนถูกกฎหมายจะทำให้คนไทยเสพติดการพนันเพิ่มมากขึ้น เป็นต้นตอของการก่ออาชญากรรม หรือเป็นการสร้างแหล่งซ่องสุมอบายมุขและยาเสพติด แต่เหตุผลที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง คือมองว่าบ่อนเสรีเป็นเรื่อง “ขัดกับหลักปฏิบัติของศาสนาและศีลธรรมทางศาสนา” จึงทำให้ประเทศไทยถือเป็นเพียงหนึ่งในสองของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เท่านั้น ที่ยังไม่มีการเปิดบ่อนเสรีหรือคาสิโนถูกกฎหมายในประเทศ และอีกประเทศที่ว่าคือบรูไนดารุสซาลาม
จริงๆ ไม่ใช่เพียงแค่เรื่อง “บ่อนเสรี” เท่านั้นที่สังคมไทยใช้เหตุผลทางศีลธรรม หรือหลักปฏิบัติทางศาสนาในการห้ามหรือการคัดค้านการเสนอแนวคิดต่อสังคม สังคมไทยใช้เหตุผลนี้รวมไปถึงการทำแท้งเสรี เรื่องโสเภณีถูกกฎหมาย หรืออีกมากมายหลายเรื่อง ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนคิดว่าการปิดกั้นดังกล่าวนอกจากไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรแล้ว ยังทำให้สังคมไทยเสียโอกาสต่าง ๆ อีกมากมาย
อาเซียนถือเป็นกลุ่มประเทศคาสิโนน้องใหม่ที่กำลังมาแรง หากจะพูดถึงในเอเชียสถานที่แรกที่นึกถึงคงจะไม่พ้น “มาเก๊า” เมืองหลวงแห่งการพนันโลก ซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาดมูลค่าสูงถึง 23,447 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2010 รัฐบาลสามารถสร้างรายได้จากการเก็บภาษีคาสิโนมากกว่า 80%
แต่ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาอุตสาหกรรมนี้เกิดขึ้นในอาเซียนจำนวนมากราวกับดอกเห็ด ไม่เพียงแค่ปริมาณเท่านั้นนะครับ แต่รวมถึงในแง่ของรายได้จากส่วนนี้ก็สูงขึ้นมากเช่นกัน ทั้งนี้เหตุผลหนึ่งเกิดจากการหลั่งไหลเข้ามาของกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนจำนวนมาก
ถึงแม้จะพูดถึงตัวเลขทางเศรษฐกิจที่เราต้องสูญเสียไปจากการเติบโตของอุตสาหกรรมคาสิโน แต่สังคมไทยก็ไม่อินเท่ากับการรักษาภาพลักษณ์เมืองแห่งพุทธศาสนาเอาไว้ แต่ทว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมาไม่นาน กลับมีประเด็นร้อนที่ถือว่าเป็นการฉีกหน้าเมืองพุทธศาสนาได้เป็นอย่างดี คือ ข่าวการยิงกันที่บ่อนผิดกฎหมายที่พระราม 3 รวมถึงบ่อนผิดกฎหมายที่ระยองที่พบว่ามีผู้เข้าไปเสี่ยงดวงจำนวนหนึ่งติดเชื้อโควิด ทำให้เกิดการระบาดขึ้นจนทำให้เจ้าหน้าที่รัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดนเด้งโดนย้ายกันเป็นว่าเล่น
นี่ยังไม่รวมกับผลการวิจัยของงานศึกษาเรื่อง “บ่อนการพนันตามแนวชายแดนไทย : ผลกระทบแนวทาการจัดการ โดย ดร.รัตพงษ์ สอนสุภาพ ในปี พ.ศ. 2556 พบข้อมูลที่น่าสนใจหลายอย่างเกี่ยวกับสถานการณ์การพนันในประเทศไทย โดยข้อมูลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติระหว่างปี 2549-2553 พบว่าคดีเกี่ยวกับการพนันที่ประชาชนลักลอบเล่นการพนันถูกจับกุมมีจำนวนมากเป็นอันดับ 3 คิดเป็นร้อยละ 21 รองจากคดีอาชญากรรมที่เกิดจากการประทุษร้ายต่อชีวิตและทรัพย์สิน และการค้ายาเสพติดที่คิดเป็นร้อยละ 29 และร้อยละ 28 ตามลำดับ
ส่วนปริมาณคดีการพนันที่มีการยื่นฟ้องเข้าสู่ศาลยุติธรรมก็มีจำนวนค่อนข้างมากในแต่ละปี สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะประเทศไทยไม่อนุญาตให้มีการเปิดบ่อน จึงทำให้มีการลักลอบเปิดบ่อนเป็นจำนวนมาก จากผลการวิจัยดังกล่าวยังพบอีกว่าในประเทศไทยมีบ่อนผิดกฎหมายมากถึง 1,500 แห่ง ในกรุงเทพฯ 15-22 แห่ง และผลการวิจัยยังพบอีกว่า การจะเปิดบ่อนผิดกฎหมายได้ต้องได้รับไฟเขียวจากเจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่ด้วย ไม่เพียงเท่านั้นตัวเลขจากสถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยังประมาณการเงินหมุนเวียนในธุรกิจการพนันทุกประเภทเมื่อปี 2553 ไว้สูงถึง 357,275 ล้านบาท
.
ยิ่งกว่านั้นเมื่อการพนันในประเทศถูกทำให้เป็นเรื่องผิดกฎหมาย เป็นเรื่องผิดศีลธรรม แต่ถามว่านักเล่นพนันหยุดเล่นไหม ต้องตอบว่า “ไม่หยุด” จากการศึกษาวิจัยของรัตพงษ์ สอนสุภาพ ในปี พ.ศ. 2555 พบว่านักพนันชาวไทยนิยมไปเล่นการพนันในบ่อนถูกกฎหมายในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น พม่า ลาว กัมพูชา มาเลเซีย และสิงคโปร์
กว่า 90% ของกลุ่มลูกค้าเป็นนักพนันชาวไทย และยิ่งภายหลังที่ คสช. ประกาศสั่งปิดบ่อนการพนันทุกชนิด เหล่านักพนันไทยก็พากันแห่เดินทางเข้าไปเล่นการพนันในบ่อนประเทศเพื่อนบ้านอีกจำนวนมาก จากข้อมูลพบว่าบรรยากาศการข้ามไปเล่นการพนันใน จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่ามีปริมาณลูกค้าเพิ่มขึ้นมากถึง 3 เท่าตัว จากปกติมีลูกค้าวันละ 100 คนเศษ เป็นวันละ 300-400 คน
ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ถึงแม้การพนันจะเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ผิดศีลธรรม ขัดกับข้อปฏิบัติทางศาสนา แต่ก็ยังพบว่ามีคนไทยจำนวนมากที่ยังคงต้องการเล่นการพนัน ไม่ว่าจะเพื่อเป็นการผ่อนคลาย หรือเพื่อวัตถุประสงค์ใดก็ตาม ดังนั้นการลักลอบเปิดบ่อนจึงเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ หรือหากมีการปิดบ่อน นักพนันจำนวนมากก็จะแห่กันข้ามไปเล่นการพนันถูกกฎหมายในประเทศเพื่อนบ้านแทน
เพราะฉะนั้นการอ้างไม่ให้มีบ่อนเสรีหรือคาสิโนถูกกฎหมายของนักศีลธรรมหรือชาวพุทธศาสนาไทยนั้น จึงถือว่าเป็นเรื่องที่ทำให้ประเทศไทยเสียโอกาสในทางเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก เพราะแทนที่เราจะทำให้บ่อนการพนันกลายเป็นพื้นที่กฎหมายเข้าถึง ป้องกันอาชญากรรมในรูปแบบอื่นที่อาจจะเกิดขึ้น จัดเก็บภาษีเข้ารัฐ และแปลงมาเป็นสวัสดิการให้ประชาชนได้ และในบริเวณบ่อนย่อมเกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจอื่น ๆ ตามมาอีก แต่เรากลับต้องเสียโอกาสตรงนี้ให้กับประเทศเพื่อนบ้านแทน เพียงเพราะคำว่าศีลธรรมที่เราชอบอ้าง แต่ก็รู้ ๆ กันอยู่ว่าไม่มีจริง
.
เรื่องโดย : ณัฐพงศ์ ดวงแก้ว
#คิดเคลื่อนไทย
#บ่อนเสรี
.
อ้างอิง : รติมา คชนันทน์. ธุรกิจกาสิโน. สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. ที่มา : https://dl.parliament.go.th/bitstream/handle/lirt/520176/2557_ธุรกิจกาสิโน_รติมา.pdf?sequence=1
บทความเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2564
โฆษณา