21 เม.ย. 2021 เวลา 14:51 • ไลฟ์สไตล์
ความเงียบงันยามราตรี เหนือพื้นถนนที่สะท้อนแสงจากไฟริมถนน ฝนตกเพิ่งหยุดเมื่อไม่นานมานี้สินะ ฉันใช้เวลาปรับโฟกัสการมองเห็นของดวงตาอยู่ครู่หนึ่ง ที่นี่คือตัวเมืองของบ้านเกิดฉันนี่นา ป้ายบอกชื่อห้างเก่าแก่ขนาดใหญ่ตรงนั้น เห็นแล้วก็นึกถึงเมื่อก่อน ฉันไม่ได้มีโอกาสมาในตัวเมืองบ่อยมากนัก ถ้าได้มาสักครั้งจะดีใจจนอยากกระโดดโลดเต้น กระเบื้องสีครีม ร้านขายเสื้อผ้าและของสารพัดกุ๊กกิ๊ก ตู้คาราโอเกะ โรงหนังเก่า ช่วงเวลาแห่งความสุขในกลางวัน ตอนนี้มันคงหลับใหลอยู่ รอเวลาแห่งความรื่นรมย์ในเวลากลางวัน ถัดไปไม่กี่ช่วงตึก มีสถานที่ทำหน้าที่ให้ความบันเทิงยามค่ำคืนแทนมัน – ร้านคาราโอเกะ ป้ายไฟจากหลอด LCD กะพริบคำว่า WELCOME เป็นจังหวะสม่ำเสมอ คนเริ่มเบาบางลงแล้ว คงใกล้ถึงเวลาปิดร้านแล้วสิ ปกติร้านคาราโอเกะเขาปิดกันกี่โมง แล้วตอนนี้มันกี่โมงแล้วล่ะ
ที่สำคัญ ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง
ฉันดึงสติกลับมาจากการหลงใหลในแสงไฟและความเงียบ ณ ตรงนั้นได้ ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ฉันถามตัวเองอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
 
ฉันไม่เคยมาที่นี่ตอนกลางคืนด้วยซ้ำ มันคือภาพจินตนาการของฉันหรอ ทำไมถึงจินตนาการอะไรแบบนี้ขึ้นมาล่ะ เราเองอยากลิ้มรสความรื่นรมย์ยามราตรี เราอยากสัมผัสสิ่งที่ตื่นตัวขณะสิ่งมีชีวิตอื่นหลับใหล แสงสีเหล่านั้นคงมีเสน่ห์เย้ายวนใจจนทำให้เราลุ่มหลง สิ่งเหล่านี้คือความต้องการใต้สำนึกของเราที่พยายามกดไว้ตลอด เมื่อตามความต้องการของตัวเองทันแล้ว ฉันเกิดกลัวจนขนลุกซู่ขึ้นมาทันใด กลัวที่สิ่งเหล่านั้นสามารถดึงดูดใจเราได้อย่างไม่มีเหตุผล ทำไมภาพเหล่านี้มักเข้ามาในหัวในช่วงเวลาที่เราอ่อนไหวที่สุด อืม ฉันระลึกอะไรได้บางอย่าง สิ่งเหล่านี้เคยเกิดขึ้นในหัวของเรามาก่อนแล้ว
ตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนอยู่ในร่างไร้กายหยาบ ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของใคร สิ่งใด หรือโลกใบนี้เลย ฉันราวกับคนต่างถิ่นกำลังสังเกตมนุษย์กลางคืนเหล่านั้น ในใจได้แต่คิดว่าอยากเป็นส่วนหนึ่งของสังคมนี้บ้างจังเลย อยากรู้จักใครสักคนแล้วนั่งคุยเรื่อยเปื่อยอะไรก็ได้ ฉัน ที่ไม่เคยมีใครมองเห็น ถ้ามาอยู่ในสังคมตรงนี้อาจมีหนึ่งในล้านคนที่มองเห็นเรา
เอ๊ะ
 
นี่มันไม่ได้ไกลเกินความจริงเลย นี่คือตัวตนของเราจริง ๆ บนโลกใบนี้ เราถูกมองโดยมนุษย์คนอื่นแบบนี้ ถูกแล้ว เราไม่ใช่ใครที่ไหนเลย เราคือส่วนหนึ่งของสังคมที่ไม่เคยมีใครมองเห็นอยู่แล้ว แค่ต้องการให้ใครสักคนมองเห็น ฉันรับความจริงที่ว่าฉันถูกเมินเฉยจากคนรอบข้างไม่ได้ จึงพยายามหลอกตัวเองว่าไม่มีกายหยาบ ใช่มั้ย ตอบฉันที
ฉันเริ่มคลื่นไส้
และร้องไห้
เบื้องล่างฉัน ยังคงเห็นภาพเมืองราตรีที่นั่น ยิ่งมีสตินึกถึงตัวเองมากเท่าไหร่ มันทำให้ฉันหวนระลึกถึงรากเหง้าของตัวเอง บ้าน บ้านจริงๆของฉัน ฉันเห็นประตูเหล็กสีเหลือง บ้านสีหม่น แสงที่สาดเข้าถึงแค่ตรงหน้าต่างบานเดียวตรงนั้นทำให้มองเห็นฝุ่นละอองลอยไปมาตามลำแสงชัดเจน ม่านสีครีมที่ถูกมัดไว้ ตู้หนังสือเก่าของฉันที่ไม่ได้รับการดูแลเลย มองลึกตรงไปตรงทางเดิน ฉันเห็นใบหน้าพวกเขา นั่นยิ่งกระตุ้นความสิ้นหวังในใจมากขึ้น มากขึ้น
 
ฉันวิ่งหนีไปในความมืด วิ่งเท่าไหร่ก็ไม่สุดปลายอุโมงค์สักที แต่แปลกที่ไม่เหนื่อยเลย ฉันจีงวิ่งต่อไป ต่อไป ต่อไป
ตื๊ด ตื๊ด
 
เสียงนาฬิกาดิจิตอลของฉันดังขึ้น ฉันจำมันได้ดี มันจะดังทุก ๆ 1 ชั่วโมง แล้วตอนนี้มันกี่โมงแล้วล่ะ ตีสาม? ตีสี่? ตีห้า? น้ำหนักของดวงตากดทับลงมาทำให้รู้ว่ามันกำลังปิดอยู่ แต่ภาพขณะปิดตานั้นไม่ได้มืดเสียทีเดียว ฉันได้ยินเสียงโน้ตเพลง ตามด้วยเสียงผู้หญิงที่ร้องตามจังหวะ น้ำเสียงดูเศร้าโศกและสิ้นหวัง
ฉันลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่เห็นคือเพดานสีขาว แน่นอนว่าห้องนี้ไม่ได้มืดสนิท มีแสงไฟจากทางเดินข้างนอกเล็ดรอดเข้ามาผ่านหน้าต่างเหนือหัว ใช่ นี่คือห้องนอนของฉันเองในปัจจุบัน ในโลกแห่งความเป็นจริง โลกที่มีกายหยาบ ฉันพลิกตัวนอนตะแคงเพื่อจะดูเวลาบนหน้าจอมือถือ
 
ตัวการคือเธอสินะ รู้อะไรไหม เพื่อน ๆ ของเธอก็เคยทำให้ฉันทรมานแบบนี้มาก่อนเหมือนกัน
04:12 AM
Thanatos 〜If I Can't Be Yours〜 is now playing
โฆษณา