22 เม.ย. 2021 เวลา 03:23 • ความคิดเห็น
คิดยังไงกับ TIDLOR .... (เอาแบบง่ายๆที่สุดในสามโลก)
3
ช่วงนี้ทั้งลูกศิษย์และไม่ลูกศิษย์ถามกันเข้ามาเยอะมากกกกกกกก ด้วยความที่ช่วงนี้งานยุ่งมากๆเลยไม่ค่อยมีเวลาได้ออกบทความหรือบทวิเคราะห์ใดๆเลย
2
เท่าที่วิสัยทัศน์จะเอื้อมถึง เคทมองแบบนี้ค่ะ....
- TIDLOR ในแง่ธุรกิจสินเชื่อรถยนต์ หากเทียบอัตรากำไรกับ SAWAD แล้ว ยังห่างกันเยอะมาก ปัจจัยสำคัญคือ การคิดเพดานดอกเบี้ยลูกค้าต่ำกว่า เท่ากับว่า หากปรับเพดานเท่ากัน หรือ อย่างน้อยขยับขึ้นมาสักหน่อย ก็จะทำให้กำไรตรงนี้เพิ่มขึ้น สรุปคือ มีรูมตรงนี้พอสมควร
แต่.... ก็จะไปเพิ่มในส่วนของ NPL ตาม
ซึ่งในธุรกิจนี้มุมมองเคท มองว่า หากคุณไม่กล้าขยับ NPL ยอดจะไม่โต
- TIDLOR มีธุรกิจประกันวินาศภัยที่น่าสนใจ ตรงนี้เคทให้น้ำหนักการเติบโตที่จะเป็นเรือธงของ บริษัทมากกว่า จากในช่วง2-3 ปีนี้จะเห็นเขารุกหนักกับตรงนี้พอสมควร ในตลาดประกันนั้น โดยเฉพาะประกันภัยรถยนตร์มีมาร์เก็ตแชร์ที่สูงมาก ระดับแสนล้าน !! แต่สิ่งสำคัญ ตรงนี้ยังมีรูมให้เติบโตสูงมาก ซึ่งเจ้าตลาด 2 เจ้าใหญ่ที่ครองตลาดอยู่ก็มีสัดส่วนรวมกันไม่ถึง 30% !!!! นั่นหมายถึงหาก "ติดล้อ" สามารถแบ่งมาร์เก็ตแชร์ตรงนี้เข้ามาได้สัก 5% ก็พอ จะทำให้มีเบี้ยรับเข้ามาไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้าน หากคิดที่ อัตราผลกำไรของธุรกิจนี้ขั้นต่ำ ที่ 15% จะทำให้ "ติดล้อ" มีโอกาสสร้างรายได้สูงถึง 750 ล้านเลยทีเดียว ซึ่งสูงมากกกก (แต่ก็ไม่ง่ายนัก และคงใช้เวลาหลายปีอาจจะ 3 ปี)
7
จุดที่จะดึงฐานตรงนี้ได้เพราะ ธุรกิจของ "ติดล้อ" มีฐานลูกค้าในมือระดับนึง (แต่อย่างที่เข้าใจกันว่ามันยังต้องเติมอีกเยอะ )
แม้การเพิ่มฐานลูกค้าจะเป็นเรื่องยาก แต่ในยุคดิจิตอล หากทำได้จะขยายฐานไปได้ไวและไปได้ไกลมาก
รายได้ในสัดส่วนของ ธุรกิจประกัน ของ "ติดล้อ" ตอนนี้มีสัดส่วนอยู่ที่ 8% ราวๆ 800ล้าน ซึ่งยังน้อยมากๆ (ยังมีรูมให้โต) ในปัจจุบันกำไรจากตรงนี้อาจจะมีอยู่ที่ 120-160 ล้าน
1
- TIDLOR จากที่กล่าวมา หากปรับโครงสร้างตรงนี้ได้ โอกาสที่ ติดล้อ จะมีรายได้เพิ่มขึ้นไป 50% ภายใน 3 ปี นั้นมีโอกาส กล่าวคือจะมีรายได้อยู่ที่ขั้นต่ำ 1.5 หมื่นล้าน คิดที่อัตรากำไร20% จะมีกำไรที่ 3,000ล้านกลมๆ
1
นั่นเท่ากับว่า PE จะลดลงกว่า ครึ่งจาก ราคา ณ วันนี้ !!!
หากคิดง่ายๆเลย เคทมองว่า เป้าหมายของ ติดล้อ จะอยู่ที่ราคา 40 เป็นอย่างน้อย โดยมีเพดานที่เหมาะสมราว 45 บาท
3
ราคาที่แพง ณ วันนี้จะถูกลงในอนาคต (หากทำได้ตามแผน นะ )
- ตามหลักการ แล้ว "ติดล้อ" ควรถูกประเมินด้วยการถ่วงน้ำหนัก จากธุรกิจ ประกัน กับ ไฟแนนซ์ ถึงจะถูกต้อง หากคิดด้วย ค่า PE ของไฟแนนซ์ ที่เฉลี่ยอยู่ตอนนี้ 26 จะทำให้เห็นภาพที่ซ่อนอยู่ไม่ชัด ต้องเอาสัดส่วนของรายได้ประกันเข้าไปถ่วง ด้วย PE 45
โดยคิดสัดส่วน รายได้ 8% หรือ 800 ล้านของ "ติดล้อ" ถอดตรงนี้ออกมา ใส PE ใหม่แยกเข้าไป ก็จะทำให้เห็นภาพได้ชัดขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยราคาเสนอขายครั้งนี้ ที่ กรอบ 34-36 ก็ไม่ราคาถูกนัก แต่ก็ไม่แพงจนเกินไป หากจะปรับลดลงมา ให้สวยๆ อาจมีการกดราคาให้ลงมาได้ที่ 32-29 บาท ตรงนี้ก็ต้องระวังให้ดีในตอนหลังเข้าตลาด
1
- ในส่วนที่ไม่ค่อยถูกใจนักในการเสนอขาย ipo คือ การขายรอบนี้เป็นลักษณะของการ ขายแบบ Cash Out กล่าวคือ เราซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิมๆ โดยเงินตรงนั้นจะเข้ากระเป๋าของเขา ไม่ได้เข้ามาในส่วนของ บริษัท ทำให้เม็ดเงินที่จะนำมาพัฒนาต่อยอดแผนงานต่างๆลดลง (มุมนึงก็เข้าใจได้ว่า นักลงทุนเขาก็ต้องการกำไร แต่มุมนึงก็สะท้อนว่า เขาไม่ได้อยากลงทุนต่อ) ซึ่งดูจากที่บริษัทมีภาระหนี้สิน ระดับ 5-6 พันล้าน หากปิดดอกเบี้ยหรือหนี้สินตรงนี้ได้ดี จะทำให้อัตรากำไรในส่วน นี้เพิ่มขึ้นสูง หรือทำให้ NIM เพิ่มขึ้น
6
สุดท้าย ด้วย SENTIMENT ของตลาดที่ดูคึกคักจากอานิสงส์ของ OR ก่อนหน้านั้น คงยากมากที่จะทำให้ "ติดล้อ" ต่ำจอง (ไม่ใช่ไม่มีโอกาส แต่แค่มันน้อย ถ้าย่อลงก็เป็นโอกาสสะสมได้)
คร่าวๆประมาณนี้ค่ะ ใครมีอะไรเพิ่มเติมเชิญได้นะคะ แลกเปลี่ยนกัน
บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเป็นหลัก เพื่อความรู้เป็นรอง ไม่ได้มีเจตนาชี้นำหุ้นแต่อย่างไร
1
มิ้วๆนะ
โฆษณา