22 เม.ย. 2021 เวลา 23:15 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
มุกร้ายๆนี้มาจากสำนักข่าวรอยเตอร์ ที่แอบเปิดเผย....จดหมายจากวุฒิสมาชิกสหรัฐถึงกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ
.... งานนี้ยังไล่กัดจีนแบบไม่เลิกราง่ายๆ.....
3
ซึ่งข่าวการแอบดักตีปลาหน้าไซ... ในการควบคุมการส่งออก​ สำหรับบริษัทชิปของจีนทั้งหมด ที่มีขนาดต่ำกว่า 14 นาโนเมตร
1
เมื่อวันที่ 16 เมษายน สำนักข่าวรอยเตอร์เปิดเผยว่าในจดหมายถึงรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ
1
Gina Raimundo ผู้แทนรัฐสภาสหรัฐฯ, Michael McCaul และวุฒิสมาชิก Tom Cotton
ระบุว่า..ข้อกำหนดในการได้รับใบอนุญาตของสหรัฐฯในการขายเซมิคอนดักเตอร์ที่ผลิตในต่างประเทศ
1
การใช้เทคโนโลยีของสหรัฐฯกับ Huawei ได้ขยายขอบเขตไปยัง บริษัทจีนทั้งหมดที่ออกแบบชิปที่มีขนาดต่ำกว่า 14 นาโนเมตร
1
สำนักข่าวรอยเตอร์
ปฏิกิริยา​ในการตอบกลับ...
ตัวแทนของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ​ ชี้ให้เห็น..หลังจากยืนยันการรับจดหมายว่า....
หน่วยงาน "กำลังตรวจสอบสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา​ เพื่อพิจารณาว่าจำเป็นต้องดำเนินการเพิ่มเติมหรือไม่"
เมื่อกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ยอมรับหรือออกกฎข้อบังคับอย่างเป็นทางการ
1
บริษัทที่ออกแบบและผลิตชิปขั้นสูงทั้งหมดในจีน ที่ซื้อและใช้ซอฟต์แวร์ชิปและอุปกรณ์ที่มีเทคโนโลยีอเมริกันจำนวนหนึ่ง...จำเป็นจะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมใบอนุญาตการส่งออกเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกับ Huawei แต่จะมีปัญหาในขนาดที่ใหญ่ขึ้น
1
ข้อความในจดหมาย...มีความเข้มงวดเป็นอย่างมากและอนาคตของเซมิคอนดักเตอร์ระดับไฮเอนด์กำลังเป็นที่น่ากังวล
1
คือ.. การคว่ำบาตร...กำลังพัฒนาไปสู่การขาดแคลนอุปทานทั่วโลกและทั่วทั้งอุตสาหกรรม
1
หลังจากที่จดหมายฉบับนี้ถูกเปิดเผย
คนในอุตสาหกรรมที่พูดคุยกันตั้งแต่เรื่อง IP, EDA, EUV, เครื่องพิมพ์ DUV และอุปกรณ์และซอฟต์แวร์อื่น ๆ
สำหรับการผลิตชิปที่ต่ำกว่า 14 นาโนเมตรจะต้องยื่นขอใบอนุญาต
1
และถ้อยแถลงนั้นรุนแรงมาก ในการกระทำดังกล่าว..
1
มันจะทำให้แน่ใจว่า บริษัทในสหรัฐฯตลอดจน
บริษัทที่มาจากพันธมิตรและประเทศพันธมิตรจะไม่ได้รับอนุญาตให้ขาย
1
หลังจากถูกสหรัฐฯคว่ำบาตร ....Huawei จะอยู่ต่อไปได้หรือไม่??
และจะแก้ปัญหาห่วงโซ่อุปทานของ Huawei ได้อย่างไร?
ในเมื่อ Huawei โดนผลกระทบจากการคว่ำบาตรนี้มากที่สุด
ผมก็เลยขอยกการแถลงข่าวในส่วนผู้ที่เกี่ยวข้องกับ​ กระบวนการผลิตชิปดังกล่าว นั่นคือ..รองประธาน Xu Zhijun
Xu Zhijun รองประธานและประธานการโฆษณาของบริษัทหัวเว่ยเทคโนโลยีจำกัดกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า ควรปล่อยให้อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์กลับสู่สภาวะปกติและเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงวิกฤตที่ใหญ่กว่า
1
คำตอบพื้นฐาน คือการร่วมกันสร้างความไว้วางใจในระดับโลก​ และฟื้นฟูความร่วมมือในห่วงโซ่อุตสาหกรรมทั่วโลกโดยเร็วที่สุด
1
Xu Zhijun กล่าวว่ากระบวนการออกแบบและการผลิตผลิตภัณฑ์เซมิคอนดักเตอร์มีความซับซ้อนมากและต้องใช้เงินลงทุนด้าน R&D และค่าใช้จ่ายสูงมาก
ในบริบทนี้ห่วงโซ่อุตสาหกรรมระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญสูง​ ได้ก่อตัวขึ้นภูมิภาคต่างๆ...ทำให้ได้ใช้ข้อได้เปรียบทางอุตสาหกรรมของตนเอง
ในการมีบทบาทที่แตกต่างกันในห่วงโซ่อุตสาหกรรม..กระตุ้นให้อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ เข้าสู่การบรรลุนวัตกรรมทางเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง และลดราคาผลิตภัณฑ์เป็นประโยชน์ต่อองค์กรระดับโลก
3
"สมมติว่าในอนาคต..ไม่มีความร่วมมือห่วงโซ่อุตสาหกรรมระดับโลก แต่เพื่อสร้างห่วงโซ่อุตสาหกรรมท้องถิ่นแบบพอเพียง ในแต่ละภูมิภาคตามรายงานที่เกี่ยวข้อง...โลกจะต้องเพิ่มการลงทุนล่วงหน้าอย่างน้อย 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
1
ซึ่งจะทำให้ราคาเซมิคอนดักเตอร์โดยรวมเพิ่มขึ้นจาก 35% เป็น 65% ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของต้นทุนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค "
3
Xu Zhijun
"ในความเป็นจริงในปัจจุบันการขึ้นราคาของโรงผลิตชิป​ อยู่ระหว่างดำเนินการ หากราคาดำเนินงานของโรงผลิตชิปเพิ่มขึ้น
2
ราคาของชิปจะเพิ่มขึ้น และราคาของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์​ สำหรับผู้บริโภคจะเพิ่มขึ้น ดังนั้นการขึ้นราคาสามารถคาดการณ์ได้
ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า”
Xu Zhijun เชื่อว่ามาตรการคว่ำบาตรทั้งสามที่กำหนดโดยสหรัฐอเมริกา​ ในช่วงสองปีที่ผ่านมาก่อให้เกิดอันตรายอย่างมากต่อ Huawei
อย่างไรก็ตามมันเป็นอันตรายต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก​ ทำลายระบบความไว้วางใจของห่วงโซ่อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก​ และบังคับให้หลายประเทศและภูมิภาคพิจารณาปัญหาด้านความปลอดภัย​ ของห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์
1
ในปัจจุบันเราได้เห็นแล้วว่ายุโรปญี่ปุ่นและจีน
ล้วนเพิ่มการลงทุนทางเซมิคอนดักเตอร์
โดยเฉพาะยุโรปเน้นย้ำชัดเจนถึงความเป็นอิสระของวงการเซมิคอนดักเตอร์
--ในทางกลับกัน--
เนื่องจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯต่อ Huawei บริษัททั่วโลก ทำให้เกิดภาวะสต๊อกสินค้า
1
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับ บริษัทในจีน
ตั้งแต่ จาก 0 ไปจนถึง 3 เดือน ถึงครึ่งปี
และรอบการเก็บรักษาที่เริ่มยาวนานขึ้นเรื่อย ๆ
เพราะพวกเขาเชื่อว่ากลยุทธ์การเก็บดังกล่าว
สามารถรับมือกับความไม่แน่นอนได้
แต่หลายปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมทั่วโลกได้ดำเนินการ​ และทำงานอย่างหนักเพื่อให้สินค้าคงคลังเป็นศูนย์ในห่วงโซ่อุปทาน
1
แน่นอน...การเก็บสต็อกที่ตื่นตระหนกเป็นปัจจัยหลัก!!! ที่ทำให้อุปทานเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกขาดแคลน​ และขาดแคลนอุปทานในปีนี้
2
เชื่อว่าสาเหตุที่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์ตึงตัวในปีนี้​ คือมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯต่อ ซึ่งส่งผลให้ทั่วโลกเกิดการชะลอตัว
มาตรการคว่ำบาตรที่กำหนดโดยสหรัฐอเมริกาต่อ Huawei และ บริษัทอื่นๆ กำลังกลายเป็นปัญหาการขาดแคลนอุปทานทั่วโลก
และทั่วทั้งอุตสาหกรรม โดยไม่ทราบว่าในอนาคต​ จะก่อให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลกหรือไม่
2
แล้วชิปประเภทใดที่ใช้14nm, 7nm, 28nm และ 55nm กันล่ะ?
เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
ทำให้กำลังการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกหมดสต็อก​
ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา บริษัทยักษ์ใหญ่ต่างปรับราคาเพิ่มขึ้น
3
และ บริษัท รถยนต์ทั่วโลกก็หยุดการผลิต
ซ้ำการขยายกำลังการผลิตเซมิคอนดักเตอร์เป็นเรื่องเร่งด่วน
หลายคนคิดว่ากระบวนการที่ทำให้เกิดมากที่สุด
คือกระบวนการขั้นสูงที่หลากหลาย เช่น การผลิตชิป14nm, 7nm และแม้แต่ 5nm สิ่งเหล่านี้เป็นกระบวนการเซมิคอนดักเตอร์ทั่วไปในชีวิตของเรา
และใช้กันอย่างแพร่หลายในสาขาผู้บริโภค
เช่นโทรศัพท์มือถือและโน้ตบุ๊ก
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์จริงอาจรุนแรงโดยอาจไม่คาดคิด
1
เอาล่ะเดี๋ยว​ผมจะแนะนำให้​รู้จัก​กับเทคโนโลยี​เหล่านี้​กัน.. เริ่มต้น​ที่.....
1
ชิป​ขนาด​ 7 นาโนเมตร
ตอนนี้มีเพียง TSMC และ Samsung เพียงสองเจ้าเท่านั้น​ และช่วงเวลาการผลิตจำนวนมากของ Samsung นั้นล้าหลังกว่า TSMC อย่างมาก
ซึ่งทำให้ Samsung ต้องไปไกลกว่า 7nm และไปที่ 7nm EUV โดยตรง​ ซึ่งทำให้กระบวนการ 7nm เช่น Apple, Huawei, AMD และ Nvidia
มีขนาดความต้องการที่ใหญ่ขึ้น ใบสั่งซื้อของลูกค้าเกือบทั้งหมด​ ถูกจองไปโดย TSMC
ในปัจจุบันชิป 7nm ส่วนใหญ่จะใช้ในชิปประสิทธิภาพสูงเช่น CPU และ GPU เช่น Qualcomm Snapdragon 888, AMD และ CPU ของ Intel และ Nvidia GPUs และการ์ดกราฟิกระดับไฮเอนด์อื่น ๆ
14 นาโนเมตร
กระบวนการ 14nm ส่วนใหญ่จะใช้ในการผลิต AP / SoC ระดับกลางถึงระดับสูง, GPU, เครื่อง ASIC, FPGA และเซมิคอนดักเตอร์สำหรับยานยนต์
2
โดยเฉพาะ SMIC และ Hua Hong นั้น 14 นาโนเมตร ในอนาคตอันใกล้จะมีการผลิตจำนวนมาก
28 นาโนเมตร
เนื่องจากการปรับปรุงอย่างคุ้มค่า​ มันถือได้ว่าเป็นหัวใจสำคัญของกฎของมัวร์อยู่เสมอ
ปัญหาของต้นทุนที่เพิ่มขึ้นสำหรับกระบวนการที่ต่ำกว่า 20 นาโนเมตร
ครั้งหนึ่งถือเป็นสัญญาณของการเริ่มต้นของความล้มเหลวของกฎของมัวร์​ และ 28 นาโนเมตรเป็นกระบวนการที่คุ้มค่าสุดๆ..เป็น​เทคโนโลยีที่มีวงจรชีวิตที่ยาวนานฝุดๆ.. เนื่องจาก...
ปัจจุบันกระบวนการ 28nm ในอุตสาหกรรมส่วนใหญ่อยู่ใน TSMC, GF (GF), UMC, Samsung และ SMIC ในตอนท้ายของปี 2018 Huahong Microelectronics ภายใต้ Huahong ซึ่งประกาศการผลิตชิป MediaTek 28nm บริษัทจำนวนมากก็เริ่มเข้าร่วมในทีมแข่งขันนี้
แม้ว่าตลาดระดับไฮเอนด์..จะถูกครอบครองโดยกระบวนการชิป 7 นาโนเมตร, 10 นาโนเมตร, 14 นาโนเมตร,16 นาโนเมตร ,40 นาโนเมตร ,28 นาโนเมตรและอื่น ๆ
1
และ..กระบวนการ 28nm ถึง 16nm ยังคงเป็นส่วนสำคัญของรายได้ของ TSMC
อุปกรณ์ Internet of Things, iot, baseband ฯลฯ
จะไม่มีข้อกำหนดด้านประสิทธิภาพ
แต่โดยรวม​...ชิปที่ต้องการอัตราส่วนการใช้พลังงานสูง โดยทั่วไปจะใช้ชิป 28 นาโนเมตร
1
ตัวอย่าง เช่น ชิปนำทาง GPS ตอนนี้เริ่มใช้ชิป 28 นาโนเมตรกันแล้ว
1
55 นาโนเมตร
กระบวนการ 55nm มันได้รับการผลิตเป็นจำนวนมากมาเป็นเวลาอย่างน้อย 10 ปี
และดูเหมือนว่าหลายๆ คนจะดูว่าเป็นกระบวนการที่ล้าสมัยไปมาก
1
แน่นอนว่าตลาดคอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูง
จะไม่นำชิป​ขนาด​ 55nm มาใช้
1
อย่างไรก็ตามยังมีชิปจำนวนมากในการใช้งานโดยเฉพาะอย่างยิ่ง​ ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์และอุตสาหกรรมอื่นๆ
ในบรรดาผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีที่ครบถ้วนและเพราะว่ามัน.. มีราคาที่ต่ำ
1
ตัวอย่าง เช่นคอมพิวเตอร์อุตสาหกรรมชิปเมนบอร์ด NB-IoT ,ไอซีไดรเวอร์ ECU ยานยนต์และชิปอื่น ๆ
ไม่มีข้อกำหนดที่มาตราฐานสำหรับประสิทธิภาพ
และการกระจายความร้อน ด้วยความต้องการลดด้านต้นทุนที่ค่อนข้างสูง
ดังนั้นชิปเหล่านี้จะใช้เทคโนโลยี 55 นาโนเมตร
ปัจจุบัน บริษัทรถยนต์ทั่วโลกหยุดการผลิตไปทีละบริษัท เนื่องจากกำลังการผลิต 55 นาโนเมตรเต็มที่แล้ว​ อีกอย่าง​ในช่วง​แพร่ระบาด​ทำให้โรงงาน​ถูก​ปิด...
1
เมื่อพิจารณาถึงตอนนี้...มีผู้ผลิตส่วนใหญ่ที่มีหรือกำลังในการผลิต​ จะมีกำลังการผลิตที่ 14 นาโนเมตรทดแทน เช่น Intel, TSMC, Samsung,
GF, UMC, SMIC และ Hua Hong เป็นต้น
แต่..กระบวนการผลิตขั้นต่อมา คือการแสวงหาวัถตุ​ดิบ....
1
อย่างไรก็ตามอย่าเพิกเฉยต่อบทบาทของกระบวนการอื่นๆ ในการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศ
การพัฒนาอุตสาหกรรม​ จะต้องมีกฎหมายของตัวเองในการปฏิบัติตาม​ และต้องใช้กระบวนการกำกับดูแลที่ยาวนาน​ เพื่อให้กระบวนการผลิตขั้นสูงสามารถ​เติบโตได้เต็มที่
โดบส่วนตัว..ผมคาดว่าราคาชิปเหล่านี้จะสูงขึ้นอีกครั้ง!
1
เพราะลำพังซีพียูของ Intel ก็ยังผลิตได้ไม่ถึง 7nm (ว่ะ.. ฮาาาาาา)
1
ที่มา: สำนักข่าวรอยเตอร์

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา