22 เม.ย. 2021 เวลา 11:50 • หุ้น & เศรษฐกิจ
กรณีศึกษา มัลดีฟส์ เร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชน และจะฉีดให้ “นักท่องเที่ยว” ที่มาเยือนด้วย
ถ้าพูดถึงประเทศที่เป็นหมู่เกาะ มีที่พักกลางทะเล น้ำสวย ๆ ใส ๆ
แน่นอนว่าชื่อของ “มัลดีฟส์” จะต้องผุดขึ้นมาในหัวของหลายคน
ซึ่งก็แน่นอนว่า มัลดีฟส์เป็นประเทศหนึ่ง ที่พึ่งพาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวสูงมาก
ภาคการท่องเที่ยวของมัลดีฟส์ สร้างรายได้ต่อ GDP ประเทศกว่า 28%
แล้วพอเกิดวิกฤติโรคระบาด จนกระทบการท่องเที่ยวที่เป็นกำลังหลักของประเทศอย่างหนัก
มัลดีฟส์ คิดแผนในการต่อสู้ และฟื้นฟูประเทศจากวิกฤติครั้งนี้อย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
มัลดีฟส์ เป็นประเทศที่ตั้งอยู่ในทวีปเอเชีย โดยอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศอินเดียและประเทศศรีลังกา
มัลดีฟส์ ยังถือเป็นประเทศที่มีขนาดเล็กที่สุดในทวีปเอเชีย
โดยมีขนาดพื้นที่รวมเพียง 300 ตารางกิโลเมตร ซึ่งเล็กกว่าเกาะภูเก็ตของประเทศไทย ที่มีพื้นที่ประมาณ 543 ตารางกิโลเมตร เสียอีก
1
อ้างอิงจากข้อมูลบนเว็บไซต์ Worldometer ในปี 2020 มัลดีฟส์มีจำนวนประชากรทั้งหมด 540,544 คน
โดยปัจจุบัน มูลค่า GDP ของมัลดีฟส์อยู่ที่ 136,000 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนมาจาก
-ภาคบริการ 73%
-ภาคการผลิต 23%
-ภาคเกษตรกรรม 4%
1
รู้หรือไม่ว่า ในช่วงต้นทศวรรษ 1970 มัลดีฟส์เคยถูกจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 20 ประเทศที่ยากจนที่สุดในโลก ประชากรประมาณ 100,000 คน ในตอนนั้นส่วนใหญ่มีอาชีพทำประมง ค้าขายสินค้าพื้นเมืองกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เชือกมะพร้าว มะพร้าวทะเล และมูลวาฬ
Cr. A Maldivian
เศรษฐกิจของมัลดีฟส์ได้รับการปฏิรูปอย่างจริงจังในช่วงต้นทศวรรษ 1980 เมื่อรัฐบาลในขณะนั้นออกมาตรการดึงดูดภาคเอกชน ให้เข้ามาลงทุนทำธุรกิจมากขึ้น
แต่ปัญหาและอุปสรรคของมัลดีฟส์คือ สภาพภูมิประเทศที่เป็นเกาะและประชากรที่มีจำนวนน้อย ทำให้การผลักดันอุตสาหกรรม เกษตรกรรม และภาคการผลิตทำได้ยากลำบาก
 
พอเรื่องเป็นแบบนี้ รัฐบาลมัลดีฟส์ จึงต้องมองหาอุตสาหกรรมอื่นนอกเหนือจากภาคการผลิต ที่จะมาผลักดันเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโต นอกเหนือจากอุตสาหกรรมประมง
และอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ถูกเลือกคือ “อุตสาหกรรมท่องเที่ยว”
จุดเด่นที่สุดของมัลดีฟส์ ก็คงเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกจากเรื่อง “ภูมิประเทศ”
มัลดีฟส์ เป็นประเทศที่ประกอบไปด้วยหมู่เกาะปะการังจำนวนมาก มีทะเลที่สวยงาม
Cr. Macana Maldives
ภาครัฐเริ่มจากการวางพื้นฐานในการรองรับการท่องเที่ยวให้แข็งแรง
โดยการออกนโยบายที่มาช่วยสร้าง Ecosystem ของประเทศในด้านการท่องเที่ยว อย่างเช่น
-การจัดสอนภาษาอังกฤษในโรงเรียนตั้งแต่ชั้นประถม เพื่อรองรับการท่องเที่ยวอย่างจริงจัง
-การพัฒนาระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อรองรับการเข้ามาของนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นระบบไฟฟ้า ที่พักอาศัย ร้านอาหาร อินเทอร์เน็ต รวมทั้งเรือสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามา
-การอนุญาตให้นักท่องเที่ยวหลายประเทศสามารถเข้าไปท่องเที่ยวในมัลดีฟส์โดยไม่จำเป็นต้องขอวีซ่า
พอเรื่องเป็นแบบนี้ จึงทำให้ปัจจุบัน มัลดีฟส์กลายมาเป็นประเทศที่เป็นจุดหมายปลายทางที่นิยมของนักท่องเที่ยวทั่วโลก จนทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมายังมัลดีฟส์ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ปี 1995 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ เดินทางมายังมัลดีฟส์ 315,000 คน
ปี 2010 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ เดินทางมายังมัลดีฟส์ 792,000 คน
ปี 2019 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ เดินทางมายังมัลดีฟส์ 1,703,000 คน
จะเห็นว่า ในปี 2019 นั้น จำนวนนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมเยือนมัลดีฟส์ คิดเป็น 3.2 เท่าของประชากรทั้งหมดของประเทศเลยทีเดียว
Cr. DMARGE
การเติบโตของการท่องเที่ยว คือหนึ่งในปัจจัยสำคัญ
ที่ขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจของมัลดีฟส์ เติบโตและก้าวข้ามจากประเทศที่ยากจนได้
จนในปี 2019 GDP per Capita ของมัลดีฟส์ สูงถึง 329,000 บาทต่อคนต่อปี
ซึ่งถ้าย้อนกลับไปเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ประชากรมัลดีฟส์มีรายได้เฉลี่ยต่อหัวที่ 69,000 บาทต่อคนต่อปี เท่านั้น
วันนี้ภาคการท่องเที่ยว มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของมัลดีฟส์อย่างมาก โดยภาคการท่องเที่ยวนั้น
-มีสัดส่วนต่อมูลค่า GDP มัลดีฟส์ถึง 28%
-มีสัดส่วนประมาณ 1 ใน 3 ของแหล่งรายได้ทางภาษีของประเทศ
-มีสัดส่วนถึง 60% ของรายได้ ที่เป็นเงินตราต่างประเทศทั้งหมด
1
แต่แน่นอนว่าการพึ่งพาการท่องเที่ยวสูงแบบนี้ มันก็แลกมาด้วยความเสี่ยง ถ้าหากมีเหตุการณ์ให้นักท่องเที่ยวไม่สามารถเดินทางมายังมัลดีฟส์ได้
แล้วมันก็ได้เกิดขึ้นแล้ว จากการระบาดของโควิด 19
การระบาดของโควิด 19 ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าประเทศนั้นลดลงเหลือเพียง 555,494 คน
ซึ่งเรื่องนี้ส่งผลให้ในปี 2020 GDP ของมัลดีฟส์ หดตัวถึง 29% ซึ่งประเด็นหลักก็มาจากการขาดหายไปอย่างมากของรายได้จากการท่องเที่ยว
Cr. DW
แล้วตอนนี้ รัฐบาลมัลดีฟส์ คิดแผนฟื้นฟูการท่องเที่ยว จากวิกฤติในครั้งนี้อย่างไร ?
ล่าสุด รัฐบาลมัลดีฟส์ ได้เสนอนโยบายที่เรียกสั้น ๆ ว่า “3V” นั่นคือ
1. Visit - เยี่ยมเยือน
2. Vaccinate - ฉีดวัคซีน
3. Vacation - พักร้อน
โดยวิธีนี้ รัฐบาลมัลดีฟส์ เสนอจะฉีดวัคซีนให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังมัลดีฟส์ ครบทั้ง 2 โดส
1
นั่นหมายความว่า การที่นักท่องเที่ยวจะรับวัคซีนครบ 2 โดส ก็ต้องอยู่ในมัลดีฟส์เป็นเวลาหลายสัปดาห์ ตามระยะเวลาการฉีดวัคซีน ซึ่งหมายถึงการมาพักร้อนในที่พักหรือรีสอร์ตไปในตัว
ซึ่งรัฐบาลมัลดีฟส์ก็คาดหวังว่า นโยบายนี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับภาคการท่องเที่ยวและบริการในประเทศ กลับมาหายใจหายคอ และมีรายได้กลับเข้ามากันมากขึ้นจากปีที่แล้ว
แต่ก็ต้องหมายเหตุว่า แนวทางนี้ จะถูกนำมาใช้หลังจากที่รัฐบาลมัลดีฟส์ทำการฉีดวัคซีนให้ประชากรทั้งประเทศหมดแล้ว
โดยปัจจุบัน จำนวนประชากรที่มัลดีฟส์ ได้รับวัคซีนคนละ 1 โดสไปแล้ว ประมาณ 335,000 คน หรือกว่า 61% ของประชากรทั้งประเทศ และได้รับวัคซีนครบทั้ง 2 โดสแล้ว ประมาณ 9.7% ของประชากร
ก็น่าติดตามว่า นโยบาย 3V นี้จะช่วยให้ภาคการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัวอย่างที่รัฐบาลของมัลดีฟส์หวังไว้มากน้อยแค่ไหน
เพราะถ้าแผนฟื้นฟู 3V ที่ว่านี้ของมัลดีฟส์ใช้การได้ผล
ไม่แน่ว่าหลายประเทศที่พึ่งพาการท่องเที่ยวสูง
ก็อาจต้องนำแผนนี้ของมัลดีฟส์ มาศึกษาและปรับใช้กัน..
 
References:
โฆษณา