เกียร์แบบ DCT แบ่งออกเป็นชนิดเปียก(Wet)กับชนิดแห้ง(Dry) โดยจะมีความแตกต่างกันที่แบบเปียก(Wet)นั้นจะมีชุดแผ่นคลัตช์แบบหลายแผ่นแช่อยู่ในน้ำมันเกียร์ที่เรียกว่า DCTF ซึ่งน้ำมันนี้จะช่วยหล่อลื่นและระบายความร้อนให้กับแผ่นคลัตช์ ซึ่งแบบเปียกนี้เหมาะที่จะใช้กับรถที่มีแรงบิดสูงๆ เพราะรถที่มีแรงบิดสูงๆนั้นเมื่อใช้งานไปแล้วจะเกิดความร้อนและการสึกหรอสูงมาก ฉะนั้นทุกครั้งเมื่อมีการเปลี่ยนเกียร์ชุดแผ่นคลัตช์นี้จะมีการสึกหรอ+ความร้อน+เสียงดังมาครบเลย เราจึงต้องพึ่งตัวช่วยนั่นก็คือน้ำมัน DCTF นั่นเอง น้ำมัน DCTF นี้จะเข้ามาช่วยลดปัญหาทุกอย่างที่กล่าวมาทำให้เกียร์ทำงานได้เต็มสมรรถนะ กำลังไม่สูญหายจากการสึกหรอของแผ่นคลัตช์ ส่วนเกียร์แบบแห้ง(Dry)นั้นจะไม่มีน้ำมันอยู่ในชุดแผ่นคลัตช์เรียกว่าเป็นแผ่นคลัตช์แห้งนั่นเอง เกียร์แบบนี้เหมาะกับรถที่มีแรงบิดไม่มาก ในอดีตถ้าจำกันได้ Ford Fiesta จะมีการใช้เกียร์ DCT แบบแห้ง และ Ford Focus จะเลือกใช้เกียร์ DCT แบบเปียก แต่ปัจจุบันรถทั้งสองรุ่นหยุดการขายไปแล้ว
จากที่ผมเล่ามาทั้งหมดเกียร์ที่มีข้อดีมากที่สุดในมุมของการขับขี่นะครับ คือเกียร์แบบ DCT แต่พอลองดูข้อมูลว่ารถรุ่นไหนบ้างที่ใช้เกียร์แบบ DCT ปรากฏว่าเป็นรถหรู ราคาแพงเกือบทั้งหมดเลย แต่เดี๋ยวก่อนครับเรายังพอมีโอกาสได้สัมผัสกับเกียร์แบบ DCT ได้แล้วครับ รถยี่ห้อ MG นั่นเอง เราลองมาดูกันนะครับว่ามีรุ่นไหนกันบ้าง
ระบบเกียร์ใน MG แต่ละรุ่น
• MG6 E20 - Dual Clutch Transmission (DCT) 6 Speed
• MG6 E85 - Dual Clutch Transmission (DCT) 6 Speed
• MG GS 2.0T - Twin Clutch Sportronic Transmission (TST) 7 Speeds
• MG GS 1.5T - Twin Clutch Sportronic Transmission (TST) 7 Speeds
• MG HS - Twin Clutch Sportronic Transmission (TST) 7 Speeds
• MG ZS Smart Up - CVT 8 Speed
• MG HS PHEV - EDU II – 10 Speeds
• MG ZS EV - Permanent Magnet Synchronous Motor