23 เม.ย. 2021 เวลา 05:12 • นิยาย เรื่องสั้น
Netizens Story
ปริศนา Cicada 3301
5
นี่คือเรื่องราวของการตามล่าไขปริศนาที่ได้ชื่อว่า "ลึกลับที่สุด" ในโลกออนไลน์..
5
เรื่องราวของ Cicada 3301 ได้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2012 เมื่อเว็บบอร์ดชื่อดังของต่างประเทศอย่าง 4chan ได้มีผู้ใช้งานคนหนึ่งที่ชื่อ " Cicada 3301 " ได้นำรูปข้อความพื้นหลังสีดำมาโพสต์บนโลกออนไลน์ โดยในรูประบุข้อความว่า..
4
แปลได้ว่า..
" สวัสดี เรากำลังตามหาบุคคลที่ชาญฉลาด เราจึงออกแบบการทดสอบขึ้นมา
ในรูปนี้มีข้อความซ่อนอยู่ จงหามันให้เจอและมันจะนำไปสู่เส้นทางในการตามหาเรา
เรารอคอยที่จะพบคนกลุ่มเล็กๆ ที่สามารถผ่านบททดสอบทั้งหมดได้
ขอให้โชคดี
3301 "
3
จากข้อความดังกล่าว มันกลายเป็นปริศนารหัสลับบนอินเตอร์เน็ตที่ลึกลับและซับซ้อนที่สุด ทำเอาโปรแกรมเมอร์ แฮคเกอร์ และนักถอดรหัสดิจิตอลมือดีไปไม่เป็นกันเลย..
3
มันอาจตีความได้ว่ากลุ่มคนหรือองค์กรที่เรียกตัวเองว่า Cicada 3301 ได้ปล่อยปริศนาออกมาท้าทายชาวอินเตอร์เน็ตเพื่อหวังว่าจะตามหากลุ่มคนอัจฉริยะให้เข้าไปร่วมงานด้วยอย่างงั้นหรือ?!
3
ในช่วงแรกชาวเน็ตก็มองว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ จนกระทั่งมีคนมองออกว่านี่เป็นปริศนาแบบเข้ารหัส (Cryptology) ซึ่งมันซ่อนโค้ดอะไรบางอย่างไว้ข้างในนั้นอย่างแน่นอน..
2
แต่ปัญหาก็คือ.. จะต้องมองแบบไหน? ไขปริศนาอย่างไร? เพื่อจะหาข้อความที่ซ่อนอยู่ ก็มีคนทั้งพยายามเปิดรูปแบบไฟล์ .rar เอาไปปรับแสงใน Photoshop ต่างๆนานาก็ไม่มีอะไร จนกระทั่งมีคนเอารูปไปเปิดมันในโปรแกรม Notepad และได้พบกับโค้ดของรูปภาพ ซึ่งบรรทัดข้างล่างที่ซ่อนอยู่ในโค้ดคือคำใบ้ถัดไป..
3
และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของการไล่ล่าถอดรหัสซึ่งจะกลายเป็นตำนานแห่งโลกออนไลน์..
1
ภายในโค้ดของรูปปริศนาที่หนึ่ง มีบรรทัดเกือบล่างสุดเขียนว่า " CLAVDIVS CAESAR says.. " พร้อมกับขบวนตัวอักษรและตัวเลขต่อท้ายที่ดูแรนดอมจนอ่านไม่ได้ และไม่มีความหมายใดๆเลย แต่ในสายตาชาวนักถอดรหัสนั้น คำใบ้นี้มันคือสิ่งที่เรียกว่า " Caesar Cipher " อย่างแน่นอน
3
Caesar Cipher คือเทคนิคหนึ่งในการเข้ารหัสข้อความโดยการเลื่อนถัดตัวอักษร หรือการ shift ตัวอักษรถัดไปกี่ตัวก็ว่ากันไป เช่น ถ้า shift ไป 1 ตำแหน่ง ตัว B ก็จะหมายถึงตัว A หรือ ตัว E ก็หมายถึงตัว D ซึ่งการเข้ารหัสแบบนี้ถูกตั้งชื่อตาม Julius Caesar เพราะว่าเขาใช้ระบบนี้ในการเข้ารหัสข้อความทางการทหารในสมัยจักรวรรดิ์โรมัน
2
ส่วนในกรณีคำใบ้นี้ มีคนถอดรหัสได้ว่าต้องเลื่อนถัดตัวอักษรไป 4 ตัว เพราะคำใบ้ CLAVDIVS CAESAR ก็คือ Claudius Caesar กษัตริย์โรมันคนที่ 4 นั่นเอง! พอถอดรหัสออกมาได้ โค้ดเหล่านั้นก็คือลิ้งค์เว็บไซท์ที่นำไปสู่คำใบ้ถัดไป..
2
เมื่อถอดรหัสข้อความข้างบนออกมา มันก็จะนำไปสู่ลิงก์ภาพเป็ดน้อยแปลกๆและมีข้อความขึ้นว่า
" อุ๊ปส์ นี่มันแค่ตัวหลอกจ้า~ "
4
นักถอดรหัสรู้เลยว่าเขาให้ใช้โปรแกรมที่ชื่อว่า Out Guess เปิดรูปเป็ดน้อย เมื่อเปิดดูแล้วก็จะมีลิ้งค์โผล่ขึ้นมาสำหรับคำใบ้ถัดไป ซึ่งเป็นลิสต์ที่เรียกว่า book code ที่ยาวเหยียด ซึ่งเป็นเลขประมาณว่า 1:15 25:30 2:14 พร้อมกับลิ้งค์เว็บไซต์ Reddit ที่พาไปสู่หน้า subreddit
2
ในหน้านั้นจะมีทั้งเลขของอารยธรรมมายา เซ็ทโค้ดต่างๆที่ยาวเหยียด ซึ่งต้องถอดรหัสชุดตัวเลขเพื่อจะได้ตัวอักษร ต้องใช้โปรแกรมต่างๆ ช่วยในการถอดรหัสซึ่งออกมาเป็นข้อความจากหนังสือนิทานโบราณเล่มหนึ่ง ที่มีชื่อว่า The Mabinogion
ซึ่งคนคิดคำใบ้จะต้องมีความรู้ และความสนใจในด้านประวัติศาสตร์และภาษาศาสตร์เป็นอย่างมาก
2
ซึ่งเลข book code ที่ว่าก็คือตัวเลขที่บ่งบอกถึงบรรทัดและลำดับตัวอักษรในบรรทัดนั้นๆ เช่น 1:15 ก็หมายถึงให้หาตัวอักษรตัวที่ 15 ของบรรทัดที่ 1 ทำแบบนี้ไปจนสุด list ก็จะได้ข้อความที่บอกว่าให้โทรศัพท์ไปที่เบอร์ (214) 390-9608 ซึ่งจะนำไปสู่คำใบ้ถัดไป.. (ในปัจจุบันไม่สามารถโทรไปได้แล้ว)
5
เมื่อโทรไป เสียงในสายจะบอกว่าให้นำตัวเลข 3 ชุดมาคูณกัน และใส่ .com เข้าไป ซึ่งหนึ่งในตัวเลขนั้นก็คือเลข 3301 ส่วนอีก 2 เลขที่เหลือให้ไปหาเอาเอง คำใบ้ก็คือชุดตัวเลข 2 ชุดที่เหลือนั้นหาได้จากรูปคำใบ้แรกที่ถูกโพสบนเว็บไซต์ 4chan
3
สรุปก็มีคนไขรหัสได้ว่าเลขที่ต้องนำมาใช้ก็คือขนาด กว้างxยาว ของรูปคำใบ้แรกนั่นเอง นำมาคูณเข้ากับเลข 3301 ก็จะนำไปสู่เว็บไซท์ที่มีรูปตัวจั๊กจั่น พร้อมกับนาฬิกานับถอยหลัง ซึ่งต้องกลับไปดูในคำใบ้ก่อนหน้าที่นำไปถอดรหัสในโปรแกรมต่างๆ ว่าต้องกลับมาเช็คเว็บไซต์อีกทีในวันไหน ซึ่งพอถึงวันนั้น หน้าเว็บไซต์ก็กลายเป็นเลขระยะพิกัด GPS เต็มไปหมด..
4
เลขระยะพิกัดเหล่านั้น เมื่อนำไปใส่ลงในแผนที่ก็จะแสดงให้เห็นถึงเมืองต่างๆทั่วโลก ทั้งในประเทศสเปน รัสเซีย สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศษ ญี่ปุ่น โปแลนด์ ซึ่งแน่นอนว่าเหล่า Programmer Hacker และนักถอดรหัสทั้งหลายก็จะต้องทำงานกันเป็นทีม
มีการจัดตั้งกลุ่มขึ้นมา เช่น กลุ่ม #decipher (แปลว่านักถอดรหัส) ซึ่งมีเครือข่ายอยู่ทั่วโลก
2
พวกเขาเหล่านี้เดินทางไปตามพิกัดที่ได้มาจริงๆเพื่อตามหาคำใบ้ถัดไป ซึ่งพวกเขาก็ได้เจอกับใบปลิวที่มีโลโก้ Cicada 3301 พร้อมกับ QR code ติดอยู่ตามเสาและกำแพงต่างๆในเมืองเหล่านั้น และเมื่อสแกน QR code เข้าไปก็จะนำพวกเขาไปยังรูปภาพ 2 รูปซึ่งมีข้อความซ่อนอยู่..
2
ซึ่งข้อความ 2 ข้อความที่ได้มานี้สำคัญมาก เนื่องจากมีข้อความหนึ่งที่จนทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครไขรหัสได้ว่ามันหมายถึงอะไร..
4
ส่วนอีกข้อความนั้น เป็นคำใบ้ถึงหนังสือเล่มหนึ่งที่ชื่อว่า Agrippa (the Book of the Dead) ซึ่งเป็นหนังสือเมื่อหลายสิบปีที่แล้วที่ข้างในมาพร้อมกับแผ่น floppy disk ซึ่งข้อความใน disk จะลบตัวเองอัตโนมัติหลังเปิดเพียง 1 ครั้ง ส่วนหนังสือเล่มนั้นถูกเขียนด้วยสารเคมีที่จะค่อยๆเลือนหายไปเมื่อเจอแสง ซึ่งแน่นอนว่าคำใบ้นี้มาพร้อมกับ book code อีกแล้ว..
2
เมื่อรู้ชื่อหนังสือ ก็จะสามารถค้นหาเว็บไซท์ที่มีเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้ได้ เมื่ออ่านดิจิตอลไฟล์ของหนังสือเล่มนี้ตามคำสั่งของ book code แล้ว จะออกมาเป็นข้อความที่เป็นลิ้งค์ .onion หรือก็คือ URL ของ Dark Web นั่นเอง..
2
แล้ว URL ที่ว่านี้ สามารถเข้าถึงได้โดยการใช้ tor browser เท่านั้น ไม่สามารถใช้ Google หาเจอได้ ไม่สามารถเข้าถึงได้ด้วย Browser ทั่วไปตามท้องตลาด และเมื่อเข้าไปแล้วก็จะเจอกับคำสั่งให้สร้างอีเมลขึ้นมาใหม่เพื่อรอรับคำสั่งต่อไป..
1
เมื่อมาถึงจุดนี้ อะไรๆก็จะซับซ้อนและมีความยากขึ้นเรื่อยๆ..
Cicada 3301 จะส่งข้อความที่เปลี่ยนเป็นรหัส RSA encryption มาให้พวกเขาเหล่านั้นทำการถอดรหัส ซึ่งก็ต้องใช้ภาษา Python และสกิลการถอดรหัสแบบโปรแกรมเมอร์ขั้นลึกถึงจะถอดรหัสมันได้
3
และเมื่อถอดรหัสจนได้เซ็ทตัวเลขมาก็ต้องแจ้ง Cicada 3301 กลับไปทางอีเมล ซึ่งแต่ละคนก็จะได้คีย์เซ็ทตัวเลขที่แตกต่างกันไป เนื่องจากทาง Cicada 3301 ต้องการคนที่ชาญฉลาดจริงๆ ไม่ใช่รวมหัวช่วยกันทำ และถ้าคำตอบถูกต้อง ก็จะได้รับไฟล์เพลง midi มา 1 ไฟล์ ซึ่งเป็นเพลงเปียโนแบบคลาสสิคที่ชวนให้ขนลุกได้ดีทีเดียว
2
ซึ่งแน่นอนภายในไฟล์เพลงนี้มีอะไรซ่อนอยู่พร้อมกับบทกวี " A Song of Liberty " โดย William Blake ซึ่งนักถอดรหัสที่มาถึงขั้นนี้ ต้องมีความรู้ทางด้านดนตรีด้วย เพราะนอกจากต้องนำไฟล์เพลงไปเปิดกับโปรแกรม midi ที่แปลงดนตรีออกมาเป็นตัวเลขของโน้ตและจังหวะต่างๆแล้ว พวกเขาต้องรู้คีย์และตัวโน้ตเพื่อถอดรหัส ซึ่งพวกเขาค้นพบว่ามันมีสองเพลงที่อัดซ้อนกันอยู่ พอแยกออกมาก็สามารถนำมาถอดรหัสแบบชาญฉลาดเหนือมนุษย์ได้อีก จนสามารถได้ออกมาเป็นข้อความที่ให้พวกเขาส่งอีเมลกลับไปแจ้งทาง Cicada 3301 พร้อมกับรหัสลับของใครของมัน ซึ่งนั้นคือทั้งหมดของปริศนาในปีแรก เพราะว่าขั้นต่อไปนั้น เป็นการส่งคำเชิญแบบส่วนตัวสำหรับผู้ที่ได้ไปต่อ..
3
จนในที่สุด ก็มีผู้ที่อ้างตนว่าเขาคือคนที่ได้ผ่านเข้ารอบสุดท้ายของ Cicada 3301
โดยหนุ่มคนนี้มีชื่อว่า Marcus Wanner เขาได้รับคำเชิญจากทาง Cicada 3301 เมื่อปี 2012 ซึ่งตอนนั้นเขามีอายุเพียงแค่ 16 ปีเท่านั้น!
3
เขาเล่าว่าหลังจากที่สามารถไขปริศนาไฟล์เพลง midi ได้แล้ว ทาง Cicada 3301 ก็ติดต่อเขากลับมาผ่านทางอีเมลที่ให้สร้างขึ้นก่อนหน้านี้ พร้อมกับคำถามที่ถามความคิดเห็นเกี่ยวกับมุมมองที่มีต่อการเปิดเผยข้อมูลเสรี เช่น ถามว่าเขาเชื่อในการให้ทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลแบบเสรีหรือไม่ คิดว่าทุกคนควรจะสามารถใช้อินเตอร์เน็ตแบบ anonymous (ไม่เปิดเผยตัวตน) หรือไม่
3
และเมื่อเขาตอบคำถามเหล่านั้นกลับไป ทาง Cicada 3301 ก็ได้ลากเขาเข้าไปในแชทกรุ๊ปที่มีเขาและคนที่ผ่านเข้ารอบอีกประมาณ 20 คน ซึ่ง Marcus เล่าว่า
" จุดประสงค์ของ Cicada 3301 นั้นก็เพื่อหากลุ่มคนมาคิดค้นและพัฒนาระบบความปลอดภัย เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลบนโลกอินเตอร์เน็ต "
4
ซึ่งกลุ่มคนที่เข้ารอบไปนั้น ตามคำบอกเล่าของ Marcus พวกเขาไม่ค่อยมีการ Active เท่าไหร่นัก นอกจากตัวเขาที่คิดโปรเจ็กต์ขึ้นมา พร้อมกับเสนอแนะไอเดียและพัฒนาโปรแกรมจนเป็นรูปเป็นร่าง แต่กลับไม่มีใครสนใจแม้แต่จะดูด้วยซ้ำ..
3
นั่นอาจเป็นเพราะว่าทุกคนที่ผ่านเข้ารอบ คิดว่าจะได้ทำงานให้กับองค์กรเจ๋งๆ เช่น CIA หรือทีม Hacker หรือองค์กรลับระดับมหากาฬ แต่กลับกลายเป็นว่าพวกเขาให้มานั่งพัฒนาระบบธรรมดาๆซะได้..
2
จนเวลาผ่านไปเกือบปี ห้องแชทนี้ก็ได้ปิดตัวลง ไม่มีใครสามารถเข้าไปได้อีก และทาง Cicada 3301 ก็ขาดการติดต่อกับเขาไปเป็นเวลา 1 ปีกับอีก 1 วัน
2
หลังจากครั้งแรกที่ทาง Cicada 3301 ออกมาโพสต์รูปปริศนาในปี 2012 ทาง Cicada 3301 ก็กลับมาโพสต์ปริศนาอีกครั้งในรูปแบบคล้ายเดิม โดยที่เพิ่มความยากในบางคำใบ้ เช่น คำใบ้ด่านสุดท้ายที่เป็นหนังสือภาษารูนที่พวกเขาเขียนขึ้นมาเองมีชื่อว่า Liber Primus
2
จนถึงทุกวันนี้ก็ว่ากันว่ามีคนไขรหัสไปได้แค่เพียงไม่ถึงครึ่งเล่มเท่านั้น ทำให้การไขปริศนานั้นยุติลง และพวกเขาก็กลับมาใหม่ในปีถัดไป พร้อมกับบอกว่าปีนี้จะไม่มีใครได้ไปต่อจนกว่าหนังสือ Liber Primus จะถูกไขปริศนาได้
2
จนกระทั่งเวลาผ่านไป ผู้ผ่านเข้ารอบต่างๆ รวมถึง Marcus Wanner ก็ได้รับข้อความจากทาง Cicada 3301 ว่า
"พวกเขาได้เจอกลุ่มคนที่ชาญฉลาดแล้ว" ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครออกมาแสดงตัวก็ตาม..
4
และร่องรอยของ Cicada 3301 ที่ไม่ว่าจะเป็น account ต่างๆตามแชทรูม หรือเว็บไซต์ต่างๆก็ค่อยๆถูกลบหายไป..
2
ทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครได้รู้ว่า Cicada 3301 คือใคร และแท้จริงแล้วพวกเขาต้องการอะไร.. หรือพวกเขาหายไปไหน..
2
แต่จากระดับความซับซ้อนและความเล่นใหญ่ของปริศนาต่างๆ บวกกับความสามารถในการเข้ารหัส รวมถึงความสามารถในการแปะป้าย QR Code ตามสถานที่จริงทั่วโลกได้ ยังไงก็ต้องไม่ใช่การทำขึ้นมาเล่นๆโดยไม่มีจุดหมายแน่นอน
และมันคงไม่ใช่องค์กรเล็กๆธรรมดาๆ แต่ต้องเป็นองค์กรที่มีเครือข่ายและมีคนที่ต้องมีความรู้ทางด้านศิลปะ ประวัติศาสตร์ ปรัชญา ภาษาศาสตร์ ดนตรี ตัวเลข และโปรแกรมมิ่งเป็นอย่างดี
3
หลายๆคนเชื่อว่าปริศนาเหล่านี้ยุติลงไม่ใช่เพียงเพราะว่าพวกเขาหายไปดื้อๆ แต่ต้องมีคนที่ไขปริศนาเหล่านี้ได้ และทำงานอยู่กับ Cicada 3301 แล้วจริงๆก็เป็นได้..
1
และปริศนาคำใบ้ที่เชื่อกันว่าชาตินี้ก็ไม่มีใครไขได้ ก็อาจจะมีคนที่สามารถไขมันได้จริงๆ แต่ไม่ออกมาบอกใคร และทำให้พวกเขาได้เป็นผู้เข้ารอบสุดท้ายที่แท้จริงต่างหาก..
3
เรื่องราวของการเดินทางตามหาปริศนาบนโลกออนไลน์นี้ แน่นอนว่าต้องทำให้หลายๆคนตั้งคำถามมากมายเกี่ยวกับตัวตนของ Cicada 3301 ว่าตกลงแล้วพวกเขาเป็นใครกันแน่? และพวกเขาต้องการอะไรจากเหล่าผู้ที่เขารอบสุดท้ายของการทดสอบได้?
1
แต่ถ้าหากคำพูดของ Marcus เชื่อถือได้ เขานั้นก็บอกแค่ว่า Cicada 3301 ที่แท้จริงแล้วก็เป็นแค่กลุ่มคนที่มีเป้าหมายในการร่วมกันคิดค้นและพัฒนาระบบความปลอดภัย เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลบนโลกอินเทอร์เน็ตเท่านั้น..
2
และเรื่องราวของ Cicada 3301 ก็ยังคงเป็นตำนานแห่งโลกอินเทอร์เน็ตต่อไปจนถึงทุกวันนี้
3
Twitter : @time_6348
1
โฆษณา