26 เม.ย. 2021 เวลา 05:00 • หนังสือ
วันนี้แอดมินมีเนื้อหาดีๆมาฝากเช่นเคย
จากหนังสือ The Little Book of Talent เล่มเดิมเจ้าเดิมได้บอกเอาไว้ว่า "ความผิดพลาดไม่ใช่คำตัดสิน แต่เป็นข้อมูลที่ช่วยให้สามารถทำได้อย่างถูกต้องในครั้งต่อ ๆ ไป"
เคล็ดลับ "ยอมดูเหมือนเป็นคนโง่" บางครั้งบรรดาเพื่อนร่วมทีมของเวย์น เกรตซกี้ นักฮอกกี้น้ำแข็งชื่อดัง ก็จะได้เห็นอะไรแปลก ๆ อย่างการลื่นล้มของเกรตซกี้ บนลานน้ำแข็งขณะซ้อมตามลำพัง ถึงแม้จะฟังดูเหลือเชื่อที่นักฮอกกี่ชั้นนำของโลกหกคะเมนตีลังกาเหมือนเด็กเพิ่งหัดซ้อม แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการฝึกฝนครับ ไม่ว่าเขาจะเก่งแค่ไหนแล้วก็ตาม เกรตซก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะก้าวขึ้นไปอีกขั้นและทลายขีดจำกัดของตัวเอง ซึ่งวิธีเดียวที่จะทำเช่นนั้นได้ก็คือการสร้างความเชื่อมโยงใหม่ ๆ ขึ้นมาในสมอง นั่นหมายความว่าเขาต้องดิ้นรนพยายามทำผิดพลาด และดูเหมือนคนโง่!
แน่นอนว่าการรู้สึกว่าตัวเองโง่ไม่ใช่เรื่องน่าสนุกเลย แต่การยอมดูเหมือนเป็นคนโง่ (การยอมเสี่ยงที่จะต้องอับอายขายหน้าเมื่อทำผิดพลาด) นั้นมีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะเมื่อคุณดิ้นรนพยายาม ล้มเหลว และลุกขึ้นมาพยายามอีกครั้ง สมองของคุณก็
จะสร้างความเชื่อมโยงขึ้นมา จำไว้เสมอว่า ถ้าว่าด้วยเรื่องของการพัฒนาทักษะแล้ว ความผิดพลาดไม่ใช่ความล้มเหลว แต่เป็นหนทางสู่ความเก่งกาจต่างหาก
แหล่งบ่มเพาะหัวกะทิบางแห่งกระตุ้นให้เกิด “ความผิดพลาดในแง่บวก” ด้วยการตั้งกฏที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้เสี่ยงทำอะไรที่แปลกประหลาด เพื่อผลักดันให้พวกเขาเข้าสู่จุดกลมกล่อมที่จุดสุดขอบความสามารถของตัวเอง ตัวอย่างเช่น นักเรียนที่โรงเรียนดนตรีเมโดว์เมานต์มักฝึกซ้อมตามกฏที่ไม่เป็นทางการว่า ถ้าคนที่เดินผ่านไปมาฟังออกว่าเพลงที่นักเรียนกำลังเล่นเป็นเพลงอะไร นั่นแสดงว่าพวกเขาบรรเลงเพลงเร็วเกินไปแล้ว จุดประสงค์ของการเล่นเพลงให้ช้าแบบสุดขีด (จนเสียงที่ออกมาฟังดูคล้ายกับเสียงร้องของวาฬ) ก็เพื่อช่วยให้นักเรียนมองเห็นข้อผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ปกติแล้วมักจะถูกมองข้าม ซึ่งส่งผลให้การดิ้นรนพยายามครั้งต่อไปมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ด้านบริษัทหลาย ๆ แห่งก็สนับสนุนให้พนักงานทำผิดพลาดเช่นกัน บริษัทกูเกิลอนุญาตให้วิศวกรใช้เวลางาน 20 เปอร์เซ็นต์ไปทำโครงการอะไรก็ได้ที่ตัวเองสนใจและยังไม่ผ่านการอนุมัติ เพราะโครงการเหล่านั้นจะกระตุ้นให้พวกเขามีแนวโน้มที่จะกล้าทำอะไรเสียง ๆ มากกว่าปกติ นอกจากนี้ ผมยังพบว่าบริษัทหลายแห่งถึงขันให้พนักงานเซ็น “สัญญา” ว่าจะกล้าเสี่ยงและทำผิดพลาดอยู่เสมอ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือลีฟวิงโซเชียล บริษัทอีคอมเมิร์ซในกรุงวอชิงตัน ซึ่งตั้งกฏว่าในทุกสัปดาห์พนักงานทุกคนต้องตัดสินใจในเรื่องที่ตัวเองกลัว
ถึงแม้กลยุทธ์ของแต่ละที่จะแตกต่างกันไป แต่เป้าหมายยังคงเหมือนเดิม นั่นคือ กระตุ้นให้ผู้คนดิ้นรนพยายาม และปรับเปลี่ยนทัศนคติของพวกเขาที่มีต่อความผิดพลาดเสียใหม่ โดยทำให้พวกเขาเข้าใจว่าความผิดพลาดไม่ใช่คำตัดสิน แต่เป็นข้อมูลที่ช่วยให้สามารถทำได้อย่างถูกต้องในครั้งต่อ ๆ ไปต่างหาก
* เวย์น เกรตชกี้ นักฮอกกี้น้ำแข็ง *
โฆษณา