23 เม.ย. 2021 เวลา 10:36 • นิยาย เรื่องสั้น
เรื่องเล่าจากอินทนิลขวาง
ตอนที่ 62 ผลประโยชน์
“ก็ที่ดินที่ทรายขายให้เถ้าแก่ชัยมันเป็นที่ของนายหัวนงค์นะสิ”พี่นิตบอกกับผมก่อนที่จะขับรถมอเตอร์ไซค์ออกไปโดยที่ปล่อยให้ผมยืนงงอยู่เพียงลำพัง
จากนั้นผมก็เดินออกมาจากวัดเพื่อกลับมาที่บ้าน
เมื่อผมมาถึงบ้านผมก็พบว่าพวกจ่าตี๋และสารวัตรพร้อมกับลูกน้องของผมคนต่างมานั่งที่บ้านของผมเต็มไปหมด
“สวัสดีครับ”ผมยกมือไหว้ตำรวจพวกนั้น
“พอดีพาโกดำมาดูที่ดิน ว่าแต่ถนนไปถึงแล้วหรือยัง”สารวัตรถามกับผม
“ยังเลยครับ ผมก็เร่งเต็มที่แล้ว คิดว่าอีกไม่เกินเดือนน่าจะเสร็จครับ”ผมบอกกับสารวัตร
“งั้นโกดำคงไม่ต้องขึ้นไปดูหรอก เพราะถ้าถนนไม่เสร็จจะเดินไปก็ลำบาก”สารวัตรบอกกับโกดำคนที่เขาพามาด้วย
“ไม่เป็นไรหรอก แค่ได้มาเห็นบรรยากาศก็ชอบแล้ว”โกดำบอกกับสารวัตรพลางเดินออกมาดูบริเวณข้างๆบ้านของผม
“กินอะไรมาหรือยังครับ เดี๋ยวผมให้คนของผมทำกับข้าวให้กิน”ผมบอกกับพวกตำรวจก่อนที่จะสั่งให้พวกลูกน้องที่เตรียมตัวไปตัดถนนให้หุงข้าวและทำกับข้าวให้กับพวกตำรวจ
“พวกพี่ทานข้าวกันก่อนนะ เดี๋ยวผมขอตัวไปธุระแป๊บนะครับ”ผมบอกกับพวกตำรวจพลางจะคว้าปืนที่แขวนที่เสาบ้านไปด้วย แต่ฉุกคิดว่าคงจะแค่คุยกันธรรมดาหากผมสะพายปืนไปด้วยก็คงจะดูว่าผมไม่จริงใจ
ผมจึงขับมอเตอร์ไซค์ออกจากบ้านไปโดยที่ไม่มีอาวุธติดตัวไปด้วย
เมื่อผมไปถึงบ้านของตาจงซึ่งตั้งอยู่บริเวณต้นอินทนิลซึ่งโดนโค่นไปแล้ว ผมก็พบว่าผมคิดผิดไปมหันต์ที่ไม่นำอาวุธมาด้วย
เพราะตอนนี้บ้านของตาจงมีผู้ชายแปลกหน้าซึ่งผมไม่เคยเห็นมาก่อนเกือบห้าสิบคนอยู่กันเต็มพื้นที่ของบ้านตาจง
เมื่อผมจอดรถมอเตอร์ไซค์ผมก็มองหาพี่นิตซึ่งยืนอยู่หลังเถ้าแก่ชัยและชายสูงวัยที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ
ผมจึงเดินเข้าไปที่โต๊ะที่พวกเขานั่งอยู่โดยที่ทุกสายตาต่างมองมายังผมเป็นจุดเดียว
“มีอะไรเหรอครับ”ผมถามเถ้าแก่ชัยก่อนที่จะนั่งลงที่เก้าอี้
“มึงใช่มั๊ยที่ชื่อทราย”ชายสูงวัยคนนั้นถามผมทันทีที่ผมนั่งลง
“ครับผมเอง”ผมบอกกับเขา
“ทรายนี่นายหัวนงค์”พี่นิตบอกกับผมถึงชายสูงวัยคนนั้นซึ่งผมก็ไม่ได้ตอบอะไร
“มึงรู้มั๊ยที่ดินทั้งหมดในอินทนิลขวางนี่มันเป็นของกู กูทำไม้มาตั้งแต่สมัยที่พ่อมึงเพิ่งหัดเดิน”นายหัวนงค์พูดขึ้นมาด้วยเสียงอันดัง
“แล้วยังไงครับ”ผมถามกับนายหัวนงค์ด้วยน้ำเสียงปกติ
“กูก็มาทวงที่ดินของกูน่ะสิ ตรงบ้านที่มึงอยู่ก็เป็นหมอนไม้ของกู”นายหัวนงค์พูดด้วยเสียงอันดัง
“แล้วลุงจะเอาที่ดินตรงไหนคืนครับ ผมจะได้รู้ไว้”ผมถามนายหัวนงค์ต่อ
“ตรงนั้นกูเอาคืนทั้งหมด”นายหัวนงค์ชี้ไปยังสวนยางของลุงสิงห์ซึ่งอยู่คนละทิศกับที่ดินของผม
“อ๋อ งั้นเอาไปได้เลยครับ ตรงนั้นไม่ใช่ที่ของผม แต่ลุงต้องไปคุยกับเจ้าของเขาเองนะ ผมไม่เกี่ยว”ผมบอกกับนายหัวนงค์ไปยิ้มไปเพราะดูจากท่าทางเขาคงไม่รู้จริงๆว่าที่ดินของเขาอยู่ที่ไหน
“กูจะเอาตรงไหนก็ได้ เพราะเมื่อก่อนที่ดินทั้งหมดในอินทนิลขวางนี่เป็นของกู” นายหัวนงค์ยังคงไม่ลดละที่จะยึดเอาที่ดินของผมให้ได้
“แล้วก่อนหน้าที่พวกผมจะเข้ามาอยู่ ลุงไปอยู่ที่ไหนมาล่ะ พอผมบุกป่าฝ่าดงมาอยู่จนกลายเป็นหมู่บ้าน ลุงก็นั่งรถเข้ามาด่าผมข่มขู่ผมแบบนี้มันก็ไม่ถูกนะ”ผมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“ไม่รู้ล่ะ ยังไงมึงก็ต้องกลับออกไป มึงก็ได้มาเยอะแล้วนี่หว่า กูให้มึงกลับออกไปดีๆหรือมึงจะให้คนหามลงไป”นายหัวนงค์ยื่นคำขาดให้ผม
“ก็ลองดู ถ้าคิดว่าทำอะไรผมได้ ถ้าผมไม่แน่จริงผมคงไม่อยู่มาถึงทุกวันนี้หรอก อย่าคิดว่าผมเป็นเด็กแล้วจะมาขู่กันง่ายๆนะ”ผมลุงขึ้นพูดต่อหน้าพวกเขาทุกคนด้วยอารมณ์โมโห
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ใครก็ตามที่เข้าไปในที่ดินของผม ผมจะสั่งให้ลูกน้องทุกคนยิงทิ้งให้หมด ใครอยากลองของก็ลองดู”ผมประกาศกร้าวต่อหน้าพวกเขาซึ่งตอนนี้ต่างเงียบกริบไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมา
“เดี๋ยวเงินสองล้านผมเอามาคืนให้เอง แล้วพี่ก็ไม่ต้องมาให้ผมเห็นหน้าอีกนะ”ผมบอกกับเถ้าแก่ชัยก่อนที่จะเดินมาที่มอเตอร์ไซค์ที่จอดไว้โดยที่ผมเองก็ลุ้นว่าจะมีเสียงปืนตามหลังมามั๊ย
ถึงตอนนี้ผมยอมรับว่าพลาดมากที่ไม่พกปืนมาด้วย ประกอบกันการแต่งตัวของผมที่ใส่กางเกงขาสั้นรองเท้าแตะและเสื้อยืด ทำให้พวกเขาคิดว่าผมคงเป็นแค่เด็กธรรมดาจึงตั้งใจมาข่มขู่
ผมสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์กลับมาด้วยอารมณ์ที่โมโหก่อนที่จะเลี้ยวรถไปยังบ้านของพี่กรเพราะต้องการที่จะสงบอารมณ์ไม่อยากไปพูดคุยกับใคร
ขณะที่ผมนั่งอยู่นั้นจ่าตี๋กับสารวัตรก็เดินข้ามถนนเข้ามาหาผม
“เออทราย พี่ว่าพี่จะเอาแมคโครคันใหม่เข้ามาอีกคัน”สารวัตรบอกกับผม
“คันนี้มันเก่า คงทำงานไม่ได้ คันที่จะเอาเข้ามามีคนขับเรียบร้อย มาถึงก็ทำงานได้เลย”จ่าตี๋บอกกับผมซึ่งผมก็ไม่ได้ตอบอะไร
“ทรายมีอะไรหรือเปล่า ดูหน้าเครียดๆ”สารวัตรถามกับผมด้วยความสงสัย
“ไม่มีอะไรหรอกครับ”ผมบอกกับพวกเขาก่อนที่จะเดินกลับมาที่บ้านโดยทิ้งมอเตอร์ไซค์ไว้ที่บ้านของพี่กร
เมื่อเดินเข้ามาที่บ้านผมเห็นรถยนต์ทั้งสามคันกำลังขับผ่านบ้านของผมไปอย่างช้าๆโดยที่ผมเห็นคนในรถยนต์เหมือนกำลังชี้อะไรบางอย่างมาที่ผม
ผมจึงรับคว้าปืนที่แขวนที่เสาเดินตามออกมาที่หน้าบ้านและเล็งใส่รถยนต์พวกนั้นก่อนที่จะเปลี่ยนใจและชี้ลำกล้องปืนขึ้นฟ้าและลั่นไก
“ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
ผมยิงปืนขึ้นฟ้าไปด้วยความโมโหจนทำให้รถยนต์พวกนั้นรีบขับออกไปจากบริเวณนั้นไปอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันพวกตำรวจและลูกน้องผมต่างถือปืนวิ่งออกมาจากบ้านของผมอย่างมากมาย
“ทรายๆ มีอะไรกัน”จ่าตี่ถามกับผมด้วยความตกใจพลางมองไปที่รถยนต์ทั้งสามคันที่ขับออกไปไม่ไกลนัก
“พวกมันอยากจะลองดีน่ะ”ผมบอกกับจ่าตี๋ก่อนที่จะเดินถือปืนเข้ามาที่บ้าน
“ต่อไปถ้าใครที่ไม่ใช่พวกเราขึ้นไปข้างบนยิงทิ้งให้หมดเลยนะ โดยเฉพาะพวกตาจง”ผมบอกกับทุกคนด้วยเสียงที่ดัง
“มีเรื่องอะไรกัน ทรายบอกพวกพี่ได้นะ”สารวัตรถามกับผมเพราะยังไม่เข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
จากนั้นผมก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้พวกตำรวจฟัง
“กูว่านายหัวนงค์คงโดนหลอกให้ขึ้นมาที่นี่เพื่อมางัดกับมึงแน่ๆ”พี่โอ๋บอกกับผมหลังจากที่ฟังผมเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง
“ไม่รู้แหละ มาถึงก็ขู่ฟ่อๆเลย”ผมบอกกับพี่โอ๋
“มึงจำได้มั๊ย ตอนที่ตามุ้ยเคยไปพ่นสีที่ดินแปลงข้างบนนั้นเมื่อหลายปีก่อน จากนั้นพรานมิตรก็ไปถามนายหัวนงค์เรื่องนี้ นายหัวนงค์บอกว่าแกแก่แล้ว อยู่บ้านเลี้ยงหลานดีกว่า ไม่อยากจะเข้ามาเหนื่อยอีกแล้ว”พี่โอ๋บอกกับผม
“ถ้าอย่างนั้นใครมันเป็นคนหลอกนายหัวนงค์ขึ้นมาล่ะ”ผมถามกับพี่โอ๋
“ที่ดินแปลงของเถ้าแก่ชัยใช่มั๊ย ใครมันเป็นลูกน้องของเถ้าแก่ชัยล่ะ”พี่โอ๋โยนคำถามมาให้ผม
“พี่นิต”ผมบอกกับพี่โอ๋พลางนึกได้ว่าทั้งหมดนี่คงเป็นแผนของพี่นิตแน่ๆ
“ตระกูลนี้มันร้าย”พี่โอ๋พูดออกมา
“เมื่อกี้ทรายน่าจะบอกพวกพี่ก่อน ไปคนเดียวแบบนั้นมันอันตราย”จ่าตี๋บอกกับผม
“ผมไม่อยากให้เรื่องมันบานปลายน่ะ คิดว่าไม่มีอะไรเลยไม่ได้บอกใคร”ผมบอกกับพวกเขา
“มึงจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ มึงมันประมาทเกินไป เดี๋ยวนี้ผลประโยชน์มันเยอะ คนที่ไม่รู้จักมึงก็เยอะ มันต้องมีพวกที่อยากจะลองดีบ้างแหละ”พี่โอ๋บอกกับผม
“ให้พวกพี่ตัดไฟก่อนดีมั๊ย”จ่าตี๋ถามกับผมเบาๆ
“อย่าเลยพี่ ผมว่าบางทีแกอาจจะโดนหลอกมาจริงๆอย่างที่พี่โอ๋บอกก็ได้”ผมบอกกับจ่าตี๋
“ยังไงก็ระวังตัวบ้างนะ “จ่าตี๋บอกกับผม
“เออ ส่วนที่ดินแปลงที่ทรายคืนเงินเขาไป เดี๋ยวพี่หาคนมาซื้อเอง ไม่ต้องห่วง”จ่าตี๋บอกกับผม
“ขอบคุณมากครับ”ผมบอกกับจ่าตี๋
หลังจากนั้นพวกตำรวจก็ขับรถยนต์ออกไปจากบ้านผมในตอนเย็น
“กูว่ามึงน่าจะไปอยู่กรุงเทพฯสักพักนะ”พี่โอ๋บอกกับผมขณะที่กำลังตั้งวงกินเหล้าป่าเหมือนเช่นทุกวัน
“จะไปทำไม ถ้าผมไปก็แสดงว่าผมกลัวน่ะสิ”ผมบอกกับพี่โอ๋
“กูไม่ได้บอกว่ามึงกลัว แต่ของแบบนี้ระวังไว้บ้างก็ดี ตอนนี้ที่ดินกำลังราคาสูง มึงดูสิวันๆมีแต่คนขับรถเข้ามาหาซื้อที่ดิน แล้วตอนนี้มึงคือคนที่มีที่ดินมากที่สุด ถ้ามีคนล้มมึงได้ผลประโยชน์มันจะมากมายขนาดไหน”พี่โอ๋บอกกับผม
“คนเราถ้ามันถึงคราวตาย อยู่ที่ไหนก็ตาย แต่ตายยังไงให้คนรุ่นหลังจดจำมันสำคัญกว่า”ผมบอกกับพี่โอ๋ก่อนที่จะยกเหล้าเข้าปาก
“เออๆ แล้วแต่มึงเถอะ” พี่โอ๋บอกกับผม
คืนนั้นผมอาบน้ำแล้วก็เข้านอนตามปกติ
รุ่งเช้าผมกินข้าวเสร็จก็เตรียมขับรถ ATV ขึ้นไปบนภูเขาที่รถแทรคเตอร์กำลังตัดถนน
“กูขอไปด้วย”พี่โอ๋บอกกับผมพลางสะพายปืนอาก้าขึ้นบ่าแล้วเดินมาซ้อนท้ายรถของผม
“นึกไงวันนี้ถึงไปด้วย”ผมถามพี่โอ๋แบบงงๆเพราะปกติพี่โอ๋มักจะชอบอยู่ที่บ้านมากกว่า
“กูก็อยากขึ้นไปดูถนนบ้างสิ”พี่โอ๋บอกกับผม
“มองเห็นเหรอ..”ผมถามพี่โอ๋
“อย่ากวนตีน ขับไปเลย”พี่โอ๋บอกกับผมก่อนที่ผมจะขับรถ ATV ของผมขึ้นไปตามถนนที่ตัดใหม่
เมื่อถึงบนภูเขาผมก็นั่งดูรถแทรคเตอร์ทำงาน สักพักแทรคเตอร์ก็หยุดทำงานแล้วพี่โหน่งก็เดินมาหาผม
“ทรายไปดูที่ดินตรงโน้นหน่อยสิ”พี่โหน่งเดินมาตามผมจากนั้นผมกับพี่โอ๋ก็เดินตามพี่โหน่งไป
“มีอะไรเหรอพี่”ผมถามกับพี่โหน่งเมื่อถึงบริเวณที่พวกพี่ดิษและคนอื่นๆนั่งอยู่
“ผมว่าตรงนี้เหมาะกับการปลูกบ้านหลังใหม่นะตรงนี้มันเป็นเนินสูงกว่าตรงอื่นและที่สำคัญบริเวณ ข้างๆมีน้ำตกเล็กๆด้วย”พี่โหน่งบอกกับผมถึงที่ดินแปลงนั้นเพราะปกติไม่ค่อยมีใครมาปลูกบ้านบนภูเขาเพราะมีปัญหาเรื่องของน้ำกินน้ำใช้
“อ้าวแล้วบ้านหลังเก่าล่ะทำไง”ผมถามกับพี่โหน่ง
“หลังนั้นเราก้เอาไว้พักเสบียง แล้วเราก็ย้ายมาอยู่บนนี้กันดีกว่าไม่วุ่นวายกับใคร”พี่โหน่งบอกกับผม
“เออ กูก็เห็นด้วยกับพี่โหน่งนะ ข้างล่างนั้นคนเยอะชิปหาย ไม่รู้ใครเป็นใคร ระวังตัวกันยาก อีกอย่างกูไม่ชอบคนเยอะแยะ”พี่โอ๋บอกกับผม
“ถ้าเราย้ายบ้านมาที่นี่ เราสามารถคุมพื้นที่ได้ทั้งหมด นอกจากคนของเราคนอื่นๆที่แปลกหน้าก็เข้ามาไม่ได้”พี่โหน่งบอกกับผม
“ไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้มั้งพี่ ผมว่าพวกเราตื่นตูมกันเกินไป”ผมบอกกับทุกๆคน
“เชื่อผมเถอะว่าต่อไปยังจะต้องมีปัญหาตามมาอีกแน่ๆ”พี่โหน่งบอกกับผม
“งั้นก็แล้วแต่พวกพี่”ผมบอกกับทุกๆคน
“ว่าแต่ที่ดินแปลงนี้มันของผู้ใหญ่เล็กไม่ใช่เหรอ”ผมถามกับพี่โหน่ง เพราะที่ดินของผมอยู่อีกฟากของภูเขาลูกนี้
“เรื่องนั้นกูจัดการเอง”พี่ชายของผมบอกกับผมว่าจะเป็นคนไปเจรจาเรื่องที่ดินแปลงนี้กับผู้ใหญ่เล็ก
“งั้นก็ได้ มาอยู่บนนี้ก็ดี ไม่วุ่นวายกับใครดี”ผมบอกกับทุกๆคน
“แล้วต้องยิงคนแปลกหน้าทิ้งทั้งหมดใช่มั๊ย”ไข่ถามกับผมแบบงงๆทำให้ทุกๆคนหันไปมองหน้าของไข่พร้อมๆกัน
“ก็ต้องดูว่าเขามาทำไมกัน แต่ถ้ามาทำนักเลงใส่ก็ยิงเลย”ผมบอกกับไข่ซึ่งเขาก็พยักหน้าเหมือนกับเข้าใจ
เย็นนั้นหลังจากเสร็จงานผมก็ผมขับรถ ATV กับพี่โอ๋ลงจากบนภูเขาตามหลังรถกระบะกลับไปที่บ้าน
เมื่อถึงหน้าบ้านของลุงสิงห์ผมก็พบว่าลุงสิงห์ยืนขวางทางผมอยู่
“มีปัญหากับนายหัวนงค์เหรอ”ลุงสิงห์ถามผมทันทีที่ผมจอดรถ
“รู้ได้ไง ข่าวเร็วจริงๆ”ผมถามลุงสิงห์หลังจากที่ดับเครื่องยนต์
“ไม่รู้ได้ไง ข่าวดังทั้งอำเภอ เมื่อเช้าเรามาจากสุราษฏร์แวะซื้อของที่ตลาดยังได้ยินแม่ค้าพูดกันเลย”ลุงสิงห์บอกกับผม
“แล้วชาวบ้านเขาว่ายังไงบ้างล่ะ”ผมถามลุงสิงห์ถึงข่าวที่เชาวบ้านพูดกัน
“เขาก็พูดกันว่าทรายไล่ยิงนายหัวนงค์เพราะแย่งที่ดินกัน”ลุงสิงห์บอกกับผมถึงข่าวที่เขาได้ยินมา
“ผมไม่ได้ไล่ยิง แค่ยิงขึ้นฟ้า”ผมบอกกับลุงสิงห์
“แต่ข่าวที่เขาพูดกัน เขาว่าทรายวิ่งไล่ยิงเลยนะ”ลุงสิงห์บอกกับผมด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ข่าวน่ะ มันก็ต้องเติมๆไปบ้างแหละ”ผมบอกกับลุงสิงห์
“ยังไงทรายก็ต้องระวังตัวไว้นะ”ลุงสิงห์บอกกับผมก่อนที่รถกระบะของพี่ชายผมจะขับย้อนกลับมา
“มีอะไรเหรอ”ผมถามหลังจากที่รถกระบะขับมาจอดข้างๆผม
“ป่าว เห็นหายไปเลยย้อนกลับมาดู”พี่โหน่งบอกกับผม
“โอ้ย ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้พี่ ผมไม่เป็นอะไรหรอก”ผมบอกกับพี่โหน่งก่อนที่จะสตาร์ทรถ ATV
“ผมกลับก่อนนะ”ผมบอกกับลุงสิงห์กีอนที่จะขับรถกลับมาที่บ้าน
ตอนสายวันถัดมาเจ้าเอกเดินสะพายย่ามมาที่บ้านของผม
“ได้ข่าวว่าช่วงนี้มีปัญหาบ่อยเราเลยมาของขลังมาให้”เจ้าเอกบอกกับผมพลางหยิบKimber กระบอกเล็กส่งคืนมาให้ผม
“ขลังแน่นะเจ้า”ผมถามพลางรับปืนกระบอกนั้นมา
“ขลังหรือเปล่าเราก็ไม่รู้ แต่ถ้าใช้แบบไม่มีสติโดนขังแน่นอน”เจ้าเอกบอกกับผม
“สาธุ” ผมยกมือไหว้เจ้าเอก
“ผมจะออกไปดูรถที่ซ่อมไว้สัก 2-3 วัน เจ้าอยากได้อะไรมั๊ย”ผมถามกับเอก
“ไม่อยากจะได้อะไรแล้ว ที่อยู่นี่ก็มีมากพอแล้ว”เจ้าเอกบอกกับผมก่อนที่จะเดินกลับไปที่วัด
จากนั้นผมกลับพี่ชายและไข่ก็ขับรถกระบะออกจากหมู่บ้านอินทนิลขวาง
เมื่อมาถึงตัวอำเภอผมก็โทรศัพท์ไปหาแฟนของผมแต่โทรไปกี่ครั้งเธอก็ไม่ยอมรับสาย
ผมจึงโทรไปที่ศูนย์ HONDA เพื่อสอบถามอาการของรถยนต์ของแฟน
“โชคดีที่น้ำมันไม่ทันลงเครื่องยนต์ ช่างเลยถอดถังน้ำมันออกมาล้างให้ค่ะ ลูกค้าเข้ามารับรถพรุ่งนี้ได้เลย”พนักงานแจ้งกับผม
จากนั้นผมก็โทรกลับไปหาแฟนอีกครั้งแต่เธอก็ไม่ยอมรับสายอีกเช่นกัน
หลังจากที่กลับมาถึงบ้านของพ่อผมก็อาบน้ำอาบท่าก่อนที่จะขับรถกระบะไปยังบ้านของแฟน
เมื่อผมไปถึงบ้านของแฟนขณะที่ผมเปิดประตูบ้านเข้าไปนั้น
“อีพิมมันเป็นใคร..?”
แฟนผมถามกับผมทำให้ผมหน้าซีดเผือดเหงื่อไหลออกมาเต็มหน้าทั้งๆที่เพิ่งอาบน้ำมา..!!!
โฆษณา