“ทรายๆ มีอะไรกัน”จ่าตี่ถามกับผมด้วยความตกใจพลางมองไปที่รถยนต์ทั้งสามคันที่ขับออกไปไม่ไกลนัก
“พวกมันอยากจะลองดีน่ะ”ผมบอกกับจ่าตี๋ก่อนที่จะเดินถือปืนเข้ามาที่บ้าน
“ต่อไปถ้าใครที่ไม่ใช่พวกเราขึ้นไปข้างบนยิงทิ้งให้หมดเลยนะ โดยเฉพาะพวกตาจง”ผมบอกกับทุกคนด้วยเสียงที่ดัง
“มีเรื่องอะไรกัน ทรายบอกพวกพี่ได้นะ”สารวัตรถามกับผมเพราะยังไม่เข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
จากนั้นผมก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้พวกตำรวจฟัง
“กูว่านายหัวนงค์คงโดนหลอกให้ขึ้นมาที่นี่เพื่อมางัดกับมึงแน่ๆ”พี่โอ๋บอกกับผมหลังจากที่ฟังผมเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง
“ไม่รู้แหละ มาถึงก็ขู่ฟ่อๆเลย”ผมบอกกับพี่โอ๋
“มึงจำได้มั๊ย ตอนที่ตามุ้ยเคยไปพ่นสีที่ดินแปลงข้างบนนั้นเมื่อหลายปีก่อน จากนั้นพรานมิตรก็ไปถามนายหัวนงค์เรื่องนี้ นายหัวนงค์บอกว่าแกแก่แล้ว อยู่บ้านเลี้ยงหลานดีกว่า ไม่อยากจะเข้ามาเหนื่อยอีกแล้ว”พี่โอ๋บอกกับผม
“ถ้าอย่างนั้นใครมันเป็นคนหลอกนายหัวนงค์ขึ้นมาล่ะ”ผมถามกับพี่โอ๋
“ที่ดินแปลงของเถ้าแก่ชัยใช่มั๊ย ใครมันเป็นลูกน้องของเถ้าแก่ชัยล่ะ”พี่โอ๋โยนคำถามมาให้ผม
“พี่นิต”ผมบอกกับพี่โอ๋พลางนึกได้ว่าทั้งหมดนี่คงเป็นแผนของพี่นิตแน่ๆ
“ตระกูลนี้มันร้าย”พี่โอ๋พูดออกมา
“เมื่อกี้ทรายน่าจะบอกพวกพี่ก่อน ไปคนเดียวแบบนั้นมันอันตราย”จ่าตี๋บอกกับผม
“ผมไม่อยากให้เรื่องมันบานปลายน่ะ คิดว่าไม่มีอะไรเลยไม่ได้บอกใคร”ผมบอกกับพวกเขา
“มึงจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ มึงมันประมาทเกินไป เดี๋ยวนี้ผลประโยชน์มันเยอะ คนที่ไม่รู้จักมึงก็เยอะ มันต้องมีพวกที่อยากจะลองดีบ้างแหละ”พี่โอ๋บอกกับผม
“ให้พวกพี่ตัดไฟก่อนดีมั๊ย”จ่าตี๋ถามกับผมเบาๆ
“อย่าเลยพี่ ผมว่าบางทีแกอาจจะโดนหลอกมาจริงๆอย่างที่พี่โอ๋บอกก็ได้”ผมบอกกับจ่าตี๋
“ยังไงก็ระวังตัวบ้างนะ “จ่าตี๋บอกกับผม
“เออ ส่วนที่ดินแปลงที่ทรายคืนเงินเขาไป เดี๋ยวพี่หาคนมาซื้อเอง ไม่ต้องห่วง”จ่าตี๋บอกกับผม
“ขอบคุณมากครับ”ผมบอกกับจ่าตี๋
หลังจากนั้นพวกตำรวจก็ขับรถยนต์ออกไปจากบ้านผมในตอนเย็น