25 เม.ย. 2021 เวลา 05:30 • หุ้น & เศรษฐกิจ
วิเคราะห์หุ้น WINMED ก่อนเข้าตลาดหลักทรัพย์
WINMED หรือ บริษัท วินเนอร์ยี่ เมดิคอล จำกัด (มหาชน) กำลังจะกลายเป็นบริษัทจดทะเบียนน้องใหม่ในตลาดหลักทรัพย์ MAI ซึ่งชูจุดเด่นของธุรกิจด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ถือเป็นธุรกิจแห่งอนาคต โดยรูปแบบธุรกิจคือ การนำเข้าและจำหน่าย “เครื่อง/ชุดอุปกรณ์” สำหรับการเก็บ การตรวจวิเคราะห์ วินิจฉัย และการบำบัดรักษาทางการแพทย์ เป็นตัวแทนนำเข้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากบริษัทชั้นนำ 23 บริษัทจาก 12 ประเทศ มีสัญญาในรูปแบบผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายทั่วไป 11 ราย สัญญาแบบผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย 10 ราย และรูปแบบอื่นๆ อีก 2 ราย ซึ่งสัญญามีระยะเวลาแตกต่างกันไป แต่บริษัทยังไม่เคยถูกบอกเลิกสัญญา หรือไม่ต่ออายุสัญญา
ในส่วนของรายได้และกำไรของบริษัท ระหว่างปี 2561-2563 มีดังนี้
2561 รายได้ 515.96 ล้านบาท กำไร 40.96 ล้านบาท
2562 รายได้ 498.30 ล้านบาท กำไร 37.19 ล้านบาท
2563 รายได้ 531.05 ล้านบาท กำไร 51.58 ล้านบาท
โดยแบ่งเป็นรายได้จากผลิตภัณฑ์ 2 กลุ่ม (งบการเงินปี 2563) คือ
กลุ่มที่ 1 ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ แบ่งออกเป็น
- ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพสตรี สัดส่วนรายได้ 25.92%
- ผลิตภัณฑ์ธนาคารโลหิต สัดส่วนรายได้ 28.52%
- ผลิตภัณฑ์ความปลอดภัยของโลหิต สัดส่วนรายได้ 29.38%
- ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีเซลล์บำบัด สัดส่วนรายได้ 4.91%
กลุ่มที่ 2 ผลิตภัณฑ์อื่นๆ สัดส่วนรายได้ 3.58%
นอกจากนี้ยังมีรายได้จากค่าเช่าและรายได้อื่น คิดเป็นสัดส่วน 7.69%
*** และบริษัทเข้าลงทุนในบริษัท โปรเฟสชั่นแนล ลาโบราทอรี่ แมเนจเม้นท์ คอร์ป จำกัด (“Pro-Lab”) ที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์ทางการแพทย์ (ห้อง Lab) เป็นการให้บริการรับวินัจฉัย/ตรวจ และวิเคราะห์โรคเฉพาะทางหรือโรคติดต่อ
โดยการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ จะเสนอขายจำนวน 120 ล้านหุ้น คิดเป็น 30% ของหุ้นทั้งหมด โดยมีวัตถุประสงค์การใช้เงิน คือ
(1) สร้างห้องปฏิบัติการตรวจหาเชื้อไวรัส HPV จากตัวอย่างที่ได้จากเซลล์บริเวณปากมดลูกไม่เกิน 22 ล้านบาท
(2) สร้างห้องปฏิบัติการเตรียมเซลล์สำหรับการรักษาด้วยวิธีเซลล์บำบัด (cell therapy) ไม่เกิน 80 ล้านบาท
(3) ชำระคืนเงินกู้
(4) ใช้เป็นเงินหมุนเวียนในกิจการ
ข้อได้เปรียบหลักของบริษัท คือ
(1) ทำธุรกิจด้านเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์มายาวนานกว่า 24 ปี ทำให้มีฐานลูกค้าจำนวนมาก
(2) มีความเข้าใจ และเชี่ยวชาญในผลิตภัณฑ์เป็นอย่างดี จึงสรรหาผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละประเภทได้เป็นอย่างดี
(3) คู่แข่งเข้าสู่ธุรกิจค่อนข้างยาก เนื่องจากความซับซ้อนของการนำเข้าเครื่องมือแพทย์ที่จำเป็นต้องผ่านการรองรับของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
ขณะที่ความเสี่ยงสำคัญของบริษัท คือ
(1) การพึ่งพิงการนำเข้าจากผู้ผลิตรายใหญ่ 3 ราย ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 70-75 ของมูลค่าการสั่งซื้อ
(2) ความล่าช้าของการชำระเงินจากลูกค้าภาครัฐบาล เนื่องจากมีลูกค้าภาครัฐซึ่งคิดเป็นร้อยละ 70.75, 65.28 และ 73.93 ในปี 2561, 2562 และ 2563 ตามลำดับ โดยบริษัทมีระยะเวลาชำระหนี้ประมาณ 90 วัน
(3) ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เนื่องจากบริษัทนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศการขึ้นลงของอัตราแลกเปลี่ยนจึงส่งผลกระทบต่อต้นทุนของผลิตภัณฑ์
ข้อคิดเห็นของ BiotechAnalyst
(1) มะเร็งปากมดลูกเป็นโรคมะเร็งที่พบมากอันดับ 2 ในผู้หญิงไทย มีเคสใหม่เกิดขึ้นเฉลี่ย 8,622 รายต่อปี ซึ่งสาเหตุหลักมาจากเชื้อไวรัส HPV ภาครัฐจึงให้การสนับบสนุนการตรวจเชื้อไวรัส HPV ทุกๆ 5 ปี ในผู้หญิงอายุระหว่าง 30-60 ปี การตรวจหามะเร็งปากมดลูกและการตรวจหาไวรัสควรทำควบคู่กันไป ดังนั้นจำเป็นต้องจัดหาชุดคัดกรองมะเร็งปากมดลูกที่มีประสิทธิภาพ โดยจุดเด่นของ WINMED คือการนำเข้าชุดคัดกรองมะเร็งปากมดลูกจากบริษัท Hologic (สหรัฐอเมริกา) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการตรวจหามะเร็งปากมดลูก และปัจจุบัน WINMED ก็เป็นผู้นำตลาดในประเทศไทยด้านการคัดกรองมะเร็งปากมดลูก และการนำเงินลงทุนไปสร้างห้องปฏิบัติการที่มีความจำเพาะในการตรวจหาไวรัส HPV เป็นการเสริมจุดแข็งให้กับธุรกิจด้านนี้ ช่วยให้รักษาความเป็นผู้นำตลาดได้ อีกทั้งยังมีโอกาสสร้างรายได้สม่ำเสมอจากการรับวิเคราะห์ทดสอบด้วยห้องปฏิบัติการที่มีความชำนาญจำเพาะในอนาคต
(2) ผลิตภัณฑ์ธนาคารโลหิตมีส่วนแบ่งการตลาดติด 3 อันดับแรกของประเทศ ขณะที่ผลิตภัณฑ์ความปลอดภัยของโลหิต แม้จะมีสัดส่วนรายได้สูงสุดของบริษัท แต่มีส่วนแบ่งการตลาดเพียงร้อยละ 5 ในประเทศ โดยอุปสรรคสำคัญของผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 ประเภทนี้คือ บริษัทคู่แข่งเป็นบริษัทต่างชาติยักษ์ใหญ่ที่เข้ามาดำเนินธุรกิจในไทย ซึ่งมีคุณภาพไม่ได้แตกต่างกัน จึงเป็นการแข่งขันด้านกลยุทธทางการตลาด ทำให้ WINMED เสียเปรียบในด้านงบการทำตลาด รวมถึงแบรดดิ้ง แม้จะเป็นตลาดที่สามารถเพิ่มส่วนแบ่งได้แต่การเจาะกลุ่มตลาดนี้ถือเป็นเรื่องลำบากพอสมควร
(3) การจัดทำห้องปฏิบัติการเพื่อรองรับเทคโนโลยีเซลล์บำบัด ถือเป็น S-Curve ใหม่ให้กับบริษัทได้ เนื่องจาก สัดส่วนรายได้ในกลุ่มนี้ยังมีน้อย ขณะที่เทคโนโลยีด้านเซลล์บำบัดเริ่มเป็นที่ยอมรับมากขึ้นทั่วโลก เซลล์บำบัดเป็นการนำเซลล์ เช่น เซลล์ภูมิคุ้มกันจากร่างกายผู้ป่วยมาเพิ่มจำนวนให้มากขึ้นภายนอกร่างกายและปลูกถ่ายเซลล์เหล่านี้กลับเข้าสู่ร่างกายเพื่อช่วยต่อสู้กับเซลล์มะเร็ง เป็นเทคโนโลยีที่ส่งผลเสียต่อผู้ป่วยน้อยกว่าการรักษาด้วยเคมี (chemotherapy) ซึ่งในไทยส่วนใหญ่ยังทำกันในศูนย์วิจัยของแต่ละสถาบัน แต่การรักษามีกลุ่มเป้าหมายจำกัดเนื่องจากค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง โดย WINMED มุ่งเน้นไปที่การเตรียมเซลล์เพิ่มจำนวนเซลล์ก่อนจะนำเข้าสู่ร่างกาย การขยายฐานลูกค้านอกเหนือจากในประเทศจึงมีความเป็นไปได้
4) การเข้าซื้อเงินลงทุนร้อยละ 12.55 ของทุนจดทะเบียน Pro-Lab ถือเป็นการซื้อกิจการที่เสริมแกร่งให้กับบริษัท โดย WINMED จะได้ประโยชน์ 2 ทาง คือ ส่วนแบ่งกำไรที่ได้จากการถือหุ้น Pro-Lab จากงบการเงินปี 2562 พบว่า มีรายได้รวม 444.55 ล้านบาท กำไรสุทธิ 17.29 ล้านบาท นอกจากนี้แล้วจะเป็นองค์ความรู้การทำห้องปฏิบัติการจาก Pro-Lab อีกทั้งยังเป็นภาพที่ชัดขึ้นของ WINMED ที่จะมุ่งเน้นการบริการด้านการตรวจวิเคราะห์สำหรับประชาชนเพิ่มขึ้น และจะสามารถลดการพึ่งพิงรายได้จากภาครัฐ
ดังนั้น WINMED ก็ถือเป็นหนึ่งในบริษัทด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์ของประเทศไทยที่น่าจับตามอง เพื่อรองรับการเติบโตของสังคมสุขภาพหลังยุคโควิด-19
…………………………….
หนังสือชี้ชวนตราสารทุน
…………………………….
Human Papillomavirus and Related Diseases Report
…………………………….
National screening programs for cervical cancer in Asian countries
doi: 10.3802/jgo.2020.31.e55
…………………………….
Winnergy Medical official website
…………………………….
DBD Service (application)
…………………………….
…………………………….
#BiotechAnalyst #FutureIsNow #TheFuturist #WINMED #CervicalCancer #CellTherapy #MedicalTechnology
โฆษณา