[Category : ความรู้เทคโนโลยีอนาคต]
Quantum Computing หรือนี่คือเทคโนโลยี ที่จะมาเปลี่่ยนโลก ให้กลายเป็นโลกแห่ง ''เวทมนต์'' กันนะ
ควอนตัมคอมพิวติ้ง หรือที่เราอาจเคยได้ยินผ่านหูว่า ''ควอนตัม'' บางคนก็อาจรู้จักมันแล้ว เพียงแต่หลายคนก็อาจจะยังไม่ได้รู้จักมัน วันนี้ผมเลยถือโอกาศมาบอกเล่ากล่าวถึง ว่าตัวมันนั้นสำคัญไฉน จนถึงขั้นที่เราอาจจะต้องให้นิยามมันว่า ''เวทมนต์''
หากจะพูดง่ายๆเลย เทคโนโลยีควอนตัมก็คือเทคโนโลยี ที่สามารถทำให้ คอมพิวเตอร์หรือเครื่องมือต่างๆ ประมวลผลคิดคำนวนดั่งปีศาจด้วย ความเร็วที่ ''เหนือสามัญสำนึก''
ที่ผมคงต้องขอใช้คำว่า ''เหนือสามัญสำนึก'' นั่นก็เพราะมันเหนือล้ำจินตนาการ ซึงแม้แต่มนุษย์ สิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาแห่งผืนพิภพเองก็ไม่อาจเข้าใจมันได้อย่างสมบูรณ์
ด้วยเหตุผลที่ว่า
- ควอนตัม นั้นอยู่ในหลายที่ได้ในเวลาเดียวกัน
- ควอนตัม นั้นสามารถทะลุผ่านทุกสิ่งได้โดยไม่ต้องกระโดดข้าม
- ควอนตัม นั้นสามารถสื่อสารติดต่อกันได้ โดยไม่ต้องติดต่อกัน
ซึ่งจากลักษณะสามประการนี้ทำให้เราสรุปได้่ ทั้งระยะห่างและกาลเวลา
ล้วนไร้ความหมายสำหรับ ''ควอนตัม''
หากจะให้เราจินตนาการว่า ควอนตัมนั้นเป็นอย่างไร ผมคงต้องย้อนทุกคนไปในปี 2001 เพื่อเปิดดูหนังที่มีชื่อว่า ''THE ONE' กันครับ
THE ONE นั้นเป็นเพียงหนังแอคชั่นธรรมดา แต่สิ่งที่ไม่ธรรมดาก็คือพระเอกนั้น มีความพิเศษอยู่อย่างหนึ่งนั่นก็คือ ''เขาสามารถติดต่อตัวเองในโลกคู่ขนาน และเมื่อตัวเองในโลกคู่ขนานสูญหายหายไป ตัวเขาที่เหลือในโลกต่างๆจะได้รับความสามารถและข้อมูลที่มากขึ้นนั่นเอง''
หรือหนังเรื่อง ''อเวนเจอร์ อินฟินิตี้วอร์' ที่ด็อกสเตรนจ์ ของเลือกปรับเปลี่ยนปัจจุบันเพียงเล็กน้อย เพื่อเข้าถึงอนาคตที่เขาถวิลหา
ซึงนี่ก็ดูจะเป็นตัวอย่างที่่น่าสนใจทีเดียว ซึ่่งมีบางอย่างที่คล้ายคลึงกับ
''ควอนตัม''
ควอนตัมนั้นมี ''พลานุภาพที่อาจจะพลิกโลก'' ได้ในเวลาเพียงชั่วขณะ
ด้วยอำนาจที่เคยมีเพียงสิ่งที่เรานิยามว่าพระเจ้านั้นเข้าถึงได้
ในเมือสามารถมีสิ่งๆนึง ทีสามารถอยู๋ได้หลายที่ในเวลาเดียวกัน ติดต่อกันได้และไม่มีตัวกลางใดใดสามารถเป็นอุปสรรคได้แล้ว แม้แต่แสงก็คงมีความเร็วน้อยกว่ามัน
หากเราลองคิดเล่นๆว่าหากมี ai หรือปัญญาประดิษฐ์ ได้มีความสามารถของควอนตัมนั้น
มันก็คงสามารถที่จะคาดคะเน ความเป็นไปได้
''นับล้านรูปแบบ''
ในเวลาเพียง
'' เสี้ยววินาที''
นั่นอาจทำให้เราได้เห็น นวัตกรรมล้ำโลกจำนวนมากที่ไม่อาจคาดคะเนในวันนี้แต่กลับปรากฏในวันพรุ่งนี้
สิ่งต่างๆในโลกแห่งนิยาย Sci-Fi จะกลายเป็นความจริง
ระบบที่มีอยู่จำนวนมากจะกลายเป็นสิ่งไร้ค่าและถูกรื้อถอน
การสื่อสารจะไม่ต้องพึ่ง Internet อีกต่อไป และก้าวข้ามความเป็นไปได้ทั้งหมด
และสิ่งที่หลายคนยังไม่รู็ก็คือ
วันนี้นั้น ''ควอนตัม'' ได้เกิดขึ้นมาสักพักใหญ่ๆแล้ว เพียงแต่ยังจำกัดในขอบเขตของห้องทดลอง ในระยะที่ห่างกันเพียงไม่เกิน ''โต๊ะ 1 ตัว''
และแม้มันจะมีข้อจำกัดจำนวนมากที่เราต้องก้าวข้ามเพื่อ ''ปลดล้อก''
พลานุภาพเหนือสามัญสำนึก เช่นข้อจำกัดที่มันต้องอยู่ภายไต้ความเย็น
-273.15 องศา หรือข้อจำกัดอื่นๆแต่นั่นไม่ได้หมายความว่า พวกเรานั้นจะ''ปลดล้อก'' มันไม่ได้
''เวทมนต์'' อาจจะเป็นเพียงนิยามเดียวที่เราสามารถให้กับสิ่งที่เรียกว่า
''ควอนตัม'' ได้แม้แต่ นักวิทย์ฟิสิกส์รางวัลโนเบล อย่าง Richard Feynman
ก็เคยกล่าวไว้ว่า
''ผมคิดว่าคงไม่มีใครเข้าใจ กลศาสตร์ควอนตัมได้อย่างแท้จริง''
มนุษย์ในวันนี้นั้นกำลังพยายามสร้างสิ่งที่พวกเขาเองก็ยังไม่อาจเข้าใจมันได้เต็มร้อยและอดีตกาลเองก็พิสูจน์แล้วว่า “เราไม่เคยคาดเดาอนาคตได้เลย”
แม้แต่ภาพวาดของนักวิทย์ เมื่อศตวรรษที่ 19 เหล่าผู้คนซึ่งพยายามวาดถึงจินตนาการของอนาคตในศตวรรษที่ 20 ก็ไม่มีอะไรเลยที่คลับคล้ายเมื่ออนาคตมาถึง
วันนี้พวกเราหลายคนกำลังคิดว่า ''คริปโตเคอเรนซี่'' นั้นคืออนาคต แต่พวกเรากลับลืมนึกไปว่า
เมื่อ ''ควอนตัม'' มาถึงเหล่าผู้นำของโลกกลมใบนี้นั้น คงเลือก ''ควอนตัม'' โดยไม่ลังเล แม้ว่ามันอาจจะทำลาย ''คริปโตเคอเรนซี่'' จำนวนมากไป
นี่เป็นเพียงอีกเรื่องนึงที่ผมอยากจะถ่ายทอดความรู้ ให้แก่คนที่อยากรู้ว่า และยังมีอีกหลายอย่าง ที่เรายังคงมองข้ามไป
มีคนกล่าวว่า Blockchain คืออนาคตและผมเองก็เห็นด้วยกับมัน
แต่ถ้าผมต้องเลือกระหว่าง Quantum และ Blockchain
เมื่อวันนั้นมาถึง ผมคงไม่ลังเลที่จะเลือกในตัวเลือกแรก
และนี่ก็เป็นเพียงเรื่องราวเล็กๆเรื่องนึง ที่ ''กฏของมัวร์'' ไม่เคยพูดถึง และไม่อาจเข้าใจได้ว่า คอมพิวเตอร์ที่ห้องชั้นบนจะมีความเร็วเป็น 1ล้านเท่าได้อย่างไร
ในที่สุดแล้วนั้นพวกเราคงต้องพึงระลึกไว้ว่า
''หลายสิ่งบนโลกนี้เกิดเพราะความบังเอิญ''
มันก็คงไม่แปลกอะไร หากเมื่อเราตื่นมาในวันพรุ่งนี้ในตอนเช้าหลังพระอาทิตย์ทอแสง แล้วพบว่า
มีไอสไตน์ คนที่2เกิดขึ้นแต่แทนที่ เขาจะค้นพบ e=mc2
เขากลับค้นพบวิธีในการใช้งาน กลศาสตร์ควอนตัม ได้อย่างดีเยี่ยม
และวันนั้นเองจะเป็นวันที่โลกก้าวข้ามไปสู่ในยุคแห่ง ''เวทมนต์''
ในท้ายนี้ขอบคุณผู้ที่อ่านทุกคนนะครับ
และหากสนใจหรือต้องการที่จะติดตามงานเขียนของผม ก็สามารถติดตามได้เพื่อที่เราจะได้ ''แชร์'' แบ่งปันเรื่องราวดีดีให้แก่กัน หรือถ้ามี comment ก็ยินดีที่จะน้อมรับ เพื่อจะได้แลกเปลี่ยนในมุมมองที่ผมอาจจะไม่ได้นึกถึง
ผู้เขียน คัมภีร์ วงศ์นิคม
สามารถกด ''ติดตาม'' และ ''แชร์''
เพจเพื่อเป็นกำลังใจในงานเขียนต่อๆไปได้ที่
#nextW