ตัว Keyboard ที่ผมสั่งมาเป็นสีขาวแบบ Brown Switch คุณภาพงานประกอบดูแน่นหนาไม่ก๊อกแก๊ก และเนื่องจากเป็น Brown Switch เลยทำให้เสียงในการพิมพ์และความรู้สึกในการพิมพ์ต่างจากตัว Logitech Pro X อยู่พอสมควร ตัว Switch สามารถถอดเปลี่ยนได้ (Hot-Swappable) เป็น Gateron Mechanical Switch สามารถใส่กับ Cherry MX ได้เช่นกัน ผมลองสลับ Switch ใช้งานกับ Logitech Pro X ก็สามารถใช้งานได้ไม่มีปัญหา ในกล่องมีที่แกะ Keycap และ Switch มาให้พร้อมกับ Switch spare อีก 4 ตัว, เอกสารคู่มือการใช้งาน และสาย USB Type C
ด้านล่าง Switch เป็นไฟ LED ที่สามารถเปลี่ยน Pattern ได้หลากหลายตามชอบ สามารถกดปุ่ม Fn กับ “\” เพื่อเปลี่ยน Pattern หรือสามารถโหลด Software จาก Royal Kludge เพื่อตั้งค่าจากโปรแกรมได้ ตั้งค่าได้ทั้งไฟ LED และปุ่มมาโคร
ด้านล่างเป็นปุ่มเปิด-ปิด Bluetooth การตั้งค่าเชื่อมต่อ Bluetooth ก็ทำได้ง่ายมาก แค่เปิดสวิทช์ด้านล่างแล้วกด Fn + Q หรือ W หรือ E เพื่อเชื่อมต่อได้ (สามารถเชื่อมต่อได้สูงสุด 3 device คือ Q/W/E ทีละอัน) บริเวณด้านบนของ Keyboard เป็น Port USB Type C ที่เอาไว้ชาร์จแบตหรือเชื่อมต่อ Keyboard แบบสายได้
ไฟ LED สวยงาม ชัดเจน ข้อสังเกตอย่างนึงของรุ่นนี้คือเป็น Keyboard แบบ 60% ซึ่งไม่มีทั้ง Arrow Key และ Num Pad แต่บริเวณมุมล่างขวา มี Arrow Key ซ่อนอยู่ ซึ่งสามารถกดใช้งานได้เลย แล้วเวลาจะพิมพ์เครื่องหมาย Slash “/” ก็ทำได้โดยการกด Fn ด้วย (Layer 2)
ระยะเวลาการใช้งานใน mode Bluetooth ผมยังไม่ได้ลองทดสอบ ประเด็นนี้หลังจากทดสอบใช้งานไประยะเวลาหนึ่งแล้วเดี๋ยวจะมาอัพเดทให้ทราบกันครับ
โดยรวมแล้วถือว่าเป็น Keyboard ที่คุ้มราคา คุณภาพวัสดุและงานประกอบแพงเกินราคา ถึงแม้ว่าจะเป็น Layout แบบที่ไม่มี Num Pad และ Arrow Key แต่ก็เป็น Layout มาตรฐานของ Laptop 13 นิ้ว ทำให้ปรับตัวกันได้ไม่ยากเลย (ผมใช้ Laptop 17 นิ้วที่มี Num Pad เลยใช้จนชิน ต้องใช้เวลาปรับตัวนิดหน่อย)