25 เม.ย. 2021 เวลา 12:49 • นิยาย เรื่องสั้น
นิยายเรื่องสั้น : สงครามชิงไม้กายสิทธิ์
เรื่องโดย.bankkk
ในอดีตกาล โลกถูกปกครองโดยเหล่ายักษ์เบโฟต พวกมันมีเป้าหมาย คือการได้ครอบครองจักรวาล ไม้กายสิทธิ์คือของวิเศษเพียงหนึ่งเดียว ที่พวกมันปรารถนา เพราะหากผู้ใดก็ตาม ได้ครอบครองไม้วิเศษเล่มนี้ ผู้นั้นจะมีพลังอำนาจเหนือธรรมชาติและได้เป็นใหญ่ เพียงหนึ่งเดียวในจักรวาล แต่ไม้กายสิทธิ์เล่มนี้ อยู่ภายใต้การคุ้มครองของอัศวินทั้งเจ็ด ซึ่งเป็นนักรบในกองทัพสวรรค์ของเทพวอราเรส ด้วยสาเหตุนี้ เหล่ายักษ์เบโฟต จึงสู้รบทำสงครามกับกองทัพฝ่ายอัศวิน มาอย่างยาวนาน โลกโชยไปด้วยกลิ่นไอแห่งสงคราม
ผลพวงแห่งสงคราม ที่สู้รบกันมายาวนาน ทำให้บรรดาสิ่งมีชีวิต ล้มตายไปมากมาย แผ่นดินโลกทุกหนแห่งต่างลุกเป็นไฟ สงครามได้ดำเนินไปเรื่อยๆ ไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่ายๆ ยิ่งต่างฝ่ายต่างเข่นฆ่ากันมากเท่าไหร่ โลกก็ยิ่งพังพินาศมากขึ้นเท่านั้น
เทพวอราเรส ผู้ให้กำเนิดโลกและสรรพชีวิตทั้งปวง ได้เห็นถึงสงครามการต่อสู้อันโหดร้าย ระหว่างธรรมะกับอธรรม พระองค์ก็เห็นว่า หากสงครามยังคงดำเนินต่อไป โลกจะต้องพังพินาศลงอย่างแน่นอน เทพพระผู้สร้าง เขียนประโยคและข้อความ ลงบนแผ่นศิลาถึงกลอุบาย เพื่อยุติสงครามอันโหดร้าย ในการทำให้เหล่ายักษ์ หันมาฆ่าล้างกันเอง โดยให้เหล่าอัศวิน ส่งมอบไม้กายสิทธิ์ ให้แก่เหล่ายักษ์ หากยักษ์ตนใด ที่มีชีวิตรอดจากการต่อสู้ เป็นตนสุดท้าย ก็จะได้เป็นเจ้าของไม้กายสิทธิ์ แต่เพียงผู้เดียว
เมื่อแผนการทุกอย่าง ถูกเขียนไว้บนศิลา เทพวอราเรสใช้ให้เกิร์ส พญาอินทรีที่มีรูปร่างมหึมา ซึ่งเป็นสัตว์พาหนะคู่กาย นำเอาข้อความบนศิลา ไปแจ้งแก่เหล่าอัศวิน เมื่อเหล่าอัศวินรู้แผนการทั้งหมด
ต่อมาช่วงกลางดึกคืนหนึ่ง พวกอัศวินได้นำเรื่องนี้ ไปใช้เป็นข้อเสนอให้กับเหล่ายักษ์เบโฟต ด้วยความที่อยากเป็นเจ้าผู้ครองจักรวาล เหล่ายักษ์ที่ชั่วร้าย ก็ได้ตอบรับข้อเสนอพวกนั้นทันที โดยไม่รู้เลยว่า มันคือแผนการที่เทพผู้สร้าง หมายจะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของเหล่ายักษ์ ให้หายไปจากแผ่นดินโลก แต่เพื่อให้การต่อสู้ครั้งนี้ มีขึ้นอย่างเป็นทางการ บรรดายักษ์ทั้งหลาย ได้ปรึกษาและตกลงกันว่า จะใช้สมรภูมิแบล็คเมจิค เป็นสถานที่ในการสู้รบ เพื่อแย่งชิงของวิเศษชิ้นสำคัญ ซึ่งการต่อสู้จะเริ่มขึ้นในตอนเช้า
เช้าวันถัดมา เมื่อดวงตะวันล่องลอยขึ้นสู่ผืนฟ้า เหล่ายักษ์ทั่วทุกสารทิศ ได้มารวมตัวกันในสมรภูมิรบ ทั่วท้องสนามเต็มไปด้วยฝูงยักษ์ ที่มากด้วยโทสะ ทันทีที่แสงไฟ พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า การต่อสู้ก็ได้เริ่มขึ้น เหล่ายักษ์ประจันหน้าและเข่นฆ่ากัน อย่างไร้ความปราณี แต่ละฝ่ายต่างใช้พลังที่ทีอยู่ ห้ำหั่นเข้าหากันอย่างสุดกำลัง ทั้งสมรภูมิรบ อบอวลไปด้วยเปลวเพลิง ที่กำลังลุกไหม้
สงครามแห่งการฆ่าล้าง สังเวยชีวิตเหล่ายักษ์ไปมากมาย บริเวณพื้นดินเกลื่อนกลาด ไปด้วยซากศพ ท้องนภาที่เคยสว่างสดใส ได้แปรเปลี่ยนเป็นความมืดมิด สงครามแห่งการเข่นฆ่า ยังส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตทุกชนิด บนแผ่นดินโลก สัตว์บางตัวที่ล้มตาย ก็เป็นแม่ลูกอ่อน ที่กำลังอยู่ในช่วงตั้งครรภ์
สงครามชิงความเป็นใหญ่ ผ่านไปนานหลายวัน เหล่ายักษ์เข่นฆ่ากันเอง อย่างโหดร้าย พอสู้กันไปสู้กันมา บรรดาเหล่ายักษ์ในสนามรบ ก็ล้มตายจนหมดสิ้น เหลือเพียงดาร์คกอร์ดอน ยักษ์เพียงตนเดียว ที่ยังเหลือรอด ทำให้ดาร์คกอร์ดอนเป็นผู้ที่ได้ไม้ครอบครองไม้กายสิทธิ์
เมื่อของวิเศษ ตกไปอยู่ในมือของฝ่ายอธรรม ดาร์คกอร์ดอนใช้พลังจากไม้วิเศษ ปลุกให้เหล่ายักษ์ที่ตายในสนามรบ กลับมามีชีวิตอีกครั้งและยังใช้มนสะกด ทำให้เหล่ายักษ์ทั้งหมด อยู่ในการควบคุม นอกจากนี้ พลังอันมากล้นจากไม้กายสิทธิ์ ยังทำให้ดาร์คกอร์ดอนและเหล่าสมุน มีพลังที่เพิ่มขึ้นหลายเท่า
เหล่าอัศวินทั้งเจ็ดนำกองกำลัง เข้าต่อสู้กับกองทัพเหล่ายักษ์ ที่มีดาร์คกอร์ดอน เป็นผู้นำเหล่ายักษ์ทั้งหมด แต่เพราะได้รับพลังมาจากไม้กายสิทธิ์ ทันทีที่เหล่ายักษ์ถูกสังหารลงไปแล้ว ก็จะฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาใหม่ทุกครั้ง ทั้งสองฝ่ายสู้รบกันอยู่นาน จนกองทัพเหล่าอัศวิน เริ่มเป็นฝ่ายที่อ่อนกำลังลงและไม่มีทีท่าว่าจะเอาชนะกองทัพเหล่ายักษ์ได้เลย
ขุมพลังจากไม้กายสิทธิ์ ส่งผลให้เหล่ายักษ์ มีพลังที่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว พวกมันพากันเหาะขึ้นไปบนท้องนภาและตรงไปยังวิหารของเทพวอราเรส เพื่อหมายจะทำลายสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็ถูกขัดขวางโดยบรรดานักยิงธนูแห่งสวรรค์ ลูกธนูไฟนับแสนดอก ลอยพุ่งทิ่มแทงเข้าใสเหล่ายักษ์แบบไม่ยั้ง แต่อาวุธอันทรงพลัง ก็ไม่ได้ทำให้เหล่ายักษ์ ระคายผิวเลยแม้แต่น้อย เหล่ายักษ์ได้เข้าสังหาร บรรดามือธนูของทวยเทพ จนหมดสิ้น
ต่อมาเหล่ายักษ์ที่เลวทราม ได้แผดเผาทำลายดวงดาวในจักรวาล ด้วยเปลวเพลิงพิฆาต หมู่ดาวมากมาย หนีกันกระเจิดกระเจิง แบบไม่คิดชีวิต แม้กระทั่งดวงตะวันและจันทรา ก็ยังถูกพวกมันกลืนลงท้อง ได้อย่างง่ายดาย ทั้งจักรวาลและแผ่นดินโลก ถูกปกคลุมด้วยความมืด กองทัพนักรบสวรรค์เข้าปะทะกับเหล่ายักษ์ผู้เป็นอมตะ อย่างเต็มกำลัง แม้จะรู้แก่ใจว่า พวกตนไม่มีทางสังหารเหล่ายักษ์ลงได้ก็ตาม
บรรดายักษ์ที่น่ากลัว มุ่งหน้ามาจนเกือบ จะถึงวิหารของเทพวอราเรสเข้าไปทุกขณะ แต่จู่ๆทั่วทั้งจักรวาล ก็เกิดมีเสียงช้าง ที่ร้องดังขึ้นมาอย่างกึกก้อง ส่งผลให้เหล่ายักษ์พากันหยุดชะงัก ด้วยความตกใจ ทันใดนั้น ก็เกิดแสงสว่างเป็นประกายสีทอง พุ่งออกมาจากหมู่เมฆ ท่ามกลางแสงสว่าง ได้ปรากฏเป็นดาบขนาดใหญ่ ที่มีอยู่ 7 เล่ม มันคือดาบเมเทอร์ ที่เทพวอราเสสร้างขึ้นมา อาวุธศักดิ์เพียงหนึ่งเดียว ที่จะทำลายเหล่ายักษ์ให้พินาศสิ้น
ดาบทั้งเจ็ดพุ่งตรงเข้ามาหาอัศวินทั้งเจ็ด เทพวอราเรสสั่งให้พวกอัศวิน ใช้ดาบเมเทอร์สังหารเหล่ายักษ์ เมื่อพวกอัศวินได้ดาบศักดิ์สิทธิ์มาไว้ในมือ ทำให้พลังที่ลดถอยลงไป จากการต่อสู้ครั้งก่อนๆ เพิ่มทวีขึ้นมามากกว่าเดิม
พวกอัศวินนำกองกำลัง เข้าปะทะกับกองทัพเหล่ายักษ์อีกครั้ง แต่ครั้งนี้ กองทัพของทวยเทพ เป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างสิ้นเชิง เมื่อถูกฟันและทิ่มแทง ร่างอันใหญ่โตของพวกยักษ์ ก็จะสูญสลายหายไปทันที เหล่ายักษ์ต่างส่งเสียงร้อง ออกมาอย่างเจ็บปวด เหล่านักรบสวรรค์ ไล่ล่าสังหารเหล่ายักษ์กันอย่างบ้าคลั่ง ทำให้ยักษ์ที่น่ากลัว ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นอมตะ ได้ถูกเข่นฆ่าจนหมดสิ้น
เมื่อเหล่าลูกสมุนยักษ์ ล้มตายกันไปหมด อัศวินทั้งเจ็ดร่วมมือกัน จัดการกับดาร์คกอร์ดอน เทพวอราเรส เทพผู้สร้างดาบเมเทอร์ ได้มอบพลังบางส่วน ให้แก่อัศวินทั้งเจ็ด พลังอันศักดิ์สิทธิ์จากองค์เทพ ได้หลอมรวมเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับพลังของดาบ ส่งผลให้พลังของพวกอัศวิน เพิ่มมากขึ้นหลายเท่า ชั่วเวลาไม่นาน ดาร์คกอร์ดอนก็ถูกสังหารลงด้วยดาบเมเทอร์ ร่างกายอันใหญ่โต แหลกละเอียดเป็นฝุ่นธุลี
เมื่อเหล่ายักษ์ล้มตายกันจนหมด โลกกลับมาสงบสุขอีกครั้ง บรรดานักรบสวรรค์และสิ่งมีชีวิตทั้งหมด ที่เคยล้มหายตายจาก ก็ฟืนคืนชีวิตกลับมา ดวงตะวันและจันทรา รวมไปถึงหมู่ดาวบนท้องฟ้า ได้ส่องสว่างและกลับมาทำหน้าที่เช่นเดิม โลกที่แสนมืดมน ค่อยๆฟื้นตัวจากหายนะในสงคราม จนกลับคืนสู่สภาพเดิมและปราศจากเหล่ายักษ์
ต่อมาเทพวอราเรสสร้างมนุษย์ขึ้นมา ด้วยลมหายใจของพระองค์ เป็นชายและหญิงเคียงคู่กัน ที่มีชื่อว่าโรเนีย (ผู้ชาย) กับโรนา (ผู้หญิง) ซึ่งถือเป็นมนุษย์คู่แรกของโลก ที่ให้กำเนิดเผ่าพันธุ์มนุษย์ จนเต็มแผ่นดินโลก ในเวลาต่อมา
สิ่งที่ได้เรียนรู้จากเรื่องนี้.
ความดีย่อมเอาชนะความชั่วร้าย
ช่องทางการติดตาม.
BlockditPage. our novel นิยายของเรา
โฆษณา