26 เม.ย. 2021 เวลา 10:06 • อาหาร
Coffee's Story | กาแฟแก้วโปรดกับเรื่องราวที่ไม่ธรรมดา
1
Photo from Pinterest
กาแฟสามารถนำมาทำเป็นเครื่องดื่มได้หลายชนิด และคงมีหลายคนที่สับสนหรือไม่รู้ว่ากาแฟที่เราชอบดื่มอยู่นั้นคืออะไร วันนี้เรามาทำความรู้จักกับเครื่องดื่มแต่ละประเภทที่ทำจากกาแฟกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง
Espresso
☕ เอสเปรสโซ่ (Espresso) คำว่า Caffè espresso มาจากภาษาอิตาเลี่ยน ซึ่งแปลตรงตัวได้ความหมายว่า “กาแฟที่ถูกดันออกมา” เป็นการอธิบายวิธีการทำกาแฟชนิดนี้ว่ามาจากการใช้แรงดันจากน้ำที่กำลังเดือดให้พุ่งผ่านตัวกาแฟที่บดละเอียดอย่างรวดเร็วและรุนแรงจนได้เป็นน้ำกาแฟดำชนิดเข้มข้นแท้ๆที่ไม่ผสมอะไรเพิ่มเติมทั้งสิ้น
กาแฟแบบเอสเปรสโซ่เริ่มถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกราวปี 1884 จากการคิดค้นเครื่องชงกาแฟด้วยแรงดันน้ำ โดยนักประดิษฐ์ชาวเมืองตูริน ประเทศอิตาลี ชื่อ Angelo Moriondo เครื่องชงกาแฟของโมริออนโด้ได้รับการพัฒนาเรื่อยมาจนกลายมาเป็นเครื่องชงกาแฟสดที่เราเห็นกันตามร้านกาแฟสดทุกวันนี้
Latte
☕ ลาเต้ (Latte) เป็นภาษาอิตาเลี่นแปลว่า นม ส่วนในประเทศอื่นจะหมายถึง กาแฟลาเต้ หรือเครื่องดื่มกาแฟที่เตรียมด้วยนมร้อน โดยการเทเอสเปรสโซ 1/3 ส่วน และนมร้อนอีก 2/3 ส่วน ลงในถ้วยพร้อมๆ กัน และจะหยอดโฟมนมหนา ประมาณ 1 cm. ทับข้างบน เป็นกาแฟที่มีรสนุ่มนวล
ในประเทศอิตาลี กาแฟลาเต้นี้รู้จักกันในชื่อของ “Caffè e latte” ซึ่งหมายถึง กาแฟกับนม ซึ่งใกล้เคียงกับในภาษาฝรั่งเศส คำว่า “café au lait” ในการชงกาแฟลาเต้ บาริสต้าจะใช้วิธีขยับข้อมือเล็กน้อยขณะที่รินนมและโฟมนมลงบนกาแฟ ทำให้เกิดลวดลายต่าง ๆ เรียกว่า ลาเต้อาร์ต (latte art) หรือศิลปะฟองนมในถ้วยกาแฟ
Macchiato
☕ มัคคิอาโต้ (Macchiato) เป็นคำคุณศัพท์ในภาษาอิตาลี แปลว่า "ซึ่งถูกทำสัญลักษณ์ไว้" ดังนั้น กาแฟมัคคิอาโต้ จึงแปลแบบตรงตัวได้ว่า "กาแฟที่มีรอยด่าง" หรือ "กาแฟที่ทำสัญลักษณ์ไว้" แต่เดิมนิยมใช้คำ มัคคิอาโต้ กับการเทนมร้อนธรรมดาลงไปในกาแฟ ซึ่งทำให้เกิดรอยด่างหรือรอยเปื้อนในกาแฟ ภายหลังเปลี่ยนมาใช้สื่อความถึงฟองนมซึ่งผู้ชงกาแฟหยอดลงไปเพื่อให้พนักงานเสิร์ฟเห็นความแตกต่างระหว่างเอสเปรสโซธรรมดากับเอสเปรสโซที่เติมนมลงไปเล็กน้อย กาแฟประเภทหลังจึง "ถูกทำสัญลักษณ์ไว้" ไว้ด้วยนมร้อนนั่นเอง
Americano
☕ อเมริกาโน่ (Americano) มีต้นกำเนิดในสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อทหารอเมริกันที่สู้รบอยู่ในอิตาลี ไม่คุ้นลิ้นกับรสชาติกาแฟอันเข้มขลังทรงพลังของคนที่นั่น จึงนำไปสู่การ “เจือจาง” กาแฟเอสเพรสโซด้วยการเติมน้ำร้อนลงไป
1
การเจือจางเอสเพรสโซซึ่งเป็นกาแฟเข้มข้นด้วยน้ำร้อน ทำให้อเมริกาโนมีความแก่พอ ๆ กับกาแฟธรรมดา แต่มีกลิ่นและรสชาติที่เข้มอันมาจากเอสเพรสโซ อเมริกาโนเหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบกาแฟดำ แต่ไม่แก่และหนักถึงขั้นเอสเพรสโซ คอกาแฟส่วนใหญ่นิยมดื่มอเมริกาโนโดยไม่ปรุงด้วยนมหรือน้ำตาล เพื่อดื่มด่ำกับรสชาติกาแฟของอเมริกาโนซึ่งแตกต่างจากกาแฟธรรมดา
Cappuccino
☕ คาปูชิโน (Cappuccino) กาแฟซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากประเทศอิตาลี เป็นภาษาอิตาลี แปลว่า “ผ้าคลุมศีรษะหรือหมวกขนาดเล็ก” สื่อถึงฟองที่คลุมอยู่ เป็นเครื่องดื่มให้กลิ่นหอมกรุ่นของกาแฟผสมกับรสหวานมันของนมสด ปิดท้ายด้วยโฟมนมชั้นบนสุด มีรากฐานมาจาก “เอสเพรสโซ”
เอกลักษณ์โดดเด่นดั้งเดิมที่กลายเป็น signature ของเมนูกาแฟชนิดนี้ ก็คือ การสตีมนมสด (Steam milk) หรือ “นมร้อนผ่านไอน้ำ” ช่วยเพิ่มอากาศและเพิ่มอุณหภูมิ เข้าไปในเนื้อนม จนเกิดเป็นฟองอากาศขนาดเล็กมากๆ ไม่อาจเห็นด้วยตา ทำให้รสชาติและเนื้อสัมผัสของนมเปลี่ยนไป หลายคนเรียกกันว่า “ไมโครโฟม” (microfoam) แล้วใช้ เหยือกสเตนเลส (Pitcher) บรรจงรินใส่ถ้วยอย่างช้าๆ จนเกิดจากการผสมสานกันระหว่างกาแฟเข้มข้นกับนมสด
Mocha
☕ มอคค่า (Mocha) เป็นชื่อท่าเรือ Al Mokha ในประเทศเยเมน เป็นท่าเรือที่ส่งเมล็ดกาแฟและมีการเพาะปลูกกาแฟชนิดนี้นั่นเอง มอคค่าถือว่าเป็นอาราบิก้าชนิดพิเศษแต่มันมีสีและกลิ่นคล้ายช็อกโกแลต นอกจากนี้มอคค่ายังหมายถึงกาแฟที่มีเอสเพรสโซ่และโกโก้เป็นส่วนประกอบ
1
กาแฟแต่ละถ้วยมีความ unique และแตกต่างกันจริงๆค่ะ แล้วแต่คนชอบเนอะ
ใครชอบกาแฟแบบไหนกันบ้างคะ?! ☺️
A LITTLE STORY TELLER
โฆษณา