1 ก.ย. 2021 เวลา 16:03 • ท่องเที่ยว
หมู่บ้านแห่งสุดท้ายในสิงคโปร์
#WorldNow
หลายคนไม่ว่าจะทั้งเคยหรือไม่เคยท่องเที่ยวในสิงคโปร์ ต่างจะรู้กันในฐาน "ศูนย์กลางการเงินในอาเซียน" บ้านเมืองสะอาด ปลอดขยะ ทางเท้าเดินสะดวก เมืองดูทันสมัย
หารู้หรือไหมว่าภายใต้เงาของตึกสูงและความทันสมัยนี้ ยังคงหลงเหลือหมู่บ้านแห่งหนึ่ง อาจสื่อได้ถึงความเป็นอยู่ และบริบทสังคมในยุคอดีต ก่อนจะผลันตัวเป็นก้าวมาสู่ประเทศชั้นนำแห่งเอเชีย
WorldNow ขอเชิญทุกท่านสู่ Lorong Buangkok หมู่บ้านแห่งสุดท้ายในสิงคโปร์...
ย้อนกลับไปในสมัยก่อน สิงคโปร์ถือเป็นประเทศที่ยากจนแห่งหนึ่ง และสลัมเป็นสิ่งที่พบได้ในสังคมสมัยนั้น ผู้คนมักอาศัยสิ่งที่เรียกว่า Kampong
Kampong หรือกำปง เป็นภาษามาเลย์ที่แปลว่า "หมู่บ้าน" ผู้คนมักจะประกอบอาชีพประมง เกษตรกรรม และฟาร์มปศุสัตว์
จำนวน 250,000 คนพักอาศัยในย่านสลัมที่แออัดในภาคกลางของเกาะ ด้วยบ้านส่วนใหญ่ทำมาจากแผ่นไม้ และแต่ละหลังคาเรือนตั้งใกล้กัน จึงเสี่ยงเกิดเหตุไฟไหม้ซึ่งมักจะลามไปยังบ้านหลังอื่นๆในบริเวณใกล้เคียงกัน
จนในปี 1960 สิงคโปร์ได้จัดตั้งหน่วยงานเคหะ หรือ HDB (Housing & Development Board) เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องความเป็นอยู่และการจัดที่อยู่อาศัยแก่ประชาชนอย่างจริงจัง
HDB สามารถจัดการสลัมที่แออัดหนาแน่น และในเวลาเพียง 5 สามารถจัดสรรที่อยู่กว่า 54,000 ห้อง
ถึงปัจจุบัน Kampong Lorong Buangkok เป็นหมู่บ้านที่ยังคงหลงเหลือในสังคมสมัยใหม่ รายล้อมไปด้วยตึกสูง และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
ใช่ครับ ทุกท่านอ่านไม่ผิดอย่างแน่นอน เพราะชื่อมีความคล้ายคลึงกับ Bangkok มาก
จากความพยายามของภาครัฐที่ต้องการจัดการระเบียบการเคหะมากขึ้น ทำให้หลายกำปง หรือหมู่บ้านต้องยุบตัวลง จากประเทศเน้นด้านเกษตรกรรม สู่ ประเทศอุตสาหกรรมอย่างเต็มรูปแบบ
ทำให้ผู้คนต้องย้ายไปอยู่ตามตึกเฟลตรัฐบาลหรือ HDB นั้นเอง นำสู่การพัฒนาความเป็นเมืองอย่างรวดเร็ว
งานวิจัยของ National University of Singapore ระบุว่า
ที่ผ่านมามีการยุบกำปงมากถึง 220 แห่ง
หนึ่งในสาเหตุที่กำปงแห่งนี้ยังสามารถอยู่รอดมาได้ถึงปัจจุบันท่ามกลางความทันสมัยของเมือง เนื่องจากบริเวณนี้ไม่เอื้ออำนวยแก่การพัฒนาที่ดิน หรือ อุตสาหกรรม
และในสมัยก่อนพื้นที่ตรงนี้มักเจอปัญหาน้ำท่วมฉับพลันอยู่บ่อยครั้ง
แต่หัวใจที่สำคัญที่สุด นั้นคือการมีผู้นำหมู่บ้านที่เข็มแข็ง...
1
Kampong Lorong Buangkok เป็นที่ดินของนาย ซ่ง เดียวกุน (Sng Teow Koon) นักธุรกิจขายยาแผนโบราณ ปล่อยเช่าให้ชาวเชื้อสายจีนและมาเลย์มาอยู่อาศัย
ปัจจุบันที่ดินผืนถูกตกทอดให้นาง ซ่ง มุ้ยหง (Sng Mui Hong) ผู้เป็นลูกสาว ปัจจุบันเธออายุ 70 ปี และเป็นเสาหลักของกำปง ซึ่งทั้งหมู่บ้านมีไม่ถึง 30 ครอบครัวรวมถึงนางซ่ง ด้วย
แน่นอนว่า ตลอดที่ผ่านมา เธอถูกทาบทามจากเหล่านักพัฒนาที่ดิน ติดต่อขอซื้ออยู่เป็นประจำ
แม้ค่าเช่าจะไม่แพงหนัก ราคาจะอยู่ราว 108 ถึง 721 บาท/เดือน ซึ่งไม่เคยมีเปลี่ยนแปลง หรือปรับค่าเช่าเลยจนถึงปัจจุบัน แต่กลับไม่เคยมีผู้อาศัยหน้าใหม่เลยตั้งแต่ช่วงปี 1990
และมีโอกาสน้อยมาที่จะมีคนเข้ามาอยู่เพิ่ม ถ้าไม่ใช่คนที่มีรู้จักผู้เช่ารายเดิม หรือมีความสัมพันธ์กับครอบครัวตระกูลซ่งจิงๆ
เดิมทีเคยมีแผนใช้พื้นที่ของกำปง เพื่อก่อสร้างทางหลวงใหม่ โรงเรียน และพื้นที่สวนสาธารณะ แต่สุดท้ายรัฐบาลสิงคโปร์ก็กลับลำและพับเก็บแผนนี้ไว้ก่อน
ในปี 2017 ทางหน่วยงานการเคหะของสิงโปร์ หรือ HDB ได้จับมือร่วมกับ Singapore University of Technology and Design วางกรอบ "urban kampong" ซึ่งจะเป็นการประยุกต์เทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาในตัวหมู่บ้าน เช่น เซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหว (motion sensor) หรือการบริการ WiFi เพื่อติดต่อกับเพื่อนคนอื่นๆ ในหมู่บ้านได้
สิงคโปร์ถือเป็นประเทศที่มีข้อจำกัดในเรื่องของพื้นที่ ทำให้เกิดวิธีการต่างๆมากมายเพื่อให้พื้นที่ทุกตารางนิ้วเกิดประโยชน์มากที่สุด
ทั้งการสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงรถไฟฟ้า MRT ไว้ใต้ดิน หรือการถมพื้นที่ออกไปบริเวณชายฝั่งของเกาะ อย่างการก่อสร้างสนามบินชางงี
ไม่ว่าเวลาจะเปลี่ยนไป ตามโลกและกระแสที่เร็วมากขึ้นทุกคน สิงคโปร์ยังเลือกที่จะรักษารากเง้าและวัฒนธรรมดั้งเดิมเดิมของกำปง ไว้ให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้
และยังเสริมสร้างความเป็น "kampong spirit" หรือจิตวิญญาณต่อไป
โฆษณา