26 เม.ย. 2021 เวลา 11:17 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
“ออสการ์” เวทีสะท้อนสังคมอเมริกัน
#พลอยเล่าเรื่อง #หนัง #ออสการ์ ช่วยกดไลค์กดติดตามกันด้วยนะคะ 🙏🏼
ผ่านไปแล้วกับการประกาศผลรางวัลออสการ์ครั้งที่ 93 ซึ่งผู้ชนะก็มีทั้งผู้หญิงชาวเอเชีย ผู้ชายเชื้อสายแอฟริกัน-อเมริกัน นักแสดงอาวุโสผิวขาว และหนังยอดเยี่ยมอย่าง Nomadland ที่พูดถึงชีวิตของผู้หญิงอายุมากคนหนึ่งที่ถูกผลักไสออกจากระบบเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา ท่ามกลางการเรียกร้องเรื่องความเท่าเทียมกันทางเชื้อชาติ ความเสมอภาคทางเพศ การต่อสู้กับภาวะโรคระบาด และความยากไร้ ออสการ์ทำหน้าที่สะท้อนสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมอเมริกันอีกครั้ง
โดยทั่วไปคนที่ลงคะแนนโหวตเลือกหนังออสการ์นั้น จะนิยมหนังเรียกน้ำตา หรือก็บรรจงเลือกหนังที่เชิดชูความเป็นอเมริกัน การก้าวข้ามอุปสรรค์ของอเมริกันชน ถ้าสังเกตกันหนังที่ได้เข้าชิงภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในช่วงปีหลังๆ เช่น Green Book, Hidden Figure, Argo, The Help และ Hacksaw Ridge เป็นต้น มาปีนี้หนังค่อนข้างกระจาย เนื้อหาตั้งแต่ความไม่ยุติธรรมของสังคม ไปจนถึงเรื่องทุนนิยม หนังออกแนวหม่นหมองมากกว่าที่เคย วิจารณ์เรื่องการคอร์รัปชั่นของสังคมในหลายระดับ และคุณค่าพื้นฐานที่สังคมอเมริกันสร้างขึ้นอย่างกว้างขวาง วิเคราะห์ความผิดปกติของระบอบสังคม และการเมืองแดนลุงแซมมากกว่าที่จะเฉลิมฉลองจิตวิญญาณแบบอเมริกันชน
อเมริกาเพิ่งสิ้นสุด 4 ปีภายใต้การปกครองของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีจอมอื้อฉาว สร้างเรื่องราวมากมายที่ส่งผลกระทบต่อหนังที่เข้าชิงรางวัลในปีนี้ เราเห็นเรื่องราวของกรต่อสู้ทางเชื้อชาติ, ความรุนแรง, ความอยุติธรรม, ประชาธิปไตยถูกโจมตี, ผู้อพยพ, สภาพเศรษฐกิจ และการดิ้นรนของคนงานที่รับค่าแรงขั้นต่ำถูกทิ้งโดยระบบทุนนิยม ประโยคจาก Mank ที่บอกว่า “ถ้าคุณบอกเรื่องโกหกให้ผู้คนได้ยินมากพอ พวกเขาจะเชื่อมัน” เหมือนเป็นเสียงสะท้อนของสิ่งที่เราเห็นมาจนชินของสหรัฐอเมริกาในยุคของทรัมป์ แม้ว่าไม่มีใครเอ่ยถึงอดีตประธานาธิบดีคนนี้บนเวทีก็ตาม
ออสการ์เผชิญหน้ากับการถูกกล่าวหาว่าไม่ Diversity เพียงพอในช่วงหลายๆปีหลัง เพราะผู้เข้าชิงไม่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติ ผู้ชนะมีแต่ผิวขาว ถูกเรียกขานว่า White Oscar ก็เคยมาแล้ว ปีนี้ความหลากหลายมากมาย ทั้งผู้เข้าชิง และผู้ที่ได้รับรางวัล แต่สังเกตกันบ้างไหมว่า กระแสเรียกร้องอย่าง Black Lives Matter และ การแสดงความเกลียงชังต่อชาวเอเชีย มีบทบาทมากมายบนเวทีออสการ์ครั้งนี้ รางวัลนักแสดงยอดเยี่ยมทั้ง 4 สาขา กระจายไปยังนักแสดงผิวขาว, ผิวเหลือง และผิวดำ ผู้กำกับยอดเยี่ยม เป็นของ “โคลอี้ จ้าว” หญิงสาวชาวจีน ที่กลายเป็นผู้หญิงคนที่ 2 ที่คว้ารางวัลในสาขานี้ และเป็นผู้หญิงชาวเอเชียคนแรกที่ทำได้ ในภาวะที่การเรียกร้องความเท่าเทียมทางเพศถึงจุดสูงสุด (ตื่นเต้นที่จะได้ดู Eternals หนัง Marvel ที่โคลอี้ จ้าว รับหน้าที่กำกับ) เราไม่ได้บอกว่า ผู้ชนะทุกคนไม่คู่ควรกับรางวัลที่ได้รับ แต่เรากำลังบอกว่าออสการ์เป็นภาพสะท้อนของสิ่งที่สังคมอเมริกันกำลังเผชิญอยู่
ตอนที่แคทธาลีน บิกาโล คว้ารางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมมาครองในปี 2008 และThe Hurt Locker คว้ารางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม วันที่ประกาศออสการ์นั้นตรงกับวันสตรีสากล และอเมริกากำลังตั้งคำถามกับการส่งทหารไปรบในในสงครามที่อัฟกานิสถาน ทำเอา Avatar และเจมส์ คาเมรอน นั่งมองอดีตภรรยาคว้ารางวัลแบบกองเชียร์ผิดหวัง บอกก่อนว่าผู้เขียนเอาใจเชียร์ The Hurt Locker นะ โดยเฉพาะฉากท้ายเรื่องที่พระเอกกลับบ้าน แล้วภรรยาใช้ให้ไปซื้อซีเรียล ทหารที่ปลดชนวนระเบิดแบบไม่ลังเล กลับทำตัวไม่ถูกเมื่อต้องเลือกซื้อแค่ซีรียลกล่องเดียว ฉากนี้ฉากเดียวสรุปตัวหนังได้ทั้งเรื่อง ที่พูดเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อย้ำว่า ทางหนึ่งหนังยอดเยี่ยมของออสการ์ทำหน้าที่เพื่อรองสภาพอารมณ์ของอเมริกันชนด้วยในทางหนึ่ง
2
เราจะเห็นว่าไม่ใช่หนังดีที่สุดทุกเรื่องที่ได้รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม หนังที่ได้ชื่อว่าดีที่สุดตลอดกาลอย่าง Citizen Kane ก็ไม่ได้รางวัลหนังยอดเยี่ยม หรือ Brokeback Mountain ที่แพ้ให้ Crash ทั้งๆที่หนังคาวบอยเกย์ของอัง ลี นั้นได้ออสการ์มา 8 สาขา เล่นเอาเงิบกันทั้งโลก เช่นกันกับที่ Saving Private Ryan ที่เสียออสการ์ให้กับ Shakespeare in Love แบบที่ตอนนี้ก็ยังหาคำตอบของสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้
ออสการ์ชอบหนังที่ดูง่าย เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อนเกินความเข้าใจ หนังดราม่าที่เกี่ยวกับครอบครัว หรือหนังประวัติศาสตร์ และชีวประวัติ จึงเป็นที่นิยมของออสการ์มาโดยตลอด เราจะเห็นว่าหนังของคริสโตเฟอร์ โนแลน หรือแม้กระทั่งเควนติน ทรารันติโน่ นั้นไม่เคยมีโอกาสลุ้นได้เป็นภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ไปไกลสุดแค่เข้าชิง Kramer vs Kramer หนังที่ผู้เขียนดูไปร้องไห้ไป หรือ Ordinary People ก็เลยคว้าออสการ์ในฐานะภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ปราบทั้ง Apocalypse Now และ Raging Bull
1
ย้ำอีกทีว่า เราไม่ได้คิดว่า ผู้ชนะไม่เหมาะสมกับรางวัล แค่อยากจะเสนออีกมุมมองหนึ่งเท่านั้น รางวัลออสการ์ เลือกผู้ชนะโดยการลงคะแนนเสียง ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า คนที่ลงคะแนนเสียงย่อมได้รับอิทธิพลกับสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมเป็นเรื่องธรรมดา ออสการ์จึงไม่ใช่เวทีของหนังที่ดีที่สุดเสมอไป แต่เป็นเวทีที่บอกเราเกี่ยวกับสภาพของสังคมอเมริกันในช่วงเวลานั้นๆ
#พลอยเล่าเรื่อง #หนัง #ออสการ์ ช่วยกดไลค์กดติดตามกันด้วยนะคะ 🙏🏼
โฆษณา