27 เม.ย. 2021 เวลา 05:08 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
My Octopus Teacher
ผู้กำกับ Pippa Ehrlich & James Reed
(TV-G / 1.25 ชั่วโมง)
แนะนำสารคดีเรื่องเด่นของ Netflix อีกเรื่องที่เพิ่งชนะออสการ์ไปสดๆร้อนๆเลยครับ
ในขณะที่สารคดีเรื่อง Seaspiracy ก่อให้เกิดกระแสเพราะดราม่าทั้งในตัวหนังและจากการต่อยอดถกเถียงกันเรื่องความถูกต้องเที่ยงตรงของหนัง สารคดีเกี่ยวกับท้องทะเลอีกเรื่องที่รับชมได้ทาง Netflix มาก่อนอย่าง My Octopus Teacher เรื่องนี้ก็เดินหน้ากวาดรางวัลจากเวทีต่างๆ จนได้เข้าชิงและเป็นตัวเต็งที่จะคว้ารางวัลสารคดีขนาดยาวยอดเยี่ยมของออสการ์ที่จะประกาศผลกันอาทิตย์หน้า
หลังจากที่ผมได้ดูหนังเรื่องนี้แล้ว คิดว่านี่ต่างหากถึงเป็นสารคดีที่ผมพร้อมจะแนะนำให้ทุกคนดูได้เต็มปากมากกว่า โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ยากลำบากของทุกคนตลอดปีที่ผ่านมา เพราะในขณะที่ Seaspiracy ให้ความรู้สึกหนักอึ้ง ไร้ทางออก แต่หลังดู My Octopus Teacher จบ ทุกท่านน่าจะได้รู้สึกผ่อนคลาย และเกิดความรู้สึกดีกับโลกใบนี้ขึ้นบ้างไม่มากก็น้อย
My Octopus Teacher เป็นเรื่องของนักทำหนังชื่อ Craig Foster ที่หลังจากประสบภาวะเหนื่อยล้าหมดไฟในการทำงาน เขาใช้แรงบันดาลใจจากการที่เคยชอบดำน้ำตอนอายุยังน้อย รวมกับประสบการณ์ถ่ายหนังเกี่ยวกับธรรมชาติในทะเลทรายแอฟริกา คว้าอุปกรณ์ Free Dive เดินไปดำน้ำในทะเลหลังบ้านของเขาที่เป็นป่าสาหร่ายใต้ทะเลทุกวัน ไม่นานนักเขาได้พบปลาหมึกประเภทหมึกสาย (Common Octopus) ตัวหนึ่ง และเริ่มสงสัยอยากรู้อยากเห็นในพฤติกรรมที่ดูน่าพิศวงของมัน เขาพยายามเฝ้าดูและผูกสัมพันธ์กับมันทุกวัน และกลับมามีไฟในการทำหนังอีกครั้งหนึ่ง จึงออกมาเป็นเรื่องนี้
หลายท่านอาจจะเคยได้มาอ่านมาบ้างเกี่ยวกับเกร็ดความรู้ต่างๆที่ว่าปลาหมึกเป็นสัตว์ชนิดหนึ่งที่มีระดับความฉลาดสูง หนังเรื่องนี้คือการแสดงข้อเท็จจริงนั้นให้เห็นเป็นภาพชัดเจนที่สุด เมื่อ Foster ใช้เวลาและความพยายามเรียนรู้จากปลาหมึกตัวที่ว่า ตลอดในหนังเรื่องนี้เขาจะเรียกมันด้วยคำว่า “เธอ” เขาให้สัมภาษณ์ว่าเขาไม่เคยตั้งชื่อให้มันเพราะว่ามันไม่ใช่สัตว์เลี้ยง และเขาเคารพในความเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่กลางธรรมชาติของมัน ในตอนแรกมันกลัวเขาและหลบอยู่แต่ในซอกหิน แต่หลังจากผ่านไประยะหนึ่ง มันเหมือนจะเริ่มสื่อสารกับเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็น และเขาก็รู้สึกได้ว่ามันเริ่มเชื่อใจเขา
หนังจะตัดสลับระหว่างภาพบันทึกเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นกับปลาหมึกใต้ท้องทะเลพร้อมคำบรรยายของ Foster เอง กับฉากสั้นๆที่เขานั่งให้สัมภาษณ์อยู่ในบ้านของตัวเอง ด้วยทั้งเนื้อหาและน้ำเสียงของเขา เราจะรู้สึกได้ว่าการใช้ชีวิตทั้งสังเกตการณ์และผูกสัมพันธ์กับปลาหมึกตัวนี้แทบจะเป็นสิ่งเดียวที่เขาทำในทุกๆวัน และยังเก็บมาคิด ค้นคว้า กระทั่งฝันถึงต่อเมื่อกลับมาที่บ้าน เขาแทบจะตกหลุมรักมันราวกับที่มนุษย์คนหนึ่งตกหลุมรักอีกคนหนึ่ง แต่ก็ยังเข้าใจดีถึงเส้นแบ่งบางอย่างของธรรมชาติที่เขาไม่ควรก้าวข้าม ความเป็นไปในท้องทะเลที่เขาไม่ควรล้ำเส้นไปเกี่ยวข้อง หลายครั้งในเรื่อง เมื่อปลาหมึกต้องเผชิญกับสัตว์ผู้ล่าของมันอย่างฉลามชนิดหนึ่ง เขาอยากเข้าไปช่วยไล่มันออกไปแต่ก็ไม่ได้ทำ
Pippa Ehrlich ผู้กำกับ เขียนบท และตัดต่อหนังเรื่องนี้ไม่เคยทำหนังขนาดยาวมาก่อน เธอเป็นสมาชิกของ Sea Change Project องค์กรไม่หวังกำไรที่ก่อตั้งขึ้นโดย Craig Foster เพื่อเชื่อมให้มนุษย์เข้าถึงธรรมชาติ และปกป้องรักษา Great African Sea Forest เธอตกลงเซ็นสัญญากำกับหนังเรื่องนี้เมื่อเดือนมีนาคม ปี 2017 และมุ่งมั่นกับมันมากจนลาออกจากงานประจำเพื่อมาทำสารคดีเรื่องนี้ ก่อนที่ Foster จะชวนเธอมาร่วมงาน เธอตกหลุมรักกับป่าสาหร่ายในเรื่องอยู่แล้ว และ Free Dive ที่นั่นอยู่แทบทุกวันเป็นระยะเวลาราวหกเดือน
Ehrlich เล่าว่าเธอรักเรื่องราวนี้เพราะมันเป็นเรื่องราวที่เต็มไปด้วยพลังบวกและความหวัง และมันเกี่ยวกับมนุษย์และโลกแห่งธรรมชาติที่หลอมหลวมอยู่ในที่เดียวกันได้กลมกลืน บางวันเธอใช้เวลากับการทำหนังเรื่องนี้ถึง 18 ชั่วโมง เธอให้สัมภาษณ์ว่า “บ่อยครั้งเราจะตัดต่อหนังจากฟุตเทจต่างๆที่มีอยู่ราวหกชั่วโมง ออกไปถ่ายต่ออีกสามชั่วโมง แล้วก็กลับมาตัดต่อฟุตเทจใหม่ๆอีก เพราะเราตื่นเต้นมากกับสิ่งที่เราได้มาจากเมื่อตอนเราอยู่ในน้ำ”
ในตอนท้ายๆของหนัง อย่างที่ทุกคนน่าจะพอเดาได้เพราะปลาหมึกก็เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง ซึ่งเหมือนกับทุกชีวิตอื่นๆที่ตอนจบก็คือการตายจากไป และวงจรชีวิตของหมึกสายทั่วไปในธรรมชาติจะกินระยะเวลาเพียงหนึ่งถึงสามปี แต่การจากไปของปลาหมึกใน My Octopus Teacher นอกจากความเศร้าเสียใจของ Foster และคนดูแล้ว มันยังเต็มไปด้วยความหวัง ความรู้สึกของการเริ่มต้นใหม่ และการปลอบประโลมจิตใจให้กลับมามีพลังอีกครั้งหนึ่ง
บทสรุปของหนังคือการเรียนรู้จากธรรมชาติ Foster ได้เรียนรู้ความสัมพันธ์และการเชื่อมโยงถึงกันของสิ่งต่างๆในระบบนิเวศน์ใต้ท้องทะเลในป่าสาหร่าย และที่สำคัญยิ่งคือเขาได้เรียนรู้ที่จะกลับมาเชื่อมโยงกับโลกอีกครั้งหนึ่ง ทั้งกับธรรมชาติและผู้คน เราเห็นได้จากการส่งต่อความรักในธรรมชาติให้กับลูกชายของเขาผู้กำลังเจริญรอยตามพ่อ เติบโตเป็นนักดำน้ำและนักศึกษาชีวิตในท้องทะเล และหนังเรื่องนี้ทำให้เขาสามารถสื่อสารและเชื่อมโยงกับลูกชายได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม
คะแนน 8/10
#เดี๋ยวรู้เรื่อง #MyOctopusTeacher #NetflixThailand
โฆษณา