27 เม.ย. 2021 เวลา 14:19 • กีฬา
Emiliano Martínez ของดีที่อาเซนอลมองข้าม
Credit : https://lastwordonsports.com/football/2020/09/14/emiliano-martinez-aston-villa-arsenal/
ในโลกของเรานั้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องความรัก เรื่องกีฬา หรือเรื่องอะไรก็ตาม ทุกคนนั้นอยากเป็นตัวเลือกแรก และต้องการเป็นตัวจริงเสมอ แล้วถ้าเป็นเรื่องฟุตบอล หากคุณไม่ได้ถูกเลือกให้เป็นตัวเลือกแรกของทีมล่ะ คุณจะยังอยู่กับทีม และอดทนรอโอกาสที่คุณจะถูกเลือกได้นานแค่ไหนกัน คุณจะสามารถรอโอกาสที่คุณไม่รู้ว่าคุณจะได้รับมันเมื่อไหร่ได้สักกี่ปี? คำตอบคือคุณไม่อาจรู้ได้เลยว่าคุณจะอดทนได้นานแค่ไหน ยิ่งถ้าพูดกันในตำแหน่งของผู้รักษาประตูแล้ว คุณแทบจะไม่มีโอกาสได้ลงเล่นเป็นตัวจริงให้กับทีมได้เลย หากคุณไม่ได้มีความรัก ความศรัทธาให้กับทีมของคุณอย่างเต็มเปี่ยม และปราศจากจิตใจที่เข้มแข็ง เพื่อที่จะอดทนขยันฝึกซ้อมอย่างหนักเพื่อเฝ้ารอวันที่คุณนั้นจะได้รับโอกาส พร้อมทั้งต้องฝ่าฟันคืนวันเลวร้ายมาได้มากมายอย่าง “Emiliano Martínez” อดีตนายทวารมือ 3 ของอาเซนอลที่ได้กลายมาเป็นมือหนึ่งและคอยเฝ้าเสาให้กับอาเซนอลอยู่ระยะเวลาหนึ่งในขณะที่ทีมกำลังย่ำแย่ และจะบอกว่าเขาเป็นคนสำคัญที่ช่วยพาทีมปืนใหญ่อาเซนอลคว้าแชมป์เอฟเอคัพเมื่อปี2020ที่ผ่านมาก็ไม่ผิดครับ แต่แล้วด้วยโชคชะตาฟ้าไม่เป็นใจ ทั้งที่เขาพยายามฝึกซ้อมอย่างหนักเพื่อหวังว่าสักวันหนึ่งเขาจะขึ้นมาเป็นมือหนึ่งของทีมชุดใหญ่อย่างถาวร แต่ต้นสังกัดกลับมองไม่เห็นถึงความสำคัญ และความพยายามที่เค้าได้ทำเพื่อทีม จนในที่สุดก็ต้องขายนายทวารคนนี้ให้กับเพื่อนร่วมลีกอย่างแอสตันวิลลาในที่สุด เรื่องราวของชายคนนี้จะเป็นยังไงเรามารับชมไปพร้อมๆกันเลยครับ
ดามิอัน เอมิเลียโน มาร์ติเนซ โรเมโร (Damián Emiliano Martínez Romero) คือชื่อของเด็กชาวอาร์เจนตินาที่เกิดเมื่อวันที่ 2 กันยายน ค.ศ. 1992 ที่เมือง มาร์เดลปลาตา (Mar del Plata) ในประเทศอาร์เจนตินา เขาเกิดมาในครอบครัวที่ยากจนมากๆ พ่อแม่ของเขาไม่ได้มีรายได้ที่สูงมากนัก ลำพังเงินที่จะจ่ายค่าน้ำค่าไฟและค่าใช้จ่ายต่างๆในแต่ละเดือนยังแทบจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ ทำให้มาร์ติเนซในตอนเด็กนั้นต้องดิ้นรน และหาหนทางเพื่อที่จะทำให้ครอบครัวของเขานั้นหลุดพ้นจากความยากจนนี้ไปให้ได้ และเขาก็เหมือนเด็กผู้ชายทุกๆคนที่เวลาว่างๆไม่ได้มีอะไรให้ทำมากนัก จะมีก็แต่การเล่นฟุตบอล และมาร์ติเนซเองก็หลงรักกีฬาชนิดนี้เหมือนกับเด็กทุกๆคน และเขาได้ตัดสินใจว่าเขาจะตั้งใจฝึกซ้อมเพื่อหาทางเป็นนักฟุตบอลอาชีพ เพื่อที่เขาจะได้มีเงินมาช่วยเหลือครอบครัว เขาได้ตั้งใจขยันฝึกซ้อมมาเรื่อยๆจนเขารับโอกาสได้ไปทดสอบฝีเท้ากับทีมในบ้านเกิดอย่าง “Club Atlético Independiente” และได้เริ่มเส้นทางสายอาชีพฟุตบอลตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ซึ่งมาร์ติเนซเขาทำผลงานได้ดีพอสมควร และอยู่กับทีมมานานจนเขามีอายุได้ 17 ปี ชีวิตของเขาได้มาถึงจุดเปลี่ยนอีกครั้งเมื่อแมวมองของสโมสรดังจากเกาะอังกฤษอย่างอาเซนอลได้เห็นถึงความสามารถ และได้เอ่ยปากชักชวนให้เขาไปทดสอบฝีเท้าที่สโมสรอาเซนอล ทำให้มาร์ติเนซในวัย 17 ปีต้องคิดหนักมากเพราะนี่เป็นการเดินทางครั้งแรกที่เขาต้องบินไปถึงอังกฤษด้วยตัวคนเดียว และทางบ้านของเขานั้นก็ไม่อยากให้เขาต้องจากบ้านไปไกล แต่ก็ไม่สามารถไปให้กำลังใจลูกของเขาได้ เพราะด้วยค่าใช้จ่ายที่สูง และฐานะของทางบ้าน แต่ด้วยความตั้งใจของเขาที่อยากทำให้ที่บ้านของเขาหลุดพ้นจากความจากจนนี้ ทำให้มาร์ติเนซในวัย 17 ปี ได้ตัดสินใจคว้าโอกาสครั้งสำคัญนี้เพื่อบินไปทดสอบฝีเท้ากับทีมปืนใหญ่อาเซนอลด้วยตัวคนเดียว และด้วยความรักที่มีต่อฟุตบอล และครอบครัว รวมถึงสิ่งที่เขาได้ฝึกซ้อมมาอย่างหนัก เขาก็ได้แสดงให้อาเซนอลเห็นว่าเขามีศักยภาพมากพอที่จะถูกเลือก และได้อยู่กับอาเซนอลตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา
แต่แล้วโชคชะตาก็ได้มอบบททดสอบให้เขาอีกครั้ง เพราะอาเซนอลนั้นเต็มไปด้วยนายทวารฝีมือดีหลายคนตั้งแต่ตอนเขาย้ายไปจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น วอยแชค ชแชนสนือ (Wojciech Szczęsny), แปเตอร์ แช็ค (Petr Čech), ดาวิด ออสปินา (David Ospina) รวมถึงแบรนด์ เลโน่ (Bernd Leno)ที่เป็นนายทวารมือหนึ่งของทีมในปัจจุบัน ทำให้มาร์ติเนซนั้นแทบไม่ได้รับโอกาสในการเป็นตัวจริงกับอาเซนอลเลย และเขาถูกสโมสรปล่อยให้ทีมอื่นยืมตัวไปมาเป็นว่าเล่นมากถึง 6 สโมสร ไม่ว่าจะเป็น อ็อกฟอร์ด ยูไนเต็ด, เชฟฟิลด์ เว้นเดย์, ร็อตเธอร์แธม ยูไนเต็ด, วูลฟ์แฮมป์ตัน, เกตาเฟ่ และเร้ดดิ้ง จนสุดท้ายเขาก็ได้หวนคืนกลับมาอยู่กับต้นสังกัด ซึ่งเขาก็ไม่เคยที่จะปริปากบ่น และมาร์ติเนซเองก็เป็นคนที่มีวินัยในการฝึกซ้อมเป็นอย่างมาก ตัวเขานั้นฝึกซ้อมอย่างหนักอยู่ตลอด และเป็นคนที่ตรงต่อเวลามาก เขาอดทนฝึกซ้อมไม่เคยขาดตกบกพร่องเรื่อยมาเพื่อเตรียมตัวเองให้พร้อมอยู่เสมอ และได้แต่หวังว่าสักวันเขาจะได้รับโอกาสลงเฝ้าเสาและเป็นกำลังสำคัญให้กับทีม
และแล้วสิ่งที่เขาพยายามมาทั้งชีวิตก็ไม่สูญเปล่า เมื่อ“Emiliano Martínez” ได้รับโอกาสลงสนามให้กับทีมต้นสังกัดอย่างแท้จริงในช่วงท้ายของฤดูกาล 2019-2020 และเขาได้แสดงให้โลกเห็นจุดยืนของเขา ได้แสดงให้ทุกสายตาได้ประจักษ์ว่าเขาก็เป็นส่วนหนึ่งของทีม และเป็นมาตลอด 10 ปี เขาช่วยทีมให้รอดพ้นจากการเสียประตูไปได้หลายต่อหลายครั้ง ด้วยการเข้าสกัดอย่างแม่นยำ ตัดบอลจังหวะเสียวๆไปนับครั้งไม่ถ้วน รวมถึงในจังหวะที่ไม่มีใครคิดว่าเขาจะสามารถเซฟได้ จนมาร์ติเนซกลายเป็นกำลังสำคัญในการพาทีมคว้าแชมป์เอฟเอคัพสมัยที่ 14 มาครอง ซึ่งหลังจบเกมก็ได้มีสื่อเข้าไปสัมภาษณ์ความรู้สึกหลังจบเกม มาร์ติเนซ ก็ให้สัมภาษณ์ทั้งน้ำตาแห่งความยินดี จนปิแอร์ เอเมอริค-โอบาเมยอง ที่ยืนสัมภาษณ์อยู่ใกล้ๆต้องโอบกอดแสดงความยินดีด้วย และด้วยความพยายามฝึกซ้อมอย่างหนักมาทั้งชีวิต ผ่านมรสุมชีวิตมามากมาย จากอาร์เจนตินา สู่อังกฤษด้วยตัวคนเดียว เพื่อความฝันและแรงศรัทธาที่อยากทำให้ครอบครัวหลุดพ้นจากความยากจน
และ“Emiliano Martínez” ก็ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า เขาเองก็สามารถเป็นมือหนึ่งของทีมได้
Credit : https://www.thesun.ie/sport/football/5738931/emiliano-martinez-arsenal-contract-fa-cup/
แต่สุดท้ายแล้ว “รักแค่ไหนเมื่อตกลงกันไม่ได้ก็ต้องจากกันอยู่ดี” เมื่ออาร์เซนอล ได้ยื่นสัญญาฉบับใหม่ให้กับทาง มาร์ติเนซ แต่เมื่อพิจารณาแล้ว ทั้งสองฝ่ายยังคงมีบางอย่างที่ต้องเจรจากันต่อไป ทำให้ทางแอสตัน วิลลาที่เล็งเห็นถึงโอกาสในการคว้าตัวมาร์ติเนซเตรียมที่จะยื่นข้อเสนอฉบับใหม่มาให้กับอาร์เซนอล รวมทั้งพวกเขายังการันตีตำแหน่งผู้รักษาประตูมือหนึ่งให้กับทางมาร์ติเนซอีกด้วย
ซึ่งตัวของมาร์ติเนซนั้นต้องการที่จะอยู่กับอาร์เซนอลต่อ แต่พวกสโมสรตระหนักดีว่าตัวของนักเตะต้องการที่จะเป็นมือหนึ่งของทีม หลังจากทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในการทำหน้าที่แทน แบรนด์ เลโน่ เมื่อฤดูกาล2019-2020 และเขาเหลือสัญญาอีกสองปีกับอาร์เซนอล ซึ่งพวกเขานั้นทราบดีว่า มาร์ติเนซ ต้องการลงเล่นอย่างสม่ำเสมอกับทีมชุดใหญ่ แต่พวกเขาไม่สามารถการันตีตำแหน่งมือหนึ่งให้กับทั้งเขา หรือเลโน่ได้ ซึ่งถ้าหากไม่สามารถตกลงสัญญาฉบับใหม่กับทางนักเตะได้ อาร์เซนอลก็อาจจำใจต้องปล่อยมาร์ติเนซ ออกจากทีม และต้นสังกัดเองก็จะได้เงินราวๆ 20 ล้านปอนด์
จนในที่สุด แอสตัน วิลลา ก็ได้บรรลุข้อตกลงคว้าตัว เอมิเลียโน มาร์ติเนซ นายทวารวัย 28 ปีชาว อาร์เจนตินา จาก สโมสรฟุตบอลอาร์เซนอล เพื่อนร่วมศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ อย่างเป็นทางการด้วยมูลค่า 20 ล้านปอนด์ภายใต้สัญญายาวถึง 4 ปี โดยก่อนจากมาร์ติเนซได้ประกาศอำลาเหล่าแฟนๆไว้ว่า
"ผมไม่อาจจะมีความสุขไปมากกว่านี้เมื่อแฟนบอลของ อาร์เซนอล และสโมสรยังคงให้การสนับสนุนผมแม้ว่ากำลังจะเดินออกจากทีม"
"ผมได้ใช้เวลา 11 ปีกับสโมสรและแม้ว่ามันจะเป็นเส้นทางที่ยากลำบากสำหรับผมกับอาร์เซนอล แต่ผมก็ยังมีความสุขที่ได้พยายามและแสดงให้กับผู้รักษาประตูดาวรุ่งให้เห็นว่าการทำงานหนักนั้นเห็นผล"
Credit : https://www.the42.ie/emiliano-martinez-aston-villa-arsenal-transfer-5206090-Sep2020/
ปัจจุบัน“Emiliano Martínez”ยังคงเป็นนายทวารมือหนึ่งเฝ้าเสาให้กับทีมต้นสังกัดใหม่อย่างแอสตันวิลลา และยังคงทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการลงสนามไปทั้งสิ้น 47 นัดรวมทุกรายการ และสามารถเก็บคลีนชีทไปได้ถึง 20 นัดกันเลยทีเดียว โดยในเกมพรีเมียร์ลีกนั้นในการเก็บคลีนชีทเป็นรองแค่ Ederson จากแมนเชสเตอร์ซิตี้ที่ครองอันดับหนึ่งอยู่ ณ ตอนนี้ ซึ่งนับว่าสูสีกันมากเลยทีเดียว ผิดหูผิดตากับอาเซนอลที่กลายเป็นทีมกลางตารางในขณะนี้ และเก็บคลีนชีทแทบไม่ได้เลย ทำเอาแฟนๆเสียดายกับการย้ายทีมของมาร์ติเนซกันถ้วนหน้าเลยทีเดียว
Credit : https://www.the12thman.in/emiliano-martinez-opens-up-on-mikel-arteta-text-on-his-exit-from-arsenal/
จะบอกว่ามาร์ติเนซได้เข้ามายกระดับและกลบจุดอ่อนของแอสตันวิลลาจนทำให้พวกเขากลายเป็นทีมที่น่ากลัวขึ้นมาเลยก็ว่าได้ เพราะไม่ว่าจะเจอทีมบิ๊กซิกหรือทีมใดก็ตาม มาร์ติเนซก็ไม่เคยหวั่นเลยแม้แต่น้อย ทำเอาอดีตต้นสังกัดอย่างอาเซนอลเสียดายนายทวารคนนี้ไปตามๆกันเลยทีเดียว เพราะสิ่งที่มาร์ติเนซขอในสัญญาว่าต้วยการเป็นมือหนึ่งของทีมนั้นสำหรับตัวผมเองก็มองว่ามันไม่ได้เป็นการขอที่มากจนเกินไปเพราะเทียบกับผลงานที่ผ่านมาตั้งแต่เขาลงมาช่วยเฝ้าเสาให้ทีม ด้วยการช่วยทีมให้รอดพ้นจากการเสียประตูในหลายต่อหลายครั้ง และความจงรักภักดีที่มีต่อสโมสร เขาควรเป็นคนแรกที่สโมสรจะให้ความสำคัญ และไม่ควรมองข้าม เพราะมองดูรวมๆแล้ว แบรนด์ เลโน ที่เฝ้าเสาอยู่ในตอนนี้ผลงานค่อนข้างย่ำแย่เลยก็ว่าได้ แต่ผิดกับมาร์ติเนซที่ปัจจุบันเขายังคงโขว์การเซฟอันน่าเหลือเชื่อให้เราได้เห็นกันอยู่เรื่อยๆกับแอสตัน วิลลา และยังคงฝึกซ้อมอย่างหนักอยู่ตลอด นับเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ดีของนักฟุตบอลรวมไปถึงแฟนบอลทุกคนที่กำลังท้อแท้กับชีวิต มาร์ติเนซเป็นตัวอย่างสำคัญที่แสดงให้เห็นแล้วว่า แม้คุณจะเจอมรสุมชีวิตมามากเพียงใด หนักแค่ไหน หากเราไม่ยอมแพ้ ไม่มองข้ามทุกโอกาสที่เข้ามาหา และไม่หยุดที่จะพยายาม สักวันเราจะต้องประสบสำเร็จอย่างแน่นอน และตัวคุณเองก็สามารถประสบความสำเร็จได้
“เพียงแค่คุณอย่าหยุดที่จะไขว่คว้าหาโอกาส และลงมือทำ”
ถ้าถูกใจเรื่องราวดีๆแบบนี้ ฝากกดแชร์ และกดติดตามเพื่อเป็นกำลังใจในการทำคอนเทนต์ต่อๆไปได้หน่อยครับ กราบขอบพระคุณทุกท่าน และขอให้ทุกท่านปลอดภัยจากสถานการณ์โรคระบาดอันเลวร้ายนี้ไปได้ เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะครับ
เขียนและเรียบเรียง : Aof FalCoN จาก Storyกีฬา
โฆษณา