Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
SEEN : Ability to be SEEN
•
ติดตาม
28 เม.ย. 2021 เวลา 12:10 • การศึกษา
“เมื่อเราจะจบ แต่ COVID ไม่จบกับเรา….” กรี๊ดดดดด ฉันจะได้ฝึกงานมั้ยเนี่ย!?
ยิ่ง COVID เริ่มยืดเยื้อ จะเหลือเวลาให้เราฝึกงานก่อนจบมั้ยล่ะเนี่ย?
มาดูกันว่า “การฝึกงาน” นั้น สำคัญไฉน? แล้วถ้า “ไม่เคย” ฝึกงานมาก่อน เค้าจะรับเรามั้ย?
มาหาคำตอบกันได้ในสรุปจาก Clubhouse ของเราเลย!
#SEEN #AbilitytobeSEEN #HRค้าบบ #สรุปให้ #Clubhouse #ClubhouseTH
#ฝึกงาน #Internship #COVID19 #โควิด #หางาน
#ฝึกงาน คืออะไร?
การฝึกงานนั้นสามารถทำได้ตั้งแต่เมื่อเรามีความพร้อม ไม่ว่าจะพร้อมด้านใดก็ตาม
เช่น พร้อมทางแรงใจ แรงกาย และพร้อมที่จะเรียนรู้ เป็นต้น
เพราะการฝึกงานต้องเข้าใจก่อนว่าบางงาน เราอาจจะไม่ได้รับค่าตอบแทนที่สามารถจับต้องได้ เช่น เงิน เป็นต้น แต่กลับกัน เราก็จะได้รับค่าตอบแทนที่เป็น “ความรู้และประสบการณ์” แทน!
เชื่อไหม?
สมัยนี้เด็กเค้าเริ่มฝึกงานกันตั้งแต่ช่วงมัธยมต้นแล้วนะ! ซึ่งในห้อง Clubhouse คืนนั้น ก็มีน้อง ๆ ม.3 สองคนที่ฝึกงาน เข้ามาแชร์ประสบการณ์กับเราด้วย!
#ฝึกงาน สำคัญแค่ไหน?
- การฝึกงาน (Internship) เป็นเหมือนการจำลองการทำงาน โดยที่เราจะเข้าไปนั่งทำงานในทีมที่ลงมือทำงานจริง ๆ (workforce)!
- การที่เราเข้าไป ก็จะทำให้เราพบกับปัญหาจริง ๆ ไม่ว่าจะตรงกับสายที่เราเรียนมาหรือไม่ก็ตาม
- เป็นบททดสอบการได้ฝึกคิดวิเคราะห์ และ ประยุกต์ ซึ่งไม่เหมือนกับการเรียน
- เป็นบททดสอบความอดทน เพราะเราจะต้องทำตามที่หัวหน้างานสั่ง เช้ายันเย็น ยากที่จะปฏิเสธ และผัดวันประกันพรุ่ง
แต่อย่างไรก็ตาม พี่ ๆ ในห้องบอกว่าการ “ฝึกงาน” นั้น เป็นเหมือนการ “Connect the dots” หรือการปะติดปะต่อจุด ดูความชอบหรือไม่ชอบของเรา และสามารถที่จะวางเส้นทางในชีวิตต่อไปได้
แต่!!! การ #ฝึกงาน ก็ “ไม่ได้” เป็นตัวที่ฟันธงว่าเรานั้น “เหมาะ” กับงานนั้น ๆ หรือจะ “ต้องทำ” งานนั้น ๆ ในอนาคต 100%
ฝึกงาน x สถานการณ์ในปัจจุบัน
ทุกวันนี้ หลายคนที่ใกล้จบก็อาจจะได้ยินมาจากคนอื่นบ้าง หรือเจอกับตัวเองก็มี
ว่าแต่ละบริษัทอาจจะมีการรับน้องนักศึกษาฝึกงานน้อยลง ถ้าเทียบกับช่วงก่อน COVID
เพราะว่า ปัจจัยหลักในการรับนักศึกษาฝึกงานเข้ามาช่วย ก็คือ
ตัวบริษัท องค์กร และพนักงานในองค์กร ก็ต้อง “มีความพร้อม” เช่นเดียวกัน
แต่อย่าเพิ่งท้อใจกันไป!! เพราะ “ไม่ใช่ทุกองค์กร ที่ไม่อยากรับเด็กฝึกงาน!!”
ถึงแม้ช่วงนี้ หลายที่อาจจะเปลี่ยนเป็นการ “ฝึกงาน From Home”
ก็อยากให้ทุกคนไม่นิ่งเฉย ถ้ามีโอกาสไหนน่าสนใจ ก็รีบคว้ากันไว้ก่อน!
เผื่อถ้าสถานการณ์ดีขึ้น ก็อาจจะมีโอกาสที่จะทยอยกลับไปทำที่ออฟฟิศได้!
‘ฝึกงาน’ มีผลแค่ไหนในการรับคนเข้าทำงาน?
คำตอบจากพี่ ๆ ในห้องคือ…
“การฝึกงานมีผล แต่ ‘ไม่ใช่’ ปัจจัยหลัก!”
ซึ่งจากมุม ของ พี่ ๆ HR:
สิ่งที่ HR ส่วนมากดู ก่อนที่จะรับพนักงานเข้ามา คือ
- การศึกษา: มาจากสายไหน? ตรงสายไหม? ทำกิจกรรมอื่น ๆ ในมหาลัยบ้างรึเปล่า?
- Personality บุคลิกและความเป็นตัวคุณ
- ประสบการณ์ต่าง ๆ รวมถึงการฝึกงาน
ซึ่งพี่ HR ก็บอกว่า:
“ไม่อยากให้มองว่าการฝึกงานเป็นปัจจัยหลัก”
แต่มันเป็นสิ่งที่ช่วยโชว์ให้ HR เห็นได้ว่าเราผ่านอะไรมาบ้าง?
ซึ่ง… ถ้าไม่มีประสบการณ์ฝึกงาน ก็สามารถหาสิ่งอื่น ๆ มาทดแทนได้เหมือนกัน
พี่ HR ยังยกตัวอย่างว่า
ถ้าเทียบให้เห็นง่าย ๆ คือ ใช้แอปเปิ้ล 2 ลูก แทนคน 2 คน ที่มาสมัคร
สองคนนี้เรียนจบที่เดียวกัน เกรดเท่ากัน มีทักษะพอ ๆ กัน
ตรงตามที่บริษัทต้องการทุกอย่าง แต่ HR ต้องเลือกเพียง 1 คนเท่านั้น
(ซึ่งในความเป็นจริง มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเหมือนกันทุกอย่าง)
นี่แหละ ก็จะเป็นเวลาที่ HR อาจจะมองหาว่า…
“คนไหนมีประสบการณ์จากการทำงานมาบ้าง?”
“เค้าสามารถถ่ายทอดออกมาให้ HR เห็นได้ไหมว่าเค้าผ่านอะไรมา?” “เค้ารับมือกับความท้าทายอย่างไร กับงานที่ผ่าน ๆ มา?” เป็นต้น
แตตตตตต่…. ถึงแม้จะ “ไม่เคยฝึกงาน” ก็มีงานได้ !!
เพราะว่ามีรุ่นพี่คนนึงในกลุ่มก็มาบอกว่าตัวเองไม่เคยฝึกงานเลย แต่ตอนนี้ก็ทำงานอยู่
พี่เค้าก็มาแชร์ว่า:
1. เมื่อรู้ว่าเราอยู่ในกลุ่มเสี่ยง (เช่น อาจจะเรียนไม่ตรงสายกับงานที่อยากทำ + ไม่เคยฝึกงาน) แต่เราก็ craft เส้นทางให้ตัวเองเดินต่อได้
2. ต้องสำรวจตัวเองก่อนว่า เราจะสามารถไปต่อได้เส้นทางไหนบ้าง?
3. ทำการบ้านมาให้เยอะ ๆ หาทางอื่น ๆ ในการค้นหาตัวเองให้เจอ แทน ‘การฝึกงาน’
เพียงแค่เราสนใจ “Strengths (จุดแข็ง/จุดเด่น) + Opportunity (โอกาสที่เข้ามา)” ของเรา
แล้วแสดง Passion ให้นายจ้างเห็นได้ ก็มีโอกาสได้งาน ไม่ต่างไปจากคนที่เขาได้ฝึกงานเลยนะ!
“แล้วการฝึกงานมันมีประโยชน์ยังไงบ้างหรอคะ?”
หลายคนมีเป้าหมายชีวิตที่ต่างกันออกไป
บางคนก็อาจจะอยากไปใช้ชีวิตมากกว่า มีอะไรให้ทำอีกตั้งเยอะกว่าการฝึกงาน
ก็ใช่! มันไม่ใช่เรื่องผิดเลยถ้าไม่อยากฝึกงาน!
แต่การฝึกงาน ก็มีข้อดีอยู่ไม่น้อยเลย! วันนี้เราก็รวมมาให้แล้ว!
1. เป็นที่ที่ช่วยบ่มเพาะประสบการณ์ รับมือกับความกดดัน
2. ได้ Connection เพิ่ม จากการเจอคนในสายงานเดียวกันหรือแตกต่าง
3. ได้เรียนรู้การประยุกต์ศาสตร์ต่าง ๆ เข้าด้วยกัน
4. ช่วยให้เราตัดตัวเลือกที่เราไม่อยากทำในอนาคตได้
5. ถ้าทำงานเยอะพอ ก็จะได้เรียนรู้จากสิ่งที่ทำแน่นอน
6. เห็นช่องทางในการทำงานมากขึ้น
7. อาจจะเกิดตำแหน่งใหม่ ๆ ขึ้นได้ (มีโอกาสเปลี่ยนไปเป็น full-time) ถ้าองค์กรถูกใจเรา
8. ได้เห็น Culture องค์กร ที่แตกต่าง และหาทางที่ใช่สำหรับเราที่สุด (ถ้าหากฝึกหลายที่)
แล้ว #การฝึกงาน ก็ยังมีส่วนให้ HR มองเห็นว่า
1. เด็กคนนี้มี Learning curve แค่ไหน?
2. มีทักษะใดที่ได้เรียนรู้จากการฝึกงานบ้าง?
3. ถ้าเข้ามาทำด้วยกัน เด็กก็จะไม่ช็อคกับ culture การทำงานจนเกินไป
“ผมอยากฝึกงานอีกสายนึง แต่บริษัทเค้าดูไม่สนใจเมลที่ผมส่งไปเลย”
เมื่อเราเป็นเด็กที่เรียนมาไม่ตรง แต่อยากหาประสบการณ์เพิ่มกับงานอีกสาย
จะทำยังไง ให้ HR เค้าสนใจที่จะรับเราเข้าฝึกงานด้วย?
1. ต้องเป็นสาย “รุก” - เราต้องขวนขวายหาทางให้ได้ โดยเริ่มจากการโทรไปสอบถามก่อน พยายามพูดเป้าหมายของเรา ความสามารถของเรา และ passion ของเราที่เค้ารู้สึกว่าเราควรค่าแก่การที่เค้าจะรับเราเข้ามาฝึกงานด้วยให้ได้
2. หลังจากนั้นส่งเมลที่เป็นทางการตามไป แม้ว่าเค้าจะรับหรือไม่รับก็ตาม ควรจะส่งเป็น Email สำหรับ ‘follow up’ จากที่เราโทรไปเมื่อกี้นะ แล้วก็พิมพ์เนื้อหาตำแหน่งงาน สาธยายความสามารถเรา และให้เค้าจำเราให้ได้ด้วย passion ของเราเต็มที่ (แต่ไม่เวิ่นเว้อมาก เพราะเค้าไม่ได้มีเวลามากขนาดนั้น!) พร้อม แนบ Cover letter + CV/Resume เข้าไป
ถ้าใครยังไม่ชัวร์เรื่องการทำ Resume/ CV ละก็ ลองกลับมาอ่านที่โพสต์นี้ได้เลยนะ!
https://www.facebook.com/104389801716410/posts/116572990498091/?d=n
บันทึก
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย