29 เม.ย. 2021 เวลา 00:24 • ธุรกิจ
Apple ยังคงโตระเบิด ทำรายได้เพิ่มขึ้น 54% ในไตรมาสล่าสุด
วันนี้ Apple ได้ประกาศผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 ของปี 2021 (ม.ค. - มี.ค. 2021)
โดยบริษัทมี รายได้รวม 2,808,458 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2,425,236 ล้านบาท
โดยสัดส่วนรายได้แบ่งเป็น
รายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ 81% (เพิ่มขึ้น 62%)
รายได้ค่าบริการ 19% (เพิ่มขึ้น 27%)
ทั้งนี้ รายได้ค่าบริการ ก็จะมาจาก AppleCare, Apple Music, Apple TV+, iCloud, App Store, Apple Pay และ Apple Search Ads เป็นต้น
และบริษัทมีกำไร 740,801 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 110%
คิดเป็นอัตรากำไรถึง 26%
แต่ถ้าแบ่งรายได้ของ Apple ตามหมวดสินค้าและบริการ
รายได้รวม 2,808,458 ล้านบาท จะมีสัดส่วนรายได้มาจาก
-iPhone คิดเป็น 54% (เพิ่มขึ้น 66%)
-บริการ คิดเป็น 19% (เพิ่มขึ้น 27%)
-Mac คิดเป็น 10% (เพิ่มขึ้น 70%)
-iPad คิดเป็น 9% (เพิ่มขึ้น 79%)
-Wearables (เช่น AirPods และ Apple Watch) คิดเป็น 9% (เพิ่มขึ้น 25%)
จะเห็นว่า รายได้ของทุกหมวดผลิตภัณฑ์ของ Apple เติบโตเป็นเลขสองหลัก
และทุกหมวด ทำรายได้สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
โดยเฉพาะ iPhone, Mac และ iPad ที่โตระเบิด
แม้ว่าหลาย ๆ อุตสาหกรรม กำลังเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ (ชิป) ทั่วโลก
อย่างผู้ผลิตรถยนต์หลายราย ที่ต้องลดกำลังการผลิตรถลง เพราะมีชิปไม่เพียงพอ
แต่ผลประกอบการในไตรมาสล่าสุด แสดงให้เห็นว่า Apple ยังไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ
ซึ่งสาเหตุที่ผลประกอบการของ Apple เติบโตได้อย่างโดดเด่น มีหลายปัจจัย อาทิ
-ลูกค้าต้องการอัปเกรดเป็น iPhone 12, iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max ซึ่งรองรับเทคโนโลยี 5G
-การทำงานที่บ้าน, เรียนออนไลน์ และการสร้างความบันเทิงให้กับตัวเองที่บ้าน ทำให้ความต้องการ Mac และ iPad เพิ่มสูงขึ้น
-ผลตอบรับที่ดีใน Mac รุ่นใหม่ ที่มากับชิป M1 ของ Apple เอง
-การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในหลาย ๆ ประเทศ เช่น จีน, ยุโรป
-ยอดการสมัครสมาชิกแบบชำระเงิน ในบริการต่าง ๆ บนแพลตฟอร์มของ Apple เพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันมีสมาชิกแล้วมากกว่า 660 ล้านบัญชี
ทั้งนี้ หากแยกตามภูมิศาสตร์ รายได้ทั้งหมดของ Apple จะมาจาก
-สหรัฐฯ 38% (เพิ่มขึ้น 35%)
-ยุโรป 25% (เพิ่มขึ้น 56%)
-จีนแผ่นดินใหญ่ 20% (เพิ่มขึ้น 87%)
-ญี่ปุ่น 9% (เพิ่มขึ้น 49%)
-ประเทศที่เหลือในเอเชียแปซิฟิก 8% (เพิ่มขึ้น 94%)
พบว่าประเทศที่มีอัตราการเติบโตมากที่สุด ในไตรมาสนี้ ก็คือ
จีนแผ่นดินใหญ่, ประเทศที่เหลือในเอเชียแปซิฟิก, ยุโรป และญี่ปุ่น ตามลำดับ
นอกจากนี้ Apple ยังได้ประกาศซื้อหุ้นคืน เป็นมูลค่ากว่า 2,821,500 ล้านบาท อีกด้วย
การซื้อหุ้นคืน จะทำให้จำนวนหุ้นในตลาดลดลง และทำให้กำไรต่อหุ้น เพิ่มขึ้น
ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ราคาหุ้นของบริษัท เพิ่มสูงขึ้นนั่นเอง
หลังจากประกาศผลประกอบการในไตรมาสล่าสุด และประกาศซื้อหุ้นคืน
ราคาหุ้นของ Apple ได้เพิ่มขึ้น 2.4% ในช่วงซื้อขายนอกเวลาทำการ
และปัจจุบัน Apple มีมูลค่าบริษัทอยู่ที่ 70.2 ล้านล้านบาท
โฆษณา