29 เม.ย. 2021 เวลา 02:00 • นิยาย เรื่องสั้น
วันพฤหัสบดีที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2564
ความเดิมจากตอนที่แล้ว หลังจากเข้ากรุงเทพฯแล้วเงินหมดฝากเพื่อนไปขอตังค์จากพี่แต่พี่ให้เงินค่ารถกลับต่างจังวัดแทน..........
.....ด้วยทั้งคำบอกเล่าที่เพื่อนพูดให้ฟัง ทั้งตนเองก็มีความจองหองอยู่พอสมควรในตอนนี้คำพูดของพี่สาวกลายเป็นความโกรธคิดถึงขนาดว่าต่อให้ลำบากแค่ไหนก็จะไม่กลับไปเหยียบที่นั่นอีกเลยขอไปตายในทางเบื้องหน้าช่างหัวมัน
ด้วยความที่เป็นคนไม่มีญาติพี่น้องพอเป็นพื้นฐานในกรุงเทพฯและเงินหมดกระเป๋าก็เร่งให้เราดิ้นรนเพื่อพาชีวิตเดินต่อไปให้ได้ ผมออกหางานทำด้วยเงินติดกระเป๋าเพียงสี่ร้อยกว่าบาท ขึ้นรถเมล์สาย 34,39,จากรังสิตไปจนถึงหัวลำโพง อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แบ่งเงินซื้อหนังสือประกาศรับสมัครงานโทรหาสำนักงานต่างๆที่เขาลงรับสมัครยังอุตส่าห์ไปเจอนายหน้าหางานเถื่อนอีกเสียเงินค่าโง่สมัครไปห้าร้อยด้วยการยืมเพื่อนสุดท้ายก็ไม่ได้งาน จนวันหนึ่งนั่งรถผ่านสี่แยกรัชโยธินเห็นป้ายรับสมัครพนักงานขายเครื่องตัดไฟยี่ห้อหนึ่งที่ซอยพหลโยธิน 26 (ตอนนี้เป็นตึกช้าง)ข้างๆสน.รัชโยธิน แต่ก่อนปีโน้นตึกช้างยังไม่มีเป็นแค่อาคารพานิชย์ตรงปากซอยเดินเข้าไปหน่อยเป็นหมู่บ้านจัดสรรและเป็นที่ทำการของบริษัทขายเครื่องตัดไฟ เครื่องป้องกันแก๊สรั่ว เมื่อเข้าไปสมัครเขาก็รับพร้อมแจ้งมีเงินเดือนสี่พันพร้อมข้อดีคือมีเบี้ยเลี้ยงให้ด้วยวันละหกสิบบาท จึงรีบรับทำงานเนื่องด้วยความจำเป็นต้องหาเงินกินข้าวให้ได้ไปก่อน (ความคิดตอนนั้นแค่มีเงินกินข้าววันต่อวันไปก่อนแค่นั้นยังไม่ได้รู้เลยว่างานจะเป็นยังงัย) เมื่อนัดวันเริ่มงานก็เข้าไปในบริษัทมีการแนะนำงานต่างๆจากหัวหน้ารุ่นพี่ การทำงานคือให้ออกไปขายเครื่องตัดไฟโดยการน็อคดอร์(Knock Door)เคาะประตูบ้านขอเข้าไปสาธิตสินค้า โดยหัวหน้าทีมจะพาขึ้นรถกระบะที่มีหลังคาแครี่บอยกันแดดกันลมให้ ไปตามหมู่บ้านจัดสรร ตามบ้านริมคลอง โดยทุกคนจะต้องแบ่งเงินเบี้ยเลี้ยงคนละยี่สิบบาทเติมน้ำมันรถช่วยหัวหน้าทีม หนึ่งทีมจะมีประมาณสี่คนรวมหัวหน้า ในส่วนการทำงานประสบการณ์ตรงนี้ถือว่าโหดร้ายมาก เด๋วจะมาเหลาให้ฟังในโอกาสต่อไป....สวัสดี
โฆษณา