30 เม.ย. 2021 เวลา 05:25 • ไลฟ์สไตล์
ภาพรวมของวิวัฒนาการของบุหรี่ไฟฟ้า
ในช่วงหลายปีมานี้ ความเป็นที่นิยมของบุหรี่ไฟฟ้าได้ทำให้อุตสาหกรรมนี้เติบโตอย่างรวดเร็วทั่วโลก ซึ่งเป็นผลมาจากผู้สูบบุหรี่วัยผู้ใหญ่ที่ต้องการมองหาตัวเลือกที่ดีกว่าบุหรี่ธรรมดา จึงได้ตัดสินใจหันมาเลือกใช้บุหรี่ไฟฟ้าแทนจำนวนคนที่ตัดสินใจเปลี่ยนจากการสูบบุหรี่แบบเผาไหม้ไปสู่การใช้บุหรี่ไฟฟ้ากำลังเพิ่มมากข้นเรื่อยๆ ทั้งนี้ ตลาดของบุหรี่ไฟฟ้าโลกได้รับการประเมินว่ามีมูลค่าสูงถึง 19.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปีที่แล้ว
สาเหตุที่บุหรี่ไฟฟ้าได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นไม่ใช่เพียงแค่เพราะประโยชน์ด้านการใช้งานเมื่อเทียบกับการสูบบุหรี่เทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังอุปกรณ์เหล่านี้ได้วิวัฒนาการพัฒนา และในปัจจุบันอุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้ามีความล้ำหน้า กว่าเมื่อ 10 ปีที่แล้วมาก เนื่องจากเทคโนโลยีและความต้องการของลูกค้ายังคงเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ฉะนั้นอุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้าจึงต้องปรับตัวตามไปด้วย โดยต้องมีการพัฒนาปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น เพื่อที่อุปกรณ์เหล่านี้จะมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และเหมาะสมกับความต้องการของผู้ใช้ที่เป็นผู้ใหญ่
ก่อนอื่นใด สิ่งสำคัญคือต้องทำความเข้าใจก็คือการทำงานของบุหรี่ไฟฟ้า คนที่คนที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้าอยู่แล้วคงจะรู้ดีว่าอุปกรณ์เหล่านี้ทำงานอย่างไร แต่สำหรับคนที่ไม่เคยใช้ ควรเข้าใจว่าบุหรี่ไฟฟ้ามีส่วนประกอบหลักสองส่วน คือแบตเตอรี่และตัวสร้างละออง (อะตอมไมเซอร์) เพื่อทำให้ของเหลวแตกตัวเป็นละอองฝอย หากไม่มีแบตเตอรี่ ก็จะไม่สามารถส่งกระแสไฟฟ้าไปยังตัวสร้างละอองหรือที่เรียกกันว่าคอยล์ และหากไม่มีกระแสไฟ อะตอมไมเซอร์ก็ไม่สามารถทำให้น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าเกิดความร้อนได้ สิ่งสำคัญที่ควรรู้คือ แม้ว่าเทคโนโลยีบุหรี่ไฟฟ้าจะได้รับ การพัฒนาให้มีความก้าวหน้ามาก แต่ในปัจจุบัน บุหรี่ไฟฟ้าทุกเครื่องก็ยังคงมีส่วนประกอบหลักสองส่วนนี้อยู่
รุ่นแรก
บุหรี่ไฟฟ้าที่วางขายในตลาดรุ่นแรกได้รับการเปิดตัวในปี พ.ศ. 2546 ในประเทศจีน ซึ่งเป็นเป็นผลงานการคิดค้นของ Hon Lik นับเป็นจุดกำเนิดของวิวัฒนาการบุหรี่ไฟฟ้ายุคใหม่ อุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้าในยุคแรกนี้มีลักษณะคล้ายคลึงกับบุหรี่อย่างมาก โดยเป็นโดยเป็นอุปกรณ์ที่ใช้แล้วทิ้ง ไม่สามารถชาร์จแบตเตอรี่หรือเติมน้ำยาได้ อุปกรณ์พวกนี้จึงนับเป็นบุหรี่ไฟฟ้ารุ่นแรก บุหรี่ไฟฟ้ารุ่นนี้มีระบบผลิตละอองแบบปิด ซึ่งไม่สามารถเติมน้ำยาได้เนื่องจากในขณะนั้นยังไม่มีแทงค์น้ำยาที่สามารถแกะออกมาเพื่อล้างแล้วใส่กลับคืนได้
บุหรี่ไฟฟ้า Ruyan ของ Hon Lik ประกอบด้วยสามส่วนคือ ตลับน้ำยา แบตเตอรี่และอะตอมไมเซอร์ สามปีต่อมาบุหรี่ไฟฟ้า Ruyan ได้รับความนิยมมากขึ้นในประเทศจีน ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาอุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้าที่มีความเรียบง่ายมากยิ่งขึ้นและวางขายในปี 2549 อุปกรณ์รุ่นถัดมามีส่วนประกอบสองส่วนแทนที่จะมีสามส่วน โดยได้รวมตลับน้ำยาเข้ากับอะตอมไมเซอร์ และเป็นบุหรี่ไฟฟ้ารุ่นแรกที่มีลวดทำความร้อนพันรอบสำลี บุหรี่ไฟฟ้ารุ่นแรก มีชื่อเรียกกันว่า Cig-a-like (เหมือนบุหรี่) เนื่องจากมีลักษณะคล้ายคลึงกับบุหรี่แบบเผาไหม้ แต่มีขนาดใหญ่กว่าและหนักกว่า แม้ว่าในปัจจุบันบุหรี่ไฟฟ้าได้กลายมาเป็นอุปกรณ์พื้นฐาน แต่ในอดีตนั้นบุหรี่ไฟฟ้านั้นนับว่าเป็น สิ่งล้ำหน้าแหวกแนว ทำให้สังคมได้รู้จักการใช้บุหรี่ไฟฟ้า และช่วยให้ผู้สูบบุหรี่ที่เป็นผู้ใหญ่สามารถเลิกใช้ผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบเดิมได้
รุ่นที่สอง
บุหรี่ไฟฟ้ารุ่นที่สองเป็นบุหรี่ไฟฟ้าที่มีลักษณะเหมือนปากกา โดยบุหรี่ไฟฟ้ารุ่นที่สองนี้ได้ทำให้อุตสาหกรรมบุหรี่ไฟฟ้าเติบโต และทำให้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นที่นิยมกับผู้ใช้ทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ ปากกาบุหรี่ไฟฟ้านั้นนับว่าเป็นการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่เลยทีเดียว เนื่องจากใช้เทคโนโลยีที่ได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น ทำให้การใช้งานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เป็นการแก้ไขข้อบกพร่องของรุ่นก่อน และทำให้ประสบการณ์การใช้งานโดยรวมดียิ่งขึ้น ผู้ใช้สามารถชาร์จแบตเตอรี่ของเครื่องและเติมน้ำยาเองได้ ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้อุปกรณ์ซ้ำได้ และไม่ต้องใช้แล้วทิ้งอีกต่อไป ต่างกับบุหรี่ไฟฟ้ารุ่นแรก บุหรี่ไฟฟ้ารุ่นที่สองนี้มีระบบผลิตละอองแบบเปิด ก่อนหน้านี้ ส่วนที่ชิ้นส่วน ปากสูบได้รับการรวมเข้ากับตลับน้ำยาเป็นระบบปิด ในขณะที่บุหรี่ไฟฟ้าทีมีระบบเปิดนั้น ผู้ใช้สามารถถอดชิ้นส่วนปากสูบออกได้ และสามารถถอดแทงค์น้ำยา Clearomizer ออกได้
แทงค์น้ำยา Clearomize ได้รับการพัฒนาขึ้นในปี 2552 ซึ่งผู้ใช้ต้องใส่น้ำยาลงในแทงค์เอง โดยเป็นเทคโนโลยีแรกที่ประกอบไปด้วยไส้ชุบน้ำยา ช่องเก็บน้ำยาและคอยล์ในตัวเดียวกัน ผู้บริโภคสามารถมองเห็นระดับน้ำยา ในแทงค์ได้ ในขณะที่อะตอมไมเซอร์ต้องได้รับการเปลี่ยนหลังจากใช้งานไประยะหนึ่ง ขึ้นอยู่กับความถี่และปริมาณของการใช้งาน ปากกาบุหรี่ไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์แรกที่มีชิปติดตั้งมาด้วย เผื่อป้องกันการไม่ให้เกิดการไหม้ และมีปุ่มที่ทำหน้าที่กดปล่อยละออง และเปิดปิดเครื่อง เมื่อเทียบกับบุหรี่ไฟฟ้ารุ่นแรกที่ผลิตละอองออกมาเฉพาะตอนที่ผู้ใช้สูบละอองเข้าไป มีอายุแบตเตอรี่ที่สั้น และไม่มีรสชาติและตัวเลือกปรับเปลี่ยนให้เลือกมากนัก คุณสมบัติปากกาบุหรี่ไฟฟ้าที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นนี้เป็นการตอกย้ำวิวัฒนาการของเทคโนโลยีบุหรี่ไฟฟ้า แบบก้าวกระโดดภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปีเท่านั้น
รุ่นที่สาม
ความเป็นที่นิยมและความสำเร็จทางตลาดของปากกาบุหรี่ไฟฟ้าได้นำไปสู่การวิวัฒนาการของเทคโนโลยีบุหรี่ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง และทำให้เกิดอุปกรณ์รุ่นที่สามตามมา ซึ่งเป็นที่รู้จักเรียกกันว่า MOD โดยย่อมาจาก Modified (ดัดแปลง ) บุหรี่ไฟฟ้าประเภท MOD มาแทนที่เทคโนโลยีเดิม โดยมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นและมีอายุแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้น ทำให้ผู้ใช้สามารถควบคุมอุปกรณ์ได้ผ่านทางหน้าจอดิจิตอล ผู้บริโภคสามารถปรับอุณหภูมิของอุปกรณ์เพื่อให้ได้ไอละอองที่มีความสม่ำเสมอและควบคุมปริมาณกำลังไฟฟ้าได้ คอยล์และแทงค์น้ำยาได้กลายมาเป็นส่วนสำคัญของวิวัฒนาการเทคโนโลยีบุหรี่ไฟฟ้า ทำให้ผู้ใช้สามารถควบคุมกระแสลมได้ และทำให้ประสบการณ์การใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นไปตามความชอบส่วนบุคคลต่าง ๆ ของผู้ใช้ที่เป็นผู้ใหญ่
รุ่นที่สี่
บุหรี่ไฟฟ้ารุ่นที่สี่นับเป็นรุ่นที่ใช้เทคโนโลยีล่าสุด บุหรี่ไฟฟ้ารุ่นใหม่ ๆ ที่วางขายในตลาดนั้นจัดว่าอยู่ในระเภทนี้ ซึ่งทุกรุ่นมีนวัตกรรมที่ล้ำสมัย นอกจากแบตเตอรี่หลากหลายรูปทรงและอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่ทำผู้ใช้สามารควบคุมปริมาณที่ปล่อยออกมา ยังมีบุหรี่ไฟฟ้าประเภท MOD ที่ได้รับการพัฒนาให้มาพร้อมกับคุณสมบัติการควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติและสามารถจัดการกับความต้านทานต่ำ แทงค์น้ำยาประเภทซับโอห์ม (Sub-ohm) จะใช้กับอุปกรณ์ที่มีกำลังไฟฟ้าสูง ยิ่งมีกำลังไฟฟ้าสูงเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องควบคุมให้ความต้านทานอยู่ในระดับต่ำ แทงค์น้ำยาประเภทนี้สามารถบรรจุน้ำยาได้ในปริมาณมาก และคอยล์ประเภทต่างๆจะมีความต้านทานแตกต่างกันไป ทำให้ผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าสามารถควบคุมอุปกรณ์ได้ดียิ่งขึ้น
นวัตกรรมในอุตสาหกรรม
อุตสาหกรรมบุหรี่ไฟฟ้าได้วิวัฒนาการตามเทคโนโลยี โดยมีนวัตกรรมเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ประสบความสำเร็จ แน่นอนว่าแบรนด์ต่างๆในโลกที่สามารถทำให้ตนเองโดดเด่นโดยการมุ่งมั่นนำเสนอคุณภาพก็จะสามารถยืนอยู่เหนือคู่แข่งในตลาดได้ ตัวอย่างเช่น RELX Technology ได้กลายมาเป็นแบรนด์ชั้นนำของเอเชียโดยการมุ่งมั่น ที่จะใช้นวัตกรรมมานำเสนอสินค้าใหม่ๆ และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ RELX ได้ลงทุนอย่างมากกับพนักงาน ห้องทดลองและการผลิต โดยได้พัฒนาอุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้าหกรุ่นภายใน ปีเดียว และได้ลงทุนกว่า 14 ล้านเหรียญสหรัฐฯเพื่อการวิจัยและพัฒนาในปี 2561 นวัตกรรมและการพัฒนาสินค้า
เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของพันธกิจของแบรนด์ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้าชั้นนำของอุตสาหกรรม ซึ่งรวมไปถึงบุหรี่ไฟฟ้ารุ่นเรือธง RELX Infinity ที่มาพร้อมคุณสมบัติเทคโนโลยีมากมาย
หนึ่งในคุณสมบัติเรานั้นก็คือ Leak-Resistant Maze ซึ่งมีชั้นโครงสร้าง 11 ชั้นเพื่อป้องกันการรั่วไหลภายใน และการควบแน่น เพื่อให้ประสบการณ์การใช้บุหรี่ไฟฟ้ามีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น อีกคุณสมบัติก็คือปากสูบรูปแบบใหม่ตามหลักสรีรศาสตร์ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้เข้ากับสรีระริมฝีปาก โดยทางแบรนด์ได้ทำ การทดลองกับผู้บริโภค เพื่อออกแบบปากสูบที่ไม่ปล่อยให้อากาศรั่วไหล และให้ความรู้สึกสบายแก่ผู้ใช้ ในขณะที่สูบเอาละอองเข้า นอกจากนี้ RELX ยังมีอีกสองเทคโนโลยีในบุหรี่ไฟฟ้ารุ่น Infinity ที่ช่วยให้ประสบการณ์การใช้งานดียิ่งขึ้น นั่นก็คือ Active-Steam Pro และ Air Boost เทคโนโลยี Active-Steam Pro ทำให้ปริมาณ และคุณภาพของละอองมีความสม่ำเสมอด้วยการปรับสมดุลย์และควบคุมการปล่อยละอองและอุณหภูมิ ในขณะเดียวกัน รูปแบบของ Air Boost ทำให้เกิดแรงดันลบที่ช่วยดันให้ละอองลอยขึ้นมาจากอะตอมไมเซอร์ สิ่งที่น่าสังเกตก็คือ RELX Infinity มาพร้อมกับระบบการชาร์จแบตเตอรี่คู่ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มได้ ภายในเวลาเพียง 45 นาที นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถเลือกซื้อกลองชาร์จที่สามารถเก็บในช่องกระเป๋าได้ อย่างง่ายดาย
เทคโนโลยีความก้าวหน้าเหล่านี้ได้นำไปสู่ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวิวัฒนาการบุหรี่ไฟฟ้า เป็นมาตรฐาน สำหรับนวัตกรรมบุหรี่ไฟฟ้ารุ่นต่อไปในอนาคต
โฆษณา