1 พ.ค. 2021 เวลา 02:30 • การเมือง
จีนกับแผนชนะ โดยไม่ต้องรบ
Blockdit Originals โดย ดร.อาร์ม ตั้งนิรันดร
10
ประธานาธิบดีไบเดนกล่าวหลายครั้งแล้วว่า จีนมีแผนการใหญ่ต้องการจะล้มสหรัฐฯ เพื่อขึ้นเป็นเจ้าโลกแทน
17
แต่โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนออกมาแถลงตอบโต้ว่า จีนไม่เคยคิดจะชนะใคร แถมด้วยประโยคคมกริบว่า จีนคิดแต่จะชนะตัวเองให้ได้ ทำตัวเองวันนี้ให้ดีกว่าเมื่อวาน
10
ตกลงจีนมีแผนการใหญ่ซ่อนอยู่หรือไม่ จีนคิดอย่างไรกันแน่เกี่ยวกับเส้นทางมหาอำนาจโลก
ก่อนจะเข้าใจจีน เรามาเข้าใจฐานคิดเส้นทางมหาอำนาจของสหรัฐฯ เสียก่อน แต่ไหนแต่ไรมา สหรัฐฯ มองว่า พื้นฐานที่สำคัญที่สุดคือ การทหาร เมื่อสหรัฐฯ เป็นชาติที่แข็งแกร่งด้านการทหารมากที่สุด ความยิ่งใหญ่ด้านอื่นก็ตามมาเป็นลูกโซ่ เพราะทุกคนย่อมสยบยอมว่าสหรัฐฯ คือพี่เบิ้ม
6
ทั่วโลกจึงนับถือดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นเงินสกุลหลักของโลก พลังของทุนส่งผลให้สหรัฐฯ ยิ่งใหญ่ด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยี บรรลุความเป็นมหาอำนาจเดี่ยวในทุกมิติ
7
แต่ฐานคิดเส้นทางมหาอำนาจของจีนไม่ได้เริ่มต้นที่การทหาร แต่เริ่มต้นที่เศรษฐกิจ ในแนวคิดของมาร์กซ์มีความเชื่อว่า เศรษฐกิจ โดยเฉพาะพลังการผลิต คือพื้นฐานของทุกอย่าง
18
ความแข็งแกร่งของจีนในวันนี้จึงอยู่ที่มิติด้านเศรษฐกิจ แต่ให้ลึกกว่านั้นคืออยู่ที่พลังการผลิตที่จีนเป็นโรงงานโลก
ข้อนี้สหรัฐฯ ไม่มีความได้เปรียบอีกต่อไป สหรัฐฯ ยังเป็นผู้นำด้านการเงินและเทคโนโลยี แต่ไม่มีความสามารถในการผลิต
13
เติ้งเสี่ยวผิง ได้เคยให้ข้อคิดกับทีมผู้นำจีนในสมัยก่อนว่า จีนต้องไม่โง่แบบสหภาพโซเวียต ที่มุ่งแข่งกับสหรัฐฯ เรื่องการทหาร แข่งตัวเลขจำนวนหัวรบนิวเคลียร์มีประโยชน์อะไร
ตรงกันข้าม จีนต้องทุ่มเททรัพยากรทั้งหมดให้กับการพัฒนาเศรษฐกิจและพลังการผลิตเป็นอันดับแรก
51
มีคำถามตามมาว่า แต่เมื่อจีนห่างชั้นกับสหรัฐฯ อย่างมากมายเรื่องการทหาร แล้วจีนจะชนะสหรัฐฯ ได้อย่างไร
10
ในปี ค.ศ. 2020 สมาคมควบคุมอาวุธของสหรัฐฯ ได้ประเมินว่า สหรัฐฯ มีหัวรบนิวเคลียร์ 5,800 หัวรบ รัสเซียมี 6,375 หัวรบ ขณะที่จีนมีเพียง 320 หัวรบ
11
วันก่อนผมฟัง ศ.จินช่านหรง นักยุทธศาสตร์การต่างประเทศชื่อดังของจีน พูดติดตลกว่า สถิตินี้แสดงให้เห็นภูมิปัญญาชาวจีนว่าเราไม่ผลาญเงินกับการแข่งเรื่องการทหารที่ไม่มีสาระ
36
เพราะ 320 หัวรบที่เรามี คือจำนวนที่พอดิบพอดีสำหรับถล่มสหรัฐฯ ได้หากเกิดสงคราม พูดง่ายๆเป้าหมายของเราไม่ใช่ชนะสหรัฐฯ แต่มีเพียงพอให้สหรัฐฯ ไม่มีทางกล้ารบ
42
สอดคล้องกับ ศ.คิชอร์ มาร์บูบาร์นี นักยุทธศาสตร์การต่างประเทศชื่อดังของสิงคโปร์ ท่านไม่เห็นด้วยกับความเห็นที่แพร่หลายในขณะนี้ว่า สงครามระหว่างเบอร์ 1 กับคู่ท้าชิงเบอร์ 2 ช้าเร็วก็ต้องเกิด ท่านมองว่าตอนนี้เราอยู่ในยุคอาวุธนิวเคลียร์ ทุกฝ่ายต้องยับยั้งชั่งใจ เพราะทุกฝ่ายมีแต่แพ้กับแพ้หากเกิดสงคราม
9
ดังที่ไอน์สไตน์เคยกล่าวไว้ทำนองว่า ถ้ามีสงครามโลกครั้งที่สาม ก็แน่นอนว่าจะเป็นสงครามครั้งสุดท้าย ไม่ใช่เพราะมนุษย์จะสำนึกได้ แต่เพราะจะเป็นจุดจบของมนุษยชาติ
20
สมการอำนาจจึงเปลี่ยนกลับมาว่า พื้นฐานไม่ใช่การทหารต้องเป็นอันดับ 1 อีกต่อไป แต่คือพื้นฐานด้านเศรษฐกิจขึ้นมาเป็นหัวใจของอำนาจ
13
สาเหตุที่สหรัฐฯ เป็นมหาอำนาจเดี่ยวของโลกในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา เพราะขนาดเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ใหญ่กว่าเศรษฐกิจอันดับ 2 (ซึ่งแต่เดิมคือญี่ปุ่น) เกือบเท่าตัวมาตลอด
3
จีนมองเรื่องพลังทางเศรษฐกิจเป็นภาพบันไดสามขั้น
3
ขั้นแรกคือไล่กวด ปัจจุบัน ในปี ค.ศ. 2020 ขนาดเศรษฐกิจจีน ซึ่งปัจจุบันเป็นเบอร์ 2 ของโลกแทนที่ญี่ปุ่นเรียบร้อยแล้ว ขึ้นมาแตะที่ 70% ของขนาดเศรษฐกิจสหรัฐฯ
11
แต่ GDP ต่อหัวจีนยังห่างชั้นหลายขุม คือคิดเป็นเพียง 1 ใน 6 ของ GDP ต่อหัวสหรัฐฯ (10,261 ดอลล่าร์สหรัฐฯ เทียบกับ 65,297 ดอลล่าร์สหรัฐฯ)
1
หมุดหมายแรกคือ ในปี ค.ศ. 2026 GDP ต่อหัวของจีนจะขึ้นมาแตะ 12,500 ดอลล่าร์สหรัฐฯ จีนจะผ่านเกณฑ์การเป็นประเทศรายได้สูง หลุดพ้นกับดักประเทศรายได้ปานกลาง
7
บันไดขั้นสองคือ ขนาดเศรษฐกิจขึ้นมาเท่าและเริ่มแซงสหรัฐฯ ข้อนี้ด้วยจำนวนประชากรและอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ในโลกมองตรงกันว่า เกิดขึ้นแน่นอน เพียงแต่ว่าเมื่อไหร่เท่านั้น
6
ถ้าจีนโตเร็วกว่าสหรัฐฯ มาก จีนจะแซงได้ในปี ค.ศ. 2028
ถ้าทั้งสองประเทศต่างโตได้ตามมาตรฐานของตนที่ผ่านมา จีนน่าจะแซงได้ในปี ค.ศ. 2030
9
แต่ถ้าจีนโตได้ช้าลง ส่วนสหรัฐฯ โตได้เร็วขึ้นกว่าเดิมมาก การแซงของจีนก็อาจจะล่าช้าไปเป็นปี ค.ศ. 2035
6
เวลาเราพูดว่า ขนาดเศรษฐกิจของจีนจะแซงหน้าสหรัฐฯ ฟังดูน่าตื่นเต้นใช่ไหมครับ แต่ในความเป็นจริงหมายถึงพลังของทั้งสองประเทศในทางเศรษฐกิจเริ่มขึ้นมาทัดเทียมกัน หมดยุคที่สหรัฐฯ จะเป็นผู้นำเดี่ยวอีกต่อไป แต่ไม่ได้หมายความว่าจีนจะขึ้นแท่นเป็นเจ้าโลกเดี่ยวแทนที่สหรัฐฯ
10
สหรัฐฯ ต้องการคงความเป็นมหาอำนาจเดี่ยว ส่วนจีนก็มักถ่อมตัวว่า อยากได้โลกหลายผู้เล่น แต่ความเป็นจริงของโลกก็คือ เรากำลังเข้าสู่ยุคโลกสองมหาอำนาจโดด หลายผู้เล่นเด่น
12
เป้าหมายระยะยาวของจีนมีขั้นที่สามคือ บรรลุศักยภาพเต็มที่ของตน หากสามารถเอาเทคโนโลยีมาใช้ปลดปล่อยพลังการผลิตของประชากรจีนที่มีจำนวน 4 เท่า ของประชากรสหรัฐฯ คนจีนดีดลูกคิดแล้วว่า อย่างช้าที่สุดในปี ค.ศ. 2060 ขนาดเศรษฐกิจจีนจะใหญ่กว่าสหรัฐฯ เท่าตัว
7
ถึงตอนนั้น ค่อยพูดได้เต็มปากว่า จีนเป็นมหาอำนาจแบบที่สหรัฐฯ เคยเป็นในช่วงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ใหญ่กว่าเบอร์ 2 เท่าตัว
2
ในแง่ความมั่งคั่ง ประชากรจีนมากกว่าสหรัฐฯ 4 เท่า เมื่อถึงจุดที่ขนาดเศรษฐกิจจีนใหญ่กว่าสหรัฐฯ เท่าตัว GDP ต่อหัวของจีนก็จะเป็นครึ่งหนึ่งของ GDP ต่อหัวของสหรัฐฯ
3
แต่คาดว่าตอนนั้น GDP ต่อหัวของมณฑลภาคตะวันออก (ติดชายฝั่งของจีน) ที่มีระดับการพัฒนาเศรษฐกิจที่สูงกว่ามณฑลตอนใน จะเทียบเท่ากับ GDP ต่อหัวของสหรัฐฯ
14
ศ.หลินอีฟู อดีตหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารโลก อธิบายไว้อย่างน่าสนใจว่า ที่เราเห็นสงครามการค้า สงครามเทคโนโลยี และความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ ในปัจจุบันไม่ใช่เรื่องแปลก และมีตัวอย่างทางประวัติศาสตร์ แถมตัวอย่างไม่ต้องไปดูไกลถึงยุคเอเธนส์สู้กับสปาร์ตา
15
ดูแค่ในปี ค.ศ. 2010 ที่เศรษฐกิจจีนขึ้นมาเท่าและแซงหน้าญี่ปุ่น ตอนนั้นความตึงเครียดระหว่างจีนและญี่ปุ่นก็ถึงจุดสูงสุด
แต่เมื่อจีนยังพัฒนาต่อไปไม่หยุด จนเศรษฐกิจจีนใหญ่เป็นเท่าตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่นอย่างในวันนี้ ญี่ปุ่นก็ถึงจุดที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ในโลกที่จีนก้าวมาเป็นผู้มีอิทธิพลหลักในเอเชียแทนที่ญี่ปุ่น
และถึงจุดที่ญี่ปุ่นต้องยอมรับความจริงว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นจะเติบโตได้ก็ต้องพึ่งตลาดจีน
24
แน่นอนครับว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ในระหว่างปี ค.ศ. 2020 - 2060 แต่ภัยเสี่ยงที่สุดของจีนอาจไม่ใช่ปัญหาภายนอก เท่ากับปัญหาภายใน ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงของวิกฤตการเงิน ความต่อเนื่องในการพัฒนาเทคโนโลยี การรักษาเสถียรภาพทางการเมือง วิกฤตสิ่งแวดล้อม
12
แต่ถ้าจีนทำตัวเองให้แข็งแกร่งและควบคุมปัญหาภายในของตนได้ จีนอาจชนะได้โดยไม่ต้องรบ ตามเคล็ดพิชัยสงครามซุนวู
18
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนจึงพูดไม่ผิดครับว่า จีนต้องการชนะตัวเอง เพราะนั่นคือ หัวใจแท้จริงของกลยุทธ์เส้นทางมหาอำนาจของจีน
11
หมากเดียวของจีนที่จะชนะเกมทั้งกระดาน ก็คือหมากเศรษฐกิจ ขอเพียงจีนเดินหน้าตามทางของตัวเอง โดยไม่มีใครมาล้มกระดานก่อนเท่านั้นเอง
15
โฆษณา