30 เม.ย. 2021 เวลา 10:31 • หุ้น & เศรษฐกิจ
มองไปทางไหนก็มีแต่คนออกมาโพสต์โชว์กำไรจากหุ้น จากCrypto เต็มไปหมด การเก็งกำไรมันง่ายขนาดนั้นจริงหรือ??
วันนี้ผมจะมาฝากแนวคิดเล็กๆน้อยๆให้นักลงทุนมือใหม่นะครับ หวังว่าจะช่วยให้อยู่รอดในสนามการเก็งกำไรนี้ได้นานหลายๆปี ไม่ล้มหายตายจากกันไปก่อน
ไม่ว่าตลาดหุ้น ตลาดCrypto มันมีจังหวะที่เล่นง่ายและเล่นยากสลับกันไป ในจังหวะที่เล่นง่าย แน่นอนว่าต้องมีคนได้กำไรแล้วรีบแคปมาอวดเพื่อนๆในSocial พอตลาดเป็นช่วงที่เล่นยากๆ ก็ขาดทุนกันทุกวัน แต่กลับไม่เคยบอกใคร
เราไม่ต้องไปสนใจว่าใครจะได้กำไรเท่าไหร่ เพราะเราไม่มีทางรู้หรอกว่าจริงๆแล้วเขาเคยขาดทุนมามากแค่ไหน สิ่งที่ควรทำคือ"จำกัดความเสี่ยง"ของตัวเองให้ดีก็พอ แล้วกำไรจะไหลเข้ามาหาเอง
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า สไตล์การเก็งกำไรของผมจะมีการตั้งจุดตัดขาดทุนทุกครั้งที่ทำการเทรด จุดตัดขาดทุนมักจะเป็นระดับราคาที่มีนัยยะสำคัญ ถ้าหลุดต่ำลงไปอาจเกิดแรงขายเยอะและราคาจะต่ำลงอีก เลยยอมขาดทุนน้อยๆดีกว่าขาดทุนมาก
คนส่วนใหญ่พลาดเพราะไปคิดเข้าข้างตัวเองว่าซักวันราคาหุ้นจะกลับขึ้นมา แล้วถ้าราคาหุ้นไม่กลับขึ้นมาเลยเป็นเวลาหลายๆเดือนล่ะ? ซึ่งโอกาสที่จะเกิดขึ้นก็มีสูง และมันทำให้เราเสียโอกาสเอาเงินไปเล่นตัวอื่น
"จำกัดความเสี่ยง" ก็คือรู้ตัวว่าเรารับความเสียหายจากการขาดทุนได้มากแค่ไหน
ในการเทรดแต่ละครั้งเราไม่มีทางรู้หรอกว่ามันจะถูกหรือผิด แล้วถ้ามันผิดเรารับความเสียหายได้เท่าไหร่ เทรดเดอร์มืออาชีพส่วนใหญ่ เทรด 10 ครั้ง ชนะแค่ 5 ครั้งก็เก่งแล้ว เพราะที่เขาแพ้ 5 ครั้ง เขาขาดทุนนิดเดียว แต่ที่ถูก 5 ครั้งเขาได้กำไรมหาศาล
กฎการจำกัดความเสี่ยงที่มืออาชีพนิยมใช้กันคือ "2% Risk" หมายความว่า ในแต่ละครั้งที่เทรด ความเสียหายที่จะเกิดขึ้นเมื่อโดนจุดตัดขาดทุนต้องไม่เกิน 2% ของเงินทุนทั้งหมด
เช่น มีเงินลงทุน 1 แสนบาท ก็ยอมเสียหายมากสุดไม่เกิน 2 พันบาท ต่อการเทรด 1 ครั้ง ไม่ใช่ว่าลงทุนหมดเลยทีเดียว 1 แสนบาทนะครับ ต้องแบ่งซอยย่อยไปตามหุ้นที่เราเห็นว่ามีโอกาสขึ้น หุ้นตัวนี้อาจลงทุน 2 หมื่นบาท Cryptoตัวนี้อาจลงทุน 3 หมื่นบาท โดยแต่ละตัวจะขาดทุนไม่เกิน 2 พันบาทเมื่อโดนจุดตัดขาดทุน
ถ้าใช้กฎนี้ ต้องเทรดแพ้ติดต่อกัน 50 ครั้งถึงจะหมดตัว แต่ถ้าเราอ่านทิศทางของกราฟเป็น ดูจังหวะที่เหมาะแก่การเล่นเป็น และเล่นใน Timeframe ที่กว้างหน่อย เช่น กราฟDAY กราฟ4H โอกาสที่จะแพ้ติดต่อกันหลายครั้งก็แทบจะไม่มีเลย
ส่วนตัวผมอย่างมากก็แพ้ติดต่อกัน 5 ครั้ง หมายความว่าพอร์ตผมเสียหายไปแค่ 10% (เท่าที่ผมเห็น เทรดเดอร์มืออาชีพที่อยู่ในตลาดมาเป็นสิบๆปี ส่วนใหญ่ที่ใช้กฎ 2% Risk ก็ได้กำไรเฉลี่ย 40% - 50% ต่อปีจากเงินทุนทั้งหมด)
ข้อดีอีกอย่างของกฎนี้ คือมันทำให้เรารู้สึกสบายใจ นอนหลับสบาย และไม่กังวลมากเกินไป เพราะเรารู้แล้วว่า Worst Case ของการเทรดนี้เราจะเสียหายเท่าไหร่ และเป็นจำนวนเงินที่เรารับได้
แต่ถ้าเราซื้อหุ้นหรือCryptoเพื่อถือระยะยาวหลายปี เพราะคาดหวังว่าพื้นฐานมันจะเติบโต ก็ไม่จำเป็นต้องมาใช้กฎนี้ แต่ต้องรับความผันผวนระหว่างทางให้ได้ มีเหตุการณ์ที่มูลค่าลดลง 50% - 80% ให้เราเห็นอยู่หลายครั้ง ใจเราต้องนิ่งพอหากเชื่อมั่นในพื้นฐานของมันจริงๆ (แต่ถ้าพื้นฐานเปลี่ยนก็ต้องขายทิ้งนะ)
ดังนั้นควรแยกพอร์ตกันไปเลยก็ดี พอร์ตนึงถือระยะยาว พอร์ตนึงเอาไว้เก็งกำไรโดยใช้กฎ 2% Risk
แนวคิดอีกข้อหนึ่งที่อยากฝากไว้สำหรับการเก็งกำไร เรากำลังเล่นอยู่กับความไม่รู้ ไม่มีใครรู้ทิศทางของราคาได้ 100% ถ้ารู้ก็คงรวยกันทั้งโลกแล้ว ดังนั้นอย่าไปปักใจเชื่อพวกกูรูที่ทำนายราคาเกินไป มองถึงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นด้วย อย่าไปเสียดายหากราคาหุ้นวิ่งขึ้นแรงแต่เราตกรถ หรือซื้อไว้จำนวนน้อย เพราะอยู่ดีๆราคาอาจร่วงลงอย่างรวดเร็วก็ได้ ไม่มีใครรู้อนาคต
มันมีโอกาสน้อยมากที่จะรวยอย่างรวดเร็วในโลกเก็งกำไร แต่ถ้าเราจำกัดความเสี่ยงเป็นก็จะอยู่รอดในตลาดได้นาน เมื่ออยู่ในตลาดได้นาน โอกาสที่จะได้พบการเทรดที่ทำกำไรมหาศาลก็จะมาหาเราแน่นอน
อ.ป๊อก
Trader คนหนึ่ง
โฆษณา