Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Kakommzlife
•
ติดตาม
30 เม.ย. 2021 เวลา 13:15 • หนังสือ
Book Review By Kakommz : SUPER PRODUCTIVE
สวัสดีผู้อ่านที่น่ารักทุกคนด้วยนะครับ ผม Kakommz ในวันนี้แอดก็จะมารีวิวหนังสือเล่มใหม่ที่แอดได้อ่านจบไปสักพักหนึ่งแล้ว และรู้สึกว่าหนังสือเล่มนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่กำลังหาวิธีในการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การเพิ่มประสิทธิภาพของตัวเอง ธุรกิจ และทีม ให้เก่งมากขึ้น โดยหนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า SUPER PRODUCTIVE เขียนโดย คุณ รวิศ หาญอุตสาหะ ซึ่งเป็นเจ้าของเพจ Mission to the Moon ที่มีผู้ติดตามมากมายและยังเป็นซีอีโอของ บริษัท ศรีจันทร์สหโอสถ จำกัด อีกด้วยครับ และเนื้อหาคร่าวๆ ที่ผมได้หยิบยกมาบางส่วนจากหนังสือที่ดีเยี่ยมอีกหนึ่งเล่มนี้จะเป็นอย่างไร สามารถรับชมพร้อมกันได้เลยครับ
โดยหนังสือเล่มนี้ คุณ รวิศ ได้ทำการแบ่งหมวดหมู่ในการอธิบายเป็น 3 หมวดใหญ่ คือ 1. จัดการตัวเอง 2. จัดการธุรกิจ และ 3. จัดการทีม และแอดต้องขออนุญาตบอกก่อนว่า ในแต่ละหัวข้อนั้น คุณ รวิศ มีการบอกเล่าถึงวิธีการพัฒนาในแต่ละด้านได้อย่างละเอียด แต่ว่าถ้าจะให้แอดเล่าทั้งหมด เขียนกี่สิบหน้าก็ไม่เพียงพออย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้ แอดจึงขออนุญาต เลือกหัวข้อที่แอดสนใจ มาเล่าให้ผู้อ่านทุกท่านได้รับชมกันนะครับ โดยจะมีหัวข้อดังต่อไปนี้
จัดการตัวเอง
Cr. : https://pixabay.com/th/illustrations/%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88-%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%87-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%9A-2108029/
ในหมวดนี้ จะเป็นการอธิบายถึงการจัดการตัวเอง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ตัวเอง มีความกล้าและความชำนาญในการทำสิ่งต่างๆ มากขึ้น และแอดจึงขอยกตัวอย่างในหมวดนี้จากหัวข้อ "ถ้าคิดจะทำอะไรใหม่ๆ อย่าคิดเยอะ" มาเป็นตัวอย่างในการอธิบายถึงหมวดการจัดการตัวเองให้ผู้อ่านทุกท่านได้เข้าใจมากขึ้นครับ
1
- ถ้าคิดจะทำอะไรใหม่ๆ อย่าคิดเยอะ (เนื้อหาจากหน้าที่ 16-21)
Cr. : https://pixabay.com/th/illustrations/%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%97%E0%B9%82%E0%B8%9F%E0%B8%99-%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD-%E0%B9%83%E0%B8%9A%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2-1445489/
ในหัวข้อนี้ คุณ รวิศ ได้อธิบายถึงการจัดการตัวเองโดยการทำอะไรใหม่ๆ ครับ
แต่แน่นอนว่า ทุกอย่างที่เราทุกคนคิดเริ่มต้นที่จะทำ ในช่วงแรก ทุกคนจะต้องฟิตหรือใส่พลังงานไปกับสิ่งที่อยากจะทำอย่างเต็มที่ แต่เมื่อถึงจุดจุดหนึ่ง เราอาจจะมีอาการ burnout (คืออยากเลิกทำ เพราะเกิดอาการเบื่อหรือขี้เกียจกับสิ่งที่ทำให้มันรู้แล้วรู้รอดไป) นั่นเอง
6
ด้วยเหตุนี้ ถ้าผู้อ่านที่กำลังทำสิ่งใดสักอย่างแล้วเกิดอาการ burnout คุณ รวิศ ได้ให้คำแนะนำว่า อยากให้คุณทุกคนสู้ๆ และทำสิ่งที่กำลังทำอยู่ต่อไปครับ (ไม่ต้องคิดเยอะ) เพราะบางที แค่ไม่ต้องคิดอะไรให้มากมายและลงมือทำ อาการ burnout มันจะหายไปเองแน่นอน
อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญในการทำสิ่งใหม่ๆ ที่คุณ รวิศ แนะนำ คือ "วินัย" แต่ว่าวินัยในที่นี้ ไม่ใช่การทำซ้ำไปเรื่อยๆ โดยไม่มีการพัฒนา แต่เป็นการทำสิ่งต่างๆ โดยมีความคิดที่จะพัฒนาหรือนำไปต่อยอดตลอดเวลา ดังนั้น วินัยจึงประกอบไปด้วย 1. วินัยทางกาย คือ ทำสม่ำเสมอ และ 2. วินัยทางความคิดหรือวินัยในการเรียนรู้ คือ ไม่ใช่สักแต่ว่าทำๆ ไป แต่ทุกครั้งที่ทำต้องคิดด้วยว่า จะทำยังไงให้ดีขึ้นกว่าเดิมได้บ้างนั่นเอง
1
เหมือนอย่างที่นักธุรกิจและนายธนาคารระดับตำนานอย่าง เจ.พี. มอร์แกน (J.P. Morgan) ที่เคยกล่าวไว้ว่า
"The first step towards getting somewhere is to decide you're not going to stay where you are."
"จุดเริ่มต้นของการจะไปที่ไหนสักแห่ง คือการตัดสินใจจะไม่อยู่ในที่เดิมที่คุณอยู่"
จัดการธุรกิจ
Cr. : https://pixabay.com/th/photos/%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88-%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99-1209640/
ในหัวข้อนี้ จะเป็นการอธิบายถึงวิธีการจัดการธุรกิจ ที่คุณ รวิศ ได้อธิบายถึงวิธีการดูแลธุรกิจ ตั้งแต่จุดเล็กไปยังจุดใหญ่ ตั้งแต่ระดับบุคคลไปจนถึงระดับองค์กร ให้มีระเบียบแบบแผนและวางโครงสร้างความสำคัญอย่างดีเยี่ยม เพื่อการนำพาธุรกิจไปยังเป้าหมายที่หวังไว้ โดยแอดจึงขอยกตัวอย่างจากหัวข้อ "วัฒนธรรมองค์กรวัดค่าอย่างไร" มาเป็นหลักในการอธิบายคร่าวๆ ถึงวิธีการจัดการธุรกิจครับ
- วัฒนธรรมองค์กรวัดค่าอย่างไร (เนื้อหาจากหน้าที่ 154-159)
Cr : https://pixabay.com/th/vectors/%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B9%8C-%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%A9%E0%B8%A2%E0%B9%8C-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A1-%E0%B8%84%E0%B8%99-5688996/
ในหัวข้อนี้ ได้อธิบายถึงการวัดค่าวัฒนธรรมองค์กร ที่เปรียบเสมือนการสร้างรากฐานให้แข็งแกร่งเพื่อที่จะค้ำจุนธุรกิจขององค์กรนั้นๆ ให้เกิดความก้าวหน้ามากขึ้น โดย คุณ รวิศ ได้อ้างอิงข้อมูลจาก Harvard Business Review ซึ่งอธิบายไว้ว่า แรงจูงใจในวัฒนธรรมองค์กร มีอยู่ทั้งหมด 6 สิ่งด้วยกัน ซึ่ง 3 สิ่งแรกเป็นแรงจูงใจที่ดี ส่วนอีก 3 สิ่งหลังเป็นแรงจูงใจแบบ hidden motivation หรือแรงจูงใจทางอ้อมที่ถ้าเราไม่รู้และนำมันไปใช้ในการขับเคลื่อนองค์กรจะอันตรายมากๆ นั่นเอง
โดยแอดขออนุญาตเรียกวิธีที่กล่าวไปข้างต้น (ตามที่แอดเข้าใจ) ว่า 3P สำหรับแรงจูงใจที่ดี และ 2E กับ 1I สำหรับแรงจูงใจทางอ้อม (ไม่ดี) ครับ
3P สำหรับแรงจูงใจที่ดี มีดังนี้
- Play culture (วัฒนธรรมการเล่น)
ทำให้เรามาทำงานงานแล้วรู้สึกสนุก ทำให้เราอยากรู้ ช่างสงสัย อยากทดลอง ให้มีความรู้สึกเหมือนตอนเข้าทำกิจกรรมที่เราชอบ ถ้าเราทำให้งานสนุกได้ คนจะรู้สึกอยากมาทำงาน อยากทดลอง อยากทำอะไรใหม่ๆ ตลอดเวลา
1
- Purpose (จุดประสงค์)
สิ่งที่ทำอยู่อาจจะเหนื่อย ไม่สนุก แต่เราจะรู้ว่ามันจะนำไปสู่จุดประสงค์ที่เราต้องการ เป็นสิ่งที่เราเชื่อ เป็นความเชื่อที่เป็นวัตถุประสงค์ในการดำเนินชีวิตของเรา
1
- Potential (ศักยภาพ)
เป็นงานที่ทำแล้วรู้ว่าตอนนี้ไม่สนุก แต่เรารู้ว่าในอนาคต งานนี้จะทำให้เราเติบโตและพัฒนาศักยภาพที่มีอยู่เพิ่มมากขึ้นนั่นเอง
1
2E กับ 1I แรงจูงใจทางอ้อม (ไม่ดี) มีดังนี้
- Emotional pressure (ความกดดันทางอารมณ์)
คือ ความรู้สึกว่าต้องทำอะไรบางอย่าง เพราะรู้สึกผิด รู้สึกละอาย ถ้าไม่ทำ เช่น วัฒนธรรมความไม่พูด เพราะกลัวผู้อาวุโส สามารถสร้างความกดดันทำนองนี้ได้ หรือการได้รับความกดดันจากผู้ที่เป็น Hippo ในที่นี่ Hippo ไม่ใช่สัตว์จากแอฟริกา แต่ย่อมาจาก Highest paid person's opinion หรือคนที่มีตำแหน่งสูงสุด และได้รับค่าจ้างสูงสุด โดยคนประเภทนี้ จะมีอิทธิพลต่อความกดดันทางอารมณ์มากๆ อาจทำให้คนในองค์กรเกิดความรู้สึกว่า พูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะคนที่เป็น Hippo จะตัดสินใจโดยเอาตัวเองเป็นที่ตั้งครับผม
- Economie pressure (ความกดดันทางเศรษฐกิจ)
คือ การจ่ายค่าตอบแทนให้คนที่ทำงานกับเราอย่างยุติธรรมที่สุด แต่ต้องระวังว่า ไม่ให้ "เงิน" เป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้เขาอยากทำงานกับเรา เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น ความสุขเรื่องอื่นจะหายไปทั้งหมด เราต้องเชื่อว่า ถ้าคนที่มาทำงานเพราะแรงจูงใจเรื่องเงินเพียงอย่างเดียว จะไม่ทำให้เขามีความสุขนั่นเอง
- Inertia (ความเฉื่อย)
เป็นแรงจูงใจที่ทำให้เราลุกขึ้นมาแล้ว ก็ทำงานเหมือนเมื่อวานนี้ เป็นแรงจูงใจที่น่ากลัวที่สุดและดูยากที่สุด เพราะเราจะไม่รู้เลยว่า เราทำงานนี้อยู่ทำไม แรงเฉื่อยนี้จะสร้างความเสียหายกับงานมากมี่สุด คนที่หมดไฟ คนที่เป็นโรคซึมเศร้าจากงาน มักมาจากความเฉื่อยในการทำงานทั้งสิ้น
1
2
เมื่อเรารู้แบบนี้แล้ว ทุกคนควรที่จะออกแบบงานให้ดี เพื่อให้เกิด 3P ให้มากที่สุด และระวังไม่ให้เกิด 2E กับ 1I นั่นเองครับ
จัดการทีม
Cr. : https://pixabay.com/th/photos/%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%99-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%8A%E0%B8%B8%E0%B8%A1-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%94%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%B4%E0%B8%94-594090/
ในหัวข้อสุดท้ายนี้ จะเป็นการอธิบายถึงวิธีการจัดการทีม เพราะทีม คือ คนทุกคนที่ทำงานร่วมกัน การจัดการทีมเพื่อให้ทุกคนสามารถดึงประสิทธิภาพของตัวเอง และนำมาใช้ในการทำงานร่วมกันได้มากที่สุด ส่วนตัวแอดมินเชื่อว่า 99% ของทีมที่สามารถสร้างประสิทธิภาพได้ดีที่สุด จะสามารถพาองค์กรหรือธุรกิจไปได้ไกลมากขึ้น และแอดจึงขอหยิบยกตัวอย่างจากหัวข้อ "การให้เกียรติก็เหมือนกับอากาศ" ซึ่งเรียกได้ว่าเปรียบเสมือนฐานชั้นแรกในการสร้างความเชื่อใจ และทำให้ทีมพัฒนาในขั้นถัดๆ ไป มากขึ้นครับ
- การให้เกียรติก็เหมือนกับอากาศ (เนื้อหาจากหน้าที่ 220-230)
Cr. : https://pixabay.com/th/illustrations/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99-%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A-2009195/
โดยคุณ รวิศ ได้ทำการยกตัวอย่างจาก Harvard Business Review เรียบเรียงโดย คริสตี้ โรเจอร์ส (Kristie Rogers) มหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ ซึ่งเคยทำการสำรวจคนที่ทำงานกว่า 20,000 คน มากมายหลายสาขาอาชีพทั่วโลก แล้วพบว่าการได้รับการให้เกียรติ โดยเฉพาะจากหัวหน้า คือปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้คนคนหนึ่งรู้สึกดีหรือแย่กับงานนั่นเอง
และนี่ คือ นิยามของคำว่า "ให้เกียรติ หรือ respect" ในภาษาอังกฤษ ซึ่งมีอยู่ด้วยกันสองประเภท ได้แก่
1. Owed Respect
คือการส่งสัญญาณว่าสมาชิกทุกคนในกลุ่มนั้นเท่าเทียมกัน และทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม ถ้าหากองค์กรหรือกลุ่มใดขาดความให้เกียรติ สิ่งที่เราจะพบบ่อยๆ คือ การใช้อำนาจในทางที่ผิดของหัวหน้า และการที่ทีมงานรู้สึกขาดความมั่นคงในหน้าที่การงาน
2. Earned Respect
คือการส่งสัญญาณว่าคนที่ทำงานได้ดี มีผลงาน หรือพฤติกรรมที่ดีจะได้รับการยอมรับ ซึ่งเป็นลักษณะของการให้เกียรติแก่คนที่สามารถทำผลงานได้ดี และเป็นการส่งสัญญาณว่าองค์กรให้ความสำคัญกับผลงานนั้น
ฉะนั้น สิ่งที่จะกล่าวจากการให้เกียรติแบบที่กล่าวไปข้างต้น ควรที่จะหาจุดสมดุลระหว่างการให้เกียรติ ทั้งแบบ Owed Respect และ Earned Respect เพราะจะส่งผลต่อการพัฒนาและการมองเห็น "ตัวตน" ของแต่ละคนโดยตรง ซึ่งยังส่งผลต่อเส้นทางอาชีพ รวมไปถึงความกระหายในการเติบโตของหน้าที่การงานอีกด้วย
เปรียบเสมือนประโยคหนึ่งจาก Crucial Conversations ที่ได้เขียนไว้ว่า
"Respect is like air, you don't really notice it until it's not there - and then it's all you notice."
"การให้เกียรติกันก็เหมือนกับอากาศ ตราบใดที่มันยังอยู่ก็ไม่มีใครนึกถึง แต่เมื่อมันหายไป มันจะเป็นสิ่งเดียวที่ผู้คนคิดถึง"
แอดมินหวังว่า การรีวิวหนังสือเล่มนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านทุกท่าน ในการบริหารจัดการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของตัวเอง ธุรกิจ หรือทีมในองค์กรไม่มากก็น้อยนะครับ สุดท้ายนี้ แอดต้องขอตัวลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่กับ Book Review By Kakommz ครั้งหน้า สำหรับวันนี้ สวัสดีครับ ผู้อ่านที่น่ารักทุกคน
About Fact
- หนังสือ "SUPER PRODUCTIVE" สามารถหาซื้อได้ที่
ร้านหนังสือ SE-ED, นายอินทร์, B2S ทุกสาขา และร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป
- ราคา 219 บาท
Cr. : ภาพถ่ายโดยผู้เขียน
ภาพหน้าปกโดยผู้เขียน
บทความ Book Review อื่นๆ ที่น่าสนใจของผู้เขียน
- Book Review By Kakommz : เป็นเราคือพิเศษ
https://www.blockdit.com/posts/6084927974fe930c5608ed49
- Book Review By Kakommz : รื้อ สร้าง ต่าง โต REINVENT
https://www.blockdit.com/posts/605e0dd223471b0c30cc6c6d
- Book Review : Future Mindset เมื่อวิธีคิดที่คุณมี ใช้กับงานในวันพรุ่งนี้ไม่ได้
https://www.blockdit.com/posts/6049f019a5c1d52f0319bd07
- Review Book : โลกนี้สอนให้รู้ว่า...
https://www.blockdit.com/posts/6027a0784a6d450bb2a78037
- Review Book : Speech Secret เทคนิคการพูด เพื่อความสำเร็จก้าวหน้า
https://www.blockdit.com/posts/601790dd0c108e0bb3832547
ช่วง แอบขายของ ของ Kakommz
สามารถร่วมอุดหนุนและเป็นเจ้าของสติกเกอร์ไลน์สุดน่ารัก
[Komjung The Series 1] ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ที่
https://line.me/S/sticker/13337889/?lang=en&ref=gnsh_stickerDetail
สามารถติดตาม Kakommz ได้ที่
Facebook :
https://m.facebook.com/Kakommz/
Blockdit :
https://www.blockdit.com/kakommz
TrueID In-Trend :
https://creators.trueid.net/@Kakommz
StoryLog :
https://storylog.co/Kakommz
YouTube :
https://youtube.com/channel/UCBrut7T6931pUEH4rarTHyQ
3 บันทึก
10
18
16
3
10
18
16
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย