2 พ.ค. 2021 เวลา 12:00
โก๋แก่ เจ้าตลาดขนมถั่ว ที่เกิดจากของสะสม
สโลแกน “โก๋แก่ มันทุกเม็ด” ที่ทุกคนได้ยินผ่านหู
ของขนมถั่วลิสงเคลือบกะทิในตำนานอย่าง โก๋แก่
ที่มาพร้อมกับโลโก เด็กผู้ชายหัวฟูใส่แว่น สวมชุดยูโด อันเป็นเอกลักษณ์
แม้ สโลแกน ชื่อ และโลโกแบรนด์ จะสะท้อนให้เห็นถึงความกวนของแบรนด์
แต่รู้ไหมว่า หากพูดในแง่ผลลัพธ์ทางธุรกิจแล้ว
โก๋แก่ ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก
เพราะสามารถครองส่วนแบ่งตลาดขนมขบเคี้ยวชนิดถั่วในเมืองไทย ที่มีมูลค่าประมาณ​ 4,000-5,000 ล้านบาท
ได้เป็นอันดับ 1 ด้วยส่วนแบ่งตลาดถึง 50%
แล้วแบรนด์เจ้าตลาดนี้ มีความเป็นมาอย่างไร
และทำไมต้องใช้ชื่อว่า โก๋แก่ ?
เรื่องราวทั้งหมด มีจุดเริ่มมาจากปี พ.ศ. 2507
คุณชูเกียรติ รวยเจริญทรัพย์ ได้ตั้งโรงงานผลิตขนมขบเคี้ยวประเภทข้าวเกรียบ, ทอฟฟี่นม, ตังเม และถั่วแผ่น
ร่วมกับหุ้นส่วนคนอื่น ๆ บนถนนเอกชัย-บางขุนเทียน
โดยตั้งชื่อโรงงานว่า “โรงงานแม่รวย” เนื่องจากในสมัยนั้น ธุรกิจที่ทำของอร่อยขาย มักใช้ชื่อว่า “แม่” เช่น แม่ประนอม, แม่กิมไล้
ดังนั้นคุณชูเกียรติ จึงนำคำว่า แม่ มารวมกับคำแรกของนามสกุลตัวเอง กลายเป็น แม่รวย นั่นเอง
2
ซึ่งในการบริหารงาน คุณชูเกียรติจะรับผิดชอบเรื่องการขายและการตลาด
ส่วนหุ้นส่วนจะเป็นคนดูแลเรื่องการผลิต
อย่างไรก็ดี พอดำเนินธุรกิจไปได้ 10 กว่าปี
เหล่าหุ้นส่วนแต่ละคนก็ขอแยกตัวออกไป เพราะต้องการไปเติบโตในแนวทางของตัวเอง
พร้อมกับเอาสูตรขนมไปด้วย และทิ้งโรงงานที่เป็นห้องแถวขนาด 2-3 คูหา ให้คุณชูเกียรติดูแล
เมื่อไม่มีสินค้า คุณชูเกียรติเลยต้องพยายาม คิดค้นสูตรขนมของตัวเองขึ้นมาใหม่ เพื่อให้มีสินค้าวางขาย
4
ซึ่งตอนนั้นเขามีโอกาสได้ไปเห็นถั่วเคลือบรสชาติต่าง ๆ ที่ต่างประเทศ เลยรู้สึกว่าน่าสนใจ
จึงนำแรงบันดาลใจนั้นกลับมาคิดค้นสูตรของตัวเอง ที่ผสมผสานความเป็นไทย
และได้ออกมาเป็น “ถั่วลิสงเคลือบกะทิ โก๋แก่” ซึ่งเริ่มวางจำหน่ายในปี พ.ศ. 2519
ส่วนที่มาของชื่อและโลโก โก๋แก่ นั้น
เกิดจากความต้องการของ คุณชูเกียรติ ที่อยากได้ชื่อแบรนด์สั้น ๆ เพียง 2 พยางค์ เพราะอยากให้คนจำง่าย
และมีความคิดว่า หากโลโกเป็นตัวการ์ตูน น่าจะดึงดูดความสนใจของผู้คนได้มาก
เขาจึงไปรื้อ โปสต์การ์ดและสติกเกอร์ญี่ปุ่น ที่เขาเก็บสะสมไว้ออกมาดู เพื่อเป็นไอเดีย
จนไปเจอภาพตัวการ์ตูนญี่ปุ่น ที่มีสไตล์หน้าตากวน ๆ หัวฟู ๆ สวมแว่นตากันแดด คล้ายจิ๊กโก๋
คุณชูเกียรติมองภาพนี้อยู่พักหนึ่ง แล้วตัดสินใจว่า จะนำแครักเตอร์นี้ไปเป็นตัวแทนของแบรนด์
พร้อมกับตั้งชื่อให้ว่า “โก๋แก่” ซึ่งมาจากคำว่า จิ๊กโก๋ บวกกับ แก่ เพื่อให้เกิดความคล้องจองกัน
1
โดยช่วงแรก ๆ ที่นำโก๋แก่ไปขาย ก็ได้ผลตอบรับไม่ค่อยดีเท่าไร
เนื่องจากคนไม่รู้จักมาก่อน และแพ็กเกจจิงเป็นซองทึบ จึงมองเห็นแต่ตัวการ์ตูนแปลก ๆ ไม่รู้ว่าขนมภายในมีหน้าตาเป็นอย่างไร ผู้คนเลยไม่กล้าลองซื้อกัน
ภายหลังคุณชูเกียรติจึงลองปรับมาใช้ซองใสชั่วคราว และให้คนชิม
เพื่อจะได้ลิ้มรสของ ถั่วลิสงเคลือบกะทิ
ซึ่งปรากฏว่าแผนนี้ ได้ผลตอบรับที่ดี เพราะคนที่มาซื้อเริ่มติดใจในรสชาติ และเกิดการบอกต่อ
จนโก๋แก่ขายดีและมีคนรู้จักมากขึ้นเรื่อย ๆ
หลังจากแบรนด์ติดตลาดมากขึ้น ก็ได้มีการนำมาสคอต พี่โก๋ มาช่วยสื่อสารผ่านสื่อต่าง ๆ
เช่น การเปิดตัวหนังโฆษณา ที่โก๋แก่ ดีดกีตาร์ร้องเพลง ผ่านทางโทรทัศน์
จากเริ่มแรก ที่ผลิตแค่รสกะทิ แบรนด์ก็มีการเพิ่มรสชาติใหม่ ๆ เช่น รสกาแฟ, วาซาบิ, ต้มยำ จนมีสินค้าหลายสิบรสชาติ
และครอบคลุมทั้งถั่วลันเตา, ถั่วลิสง, อัลมอนด์, เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายนั่นเอง
ถึงจะมีหลายประเภทสินค้า แต่ทางแบรนด์ได้กำหนดตลาดของตัวเองเอาไว้ 2 ประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่ ถั่วเคลือบ และถั่วเปลือย
ซึ่ง 2 ตลาดนี้ จะมีกลุ่มลูกค้าที่ต่างกัน การทำการตลาดในแต่ละกลุ่ม จึงต้องแตกต่างกันด้วย
รวมถึงมีการจัดโครงสร้างองค์กร และพนักงาน ให้เหมาะสมกับแต่ละตลาด
สำหรับช่องทางจัดจำหน่าย โก๋แก่ ต้องการกระจายสินค้าไปให้ถึงมือผู้บริโภคมากที่สุด
จึงเป็นพันธมิตรกับร้านโมเดิร์นเทรดต่าง ๆ เช่น 7-Eleven ที่มีมากกว่า 12,000 สาขาทั่วประเทศ
ซึ่งจำนวนสาขาที่มาก ยังเป็นมากกว่าช่องทางจำหน่ายสินค้า เพราะทำหน้าที่เป็นโชว์รูมสินค้าของแบรนด์ ให้ผู้คนได้รู้จักและจดจำ อีกด้วย
2
มาดูผลประกอบการของ พี่โก๋ ในช่วงที่ผ่านมากัน
บริษัท โรงงานแม่รวย จำกัด
ปี 2560 มีรายได้ 2,093 ล้านบาท
ปี 2561 มีรายได้ 2,131 ล้านบาท
ปี 2562 มีรายได้ 2,246 ล้านบาท
โดยสัดส่วนรายได้ประมาณ 80% มาจากภายในประเทศ
อีก 20% มาจากต่างประเทศ​ และบริษัทมีการส่งออกไปขายแล้วกว่า 70 ประเทศทั่วโลก
ซึ่งบริษัทตั้งเป้าว่า จะโฟกัสกับตลาดต่างประเทศมากขึ้น และลดสัดส่วนรายได้ในประเทศลง
นอกจากนี้ ที่ผ่านมาบริษัทยังขยายโมเดลธุรกิจ โดยต่อยอดแบรนด์​โก๋แก่
มาทำร้านขายสินค้าของตัวเองในชื่อ Koh Shop (โก๋ช็อป) ที่จำหน่ายสินค้าต่าง ๆ ของโก๋แก่
รวมถึงขนมและเครื่องดื่มใหม่ ๆ เช่น ไอศกรีมถั่ว, น้ำนมถั่ว, ​ปังโก๋
เพื่อจับกลุ่มนักท่องเที่ยว รวมถึงคนที่ต้องการซื้อของฝาก และกลุ่มวัยรุ่น
ซึ่งปัจจุบัน Koh Shop มีอยู่ด้วยกัน 9 สาขา ได้แก่ สาขาเอเชียทีค, ไอคอนสยาม, เดอะ มาร์เก็ต แบงคอก, จตุจักร, กฤษดาดอย (ชลบุรี), เขาชีจรรย์ (ชลบุรี), ​เมญ่า (เชียงใหม่), Think Park (เชียงใหม่) และออล วัน นิมมาน (เชียงใหม่)
1
ตอนนี้บริษัท โรงงานแม่รวย ถูกบริหารโดยทายาทรุ่นที่สอง ซึ่งก็คือลูก ๆ ทั้ง 3 คนของคุณชูเกียรติ
โดยแต่ละคนจะแบ่งหน้าที่รับผิดชอบในแต่ละส่วนธุรกิจ ตามความถนัดของแต่ละคน
คุณจุมภฏ รับหน้าที่ดูแลเรื่อง การบริหารภาพรวมทั้งหมดและตลาดต่างประเทศ
คุณกฤษดา รับหน้าที่ดูแลเรื่อง ตลาดภายในประเทศ
และคุณเทิดทูล รับหน้าที่ดูแลเรื่อง การผลิต
ณ​ ตอนนี้ โก๋แก่ ได้ครองตลาดและครองใจลูกค้า ในเมืองไทย มาอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มว่าจะเป็นเช่นนี้ไปอีกนาน
หลังจากนี้ ก็ต้องติดตามว่าแบรนด์จะออกสินค้าใหม่ ๆ และงัดกลยุทธ์อะไรออกมา เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ
และลุ้นว่า โก๋แก่ จะสามารถเจาะตลาดต่างประเทศได้สำเร็จ ตามที่หวังเอาไว้ ได้หรือไม่
โฆษณา