"กว่า5แสนคน แห่ดูข่าวช่องสามมากสุดในรอบ5ปี"
การกลับมาของราชาข่าว ถึงแม้ว่าชายคนนี้เขาจะเรียกตัวเองว่ากรรมกรข่าว ก็ตาม
วันที่ 1 พ.ค . ที่ผ่านมาซึ่งตรงกับวันแรงงานไทย ก็เป็นเช้าวันธรรมดาๆวันนึงของผม ที่จะต้องตื่นมาจิบกาแฟและดูข่าวเป็นประจำทุกวัน หลังจากตื่นสายๆเนื่องจากทำงานจนดึก ปกติก็จะได้ยินข่าวจากทีวีซึ่งคนที่บ้านจะเปิดดูข่าวในตอนเช้า แต่สิ่งที่แปลกแตกต่างออกไปก็คือ เสียงที่ไม่คุ้นเคย และเสียงที่คุ้นเคย ..
แม้ว่าคุณสรยุทธจะอยู่ภายใต้หน้ากาก แต่เสียงนั้นคือสิ่งที่หลายคนคุ้นเคย
เสียงที่ไม่คุ้นเคยนั่นเพราะ ปกติที่บ้านจะเปิดข่าวเช้าช่องเดิมๆ เราก็จะได้ยินเสียงผู้ประกาศข่าวทุกวัน แต่วันนี้เสียงไม่คุ้น และในขณะที่กำลังเงี่ยหูฟังอีกนิด เสียงนี้กลับกลายเป็นเสียงที่คุ้นเคย เหมือนเสียงของคนรู้จักที่ไม่ได้เจอกันนาน
เสียงของคุณสรยุทธ สุทัศนะจินดา
ถือเป็นปรากฏการณ์หนึ่งของวงการข่าว เมื่อนักข่าวมากฝีไม้ลายมือกลับคืนจออีกครั้ง หลังจากหายหน้าจากจอทีวีและบทบาทผู้ประกาศข่าวค้างฟ้าทางช่อง3 จากคดี บ.ไร่ส้มสมัยที่ "สรยุทธ" ยังทำงานอยู่ที่ อสทม. ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาว่ามีความผิดและสั่งจำคุก 6ปี 24เดือน โดยไม่รอลงอาญาเมื่อวันที่ 21 ม.ค. 2563 และได้รับอภัยโทษโดยเหตุพิเศษ เมื่อวันที่ 14 ม.ค. 2564 ที่ผ่านมา
"วันนี้เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ชีวิตผมกลับมาเริ่มต้นใหม่ ทั้งหมดไม่ได้เตรียมตัวมาพูด จู่ ๆ พูดได้ยังไง เอาล่ะชีวิตต้องดำเนินต่อไป" พร้อมขอบคุณน้องไบร์ทพิธีกรสาวที่ร่วมอ่านข่าวด้วยกันมายาวนาน ในการทำหน้าที่อย่างดีในขณะที่ตนไม่อยู่
หลายคนสังเกตุ ว่าทำไมพี่ยุทธถึงดูเบาๆลง ไม่ค่อยออกหมัดออกอาวุธเหมือนสมัยก่อน บ้างก็ว่าแกอาจจะประหม่าเพราะห่างจอไปนาน บ้างก็ว่าสุขภาพดูไม่ได้แข็งแรงเหมือนก่อน ก็ว่ากันไป แต่ในส่วนตัวผมเองวิเคราะห์ว่า ส่วนหนึ่งอาจจะเกิดจากความประหม่าที่จะต้องอยู่ในสายตา"ผู้คุม" ไปอย่างน้อยอีก2ปี ในระหว่างที่จัดรายการ และการปล่อยตัวโดยเหตุพิเศษนี้ ยังไม่ใช่การพ้นโทษโดยสิ้นเชิง โดยที่วันนี้อธิบดีกรมคุมประพฤติได้แจ้งเจ้าพนักงานคุมประพฤติให้ดูทีวีเพื่อตรวจสอบการทำหน้าที่พิธีกรข่าวครั้งแรกของสรยุทธ ว่ามีส่วนใดหมิ่นเหม่ต่อเงื่อนไขการพักโทษหรือไม่
นี่จึงอาจเป็นสาเหตุให้คุณสรยุทธ ดูประหม่าและไม่เข้มข้นเหมือนเมื่อก่อนก็เป็นได้
อย่างไรก็ดี ถึงแม้ว่าพี่ยุทธแกจะเป็นผู้ต้องโทษในคดีทุจริต แต่ก็ยังได้รับความไว้วางใจให้หวนคืนเก้าอี้ตัวเดิม ในการทำหน้าที่ "กรรมกรข่าว" ที่เขาถนัด
การกลับมารับบทบาทหน้าที่ในครั้งนี้ทำให้เราเห็นว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่คนเรามี "ความสามารถ" ก็เป็นที่ต้องการต่อการจ้างงาน หรือสร้างงานของตัวเอง แต่แค่ความสามารถ Skills หรือ IQ ก็คงไม่เพียงพอ คนที่จะอยู่ในจุดที่ยากที่คนอื่นจะเข้าถึง จะต้องมีทั้ง EQ ความสม่ำเสมอ และ Mindset ที่ดี
ผมไม่รู้ว่าสุดท้ายตื้นลึกหนาบางว่าที่มาที่ไปในการกลับมานั่งอ่านข่าวครั้งนี้เป็นอย่างไร การกลับมาครั้งนี้ของกรรมกรข่าว จะมีผังรายการไหนถูกขยับ หรือมีคนลาออก วงในจะเป็นอย่างไรนั้นไม่อาจทราบได้และไม่อยากวิจารณ์ถึงเพราะเป็นเรื่องที่ผมไม่รู้ ที่ต้องบอกแบบนี้ก่อนเพราะเผื่อมีคอมเม้นต์ Negative ที่รู้มากแล้ววิจารณ์ไปต่างๆนาๆ ซึ่งผมไม่อยากให้คอมเม้นต์เหล่านั้นดึงเรื่องที่ตั้งใจนำเสนอไปในทิศทางอื่น เนื่องจากสิ่งที่ต้องการนำเสนอคือในแง่ของ ความรู้ ความชำนาญ ความสามารถ ความสม่ำเสมอ
การสร้างคุณค่าให้ตัวเองให้เป็นที่ต้องการ
เพราะเราคงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ตลอดระยะเวลาเป็นสิบปีที่ผ่านมา รายการข่าวช่อง3 หลายรายการที่พี่ยุทธเป็นพิธีกร มีเรทติ้งสูงกว่ารายการข่าวช่วงอื่นและช่องอื่น
อย่างไรก็ดีการห่างหายไปเป็นเวลานาน ย่อมมีคลื่นลูกใหม่เข้ามาเสมอ ทั้งผู้ประกาศข่าว
ช่องอื่นๆที่ตอนนั้นเป็นดาวรุ่งโดยยังมีพี่ยุทธยืนค้ำตระหง่านอยู่ ก็ได้เฉิดฉายสร้างชื่อให้ตัวเองได้ชัดขึ้นจนผู้คนจดจำเป็นเอกลักษณ์ของผู้ประกาศข่าวคนนั้นๆ หรือแม้แต่รายการโหนกระแสของพี่หนุ่ม กรรณชัย ที่เป็นคลื่นลูกใหม่ทับรายการเจาะข่าวเด่นในยุคที่พี่ยุทธเป็นผู้ดำเนินรายการ
แต่ถัาจะให้พูดในแง่ของการทำงาน และแฟนคลับที่ติดตามผลงานพี่ยุทธ ก็เชื่อว่าการกลับมาร่วมงานกับทางช่อง3ในครั้งนีั มีส่วนช่วยให้เรทติ้งรายการข่าวของช่องสามกลับมาดีขึ้นแน่นอน และแถมอีกอย่างที่เห็นก็คือ รอยยิ้มภายใต้หน้ากากอนามัยของน้องไบ้ร์ท ที่ดูแค่ดวงตาก็รู้ว่ามีความสุขแค่ไหนที่ได้กลับมาร่วมงานกันในครั้งนี้ครับ
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
