3 พ.ค. 2021 เวลา 11:27 • ข่าว
น่าเป็นห่วง !! โควิดคลัสเตอร์ชุมชนคลองเตย ติดเชื้อแล้ว 304 ราย เชื่อมโยงสถานบันเทิงทองหล่อ
จากการระบาดโควิดในระลอกที่สาม ซึ่งมีจุดเริ่มต้นจากสถานบันเทิง โดยเฉพาะย่านทองหล่อ
2
แล้วมีการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้ออย่างก้าวกระโดด ในช่วงเวลาเพียงหนึ่งเดือนเศษ มีผู้ติดเชื้อแล้ว
กว่า 40,000 ราย เสียชีวิต 182 ราย
1
ทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตในระลอกที่สามนี้ มีมากกว่าระลอกที่หนึ่งและสองรวมกัน
ผลพวงหรือผลกระทบจากสถานบันเทิงทองหล่อ ยังมีความเชื่อมโยงใกล้ชิดเป็นตัวอย่างรูปธรรมอีกหนึ่งคลัสเตอร์คือ คลัสเตอร์ชุมชนคลองเตย
1
โดยพบว่า ผู้ติดเชื้อรายแรกของชุมชนคลองเตย ก็คือพนักงานที่ทำงานอยู่ที่สถานบันเทิงทองหล่อ
1
เมื่อกลับเข้ามาอยู่ที่พักอาศัยของชุมชนแออัดที่คลองเตย ซึ่งยากจะควบคุมหรือเว้นระยะห่างทางสังคมไว้ได้
1
จึงทำให้เกิดการแพร่ระบาดไปอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง ขณะนี้ตรวจพบแล้ว 304 ราย คิดเป็นประมาณ 10-15% ของจำนวนการตรวจหาเชิงรุก
โดยเป็นการตรวจพบในชุมชนแออัด 193 ราย และในส่วนใกล้เคียงอื่นๆเช่น หอพักและคอนโดอีก 111 ราย
ชุมชนคลองเตยมีพื้นที่ประมาณ 200 ไร่ คนที่อยู่อาศัยประมาณ 100,000 คน ประกอบด้วย 41 ชุมชนย่อยกล่าวเฉพาะส่วนที่แออัดอย่างมาก มีพื้นที่ประมาณ 70 ไร่
3
ในช่วงวันที่ 27-30 เมษายน ตรวจเชิงรุก 1336 รายพบติดเชื้อ 99 ราย คิดเป็น 7.41%
1
แต่เมื่อเร่งตรวจมากขึ้น ขณะนี้พบ ผู้ติดเชื้อมากขึ้นถึง 304 ราย เป็นราว 10-15 %
ทางการได้เร่งดำเนินการสองประการด้วยกันคือ
1) ทำการตรวจเชิงรุก ซึ่งขณะนี้ศักยภาพที่ตรวจได้ประมาณวันละ 1000 ราย คาดว่าจะตรวจถึงวันที่ 19 พฤษภาคม ได้รวมประมาณ 20,000 ราย (ซึ่งอาจจะน้อยเกินไป)
1
2) จะเริ่มระดมฉีดวัคซีนวันละ 1000 คน และจะฉีดเพิ่มให้ได้วันละ 2-3000 คน
ในกรณีของคลัสเตอร์คลองเตย เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า เมื่อมีคนใดคนหนึ่งที่อยู่ในบ้าน ออกไปทำงานนอกบ้าน แล้วนำเชื้อกลับเข้ามา โดยที่ตนเองก็ไม่ทราบหรือไม่แสดงอาการ แล้วแพร่เชื้อให้กับสมาชิกครอบครัวภายในบ้านเดียวกัน
มีครอบครัวไทยน้อยมาก ที่ใส่หน้ากากสำหรับคนในครอบครัวเดียวกันเอง มีแต่ใส่หน้ากากเวลาออกไปข้างนอก หรือพบกับคนอื่นนอกครอบครัว
การไม่ใส่หน้ากากในครอบครัวเดียวกัน จะไม่มีผลเสีย ถ้าไม่มีคนใดคนหนึ่งออกไปรับเชื้อจากภายนอก
แต่ในกรณีของคลัสเตอร์คลองเตย จะเห็นชัดเจนว่า ผู้ที่ทำงานที่สถานบันเทิงทองหล่อ เมื่อกลับมาที่บ้านก็แพร่ให้กับคนในบ้านต่อไป
แล้วคนในบ้าน ซึ่งใกล้ชิดสนิทสนมทั้งทางกายภาพและความสัมพันธ์ ก็จะแพร่ต่อไปเรื่อยๆ
เมื่อลงไปตรวจเชิงรุก ก็จะพบทันทีประมาณ 10%
ถ้าให้ประมาณการขณะนี้ 100,000 คน
อาจมีผู้ติดเชื้อแฝงอยู่ถึง 10,000 คน
การระดมตรวจเชิงรุก และการฉีดวัคซีน จึงเป็นมาตรการที่จำเป็นเฉพาะหน้า
แต่ก็ยังจะมีคลัสเตอร์ทำนองนี้ ในชุมชนแออัดอื่นๆอีกมาก
ดังนั้นเราจึงไม่ควรผ่อนปรนความเสี่ยงต่างๆในช่วงนี้ เช่น อนุญาตให้มีการนั่งทานอาหารในร้านอาหาร เพราะจะต้องถอดหน้ากาก เมื่อทานกับเพื่อนฝูงแล้ว กลับไปที่บ้าน
1
ตนเองก็จะนำเชื้อไปแพร่ได้ เช่นเดียวกับการที่ยังคงมาทำงานอยู่ในที่ทำงาน
ก็มักจะมีการพูดคุยกัน และจังหวะที่ทานอาหารร่วมกันก็จะเป็นความเสี่ยงติดเชื้อกันในที่ทำงาน แล้วนำกลับไปติดที่บ้าน
สองมาตรการเสริมในขณะนี้คือ ควรห้ามการทานอาหารในร้านอาหาร
และพยายามขอความร่วมมือ ให้ทำงานจากที่บ้านอย่าเพิ่งมาทำงานที่ทำงาน (ในรายที่สามารถทำงานจากที่บ้านได้)
เพราะต้องเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะ และก็ยังมีลักษณะทานอาหารในที่ทำงานร่วมกัน ถือเป็นกรณีความเสี่ยงสูง
รัฐควรเยียวยาชดเชย ผู้ที่รัฐขอให้หยุดอยู่กับบ้าน เช่น ร้านอาหาร หรือบุคคลที่ขาดรายได้ เพราะออกมาทำงานนอกบ้านไม่ได้ เท่าที่มีความเหมาะสมและจำเป็นต่อไป
1
Reference
โฆษณา