4 พ.ค. 2021 เวลา 06:38 • ความคิดเห็น
"อยู่ที่นี่เรามีชนชั้น อยู่ที่นั่นเราเป็นคนเท่ากัน" ปรากฎการณ์รวมตัวกันย้ายประเทศของคนรุ่นใหม่ มีผลอย่างไรกับประเทศไทยในวันข้างหน้า
1
กำลังเป็นประเด็นที่ร้อนแรงอยู่ในขณะนี้ถึงการเกิดขึ้นของกลุ่มที่ชื่อว่า 'ย้ายประเทศกันเถอะ' โดยปัจจุบันมีผู้เข้าร่วมกลุ่มแล้ว 6 แสนกว่าคน ต้นสายปลายเหตุมันไปมาได้ยังไงนะ?
เมื่อวันที่ 2 พ.ค. 2564 ที่ผ่านมา คุณ Poowanut Tanwattanakul ได้สร้างกลุ่มนี้ขึ้นเพื่อเป็นทางเลือกให้กับคนรุ่นใหม่ที่มีความต้องการที่จะออกไปทำงานหรือไปใช้ชีวิตต่างประเทศ สืบเนื่องมาจากประเด็นที่คนรุ่นใหม่หมดแรงและหมดหวังในการบริหารของรัฐบาลชุดนี้แล้ว
จากความคิดของบุ๋ง ในมุมมองของคนรุ่นใหม่และเพิ่งเรียนจบมาหมาดๆเลย บุ๋งเข้าใจเป็นอย่างดีถึงความคิดและคลื่นอันทรงพลังเหล่านี้ว่าทำไมพวกเขาถึงอยากที่จะย้ายออกไป เพราะบุ๋งก็เป็นอีกคนหนึ่งที่อยากจะออกไปเช่นกัน ผู้ใหญ่หลายคนถามว่า "ทำไมล่ะ ไม่รักประเทศไทยแล้วเหรอ ไม่รักชาติ เมืองไทยน่าอยู่จะตาย มีอาหารให้กิน 24 ชั่วโมง สถานที่สวยงามมากมายเลยนะ" บุ๋งก็อยากจะบอกว่า ใช่ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ประเทศไทยมีและคนไทยภูมิใจ แต่มันก็เป็นแค่วาทกรรมภายนอกที่เป็นเพียงเปลือกของประเทศนี้เท่านั้น ประเทศไทยเราดีนะ แต่สิ่งที่มันดำเนินอยู่ทุกวันนี้น่ะ มันปิดกั้นคนรุ่นใหม่หมดเลย แค่การตั้งคำถามธรรมดาว่า "ทำไมเราต้องตัดผมสั้นไปโรงเรียน" เขาก็ยังให้ความหมายที่สมเหตุสมผลไม่ได้เลย
ในยุคปัจจุบันนี้ท่านต้องเข้าใจก่อนว่ามันเป็นยุคที่คนมีอิสระทางความคิดและการเข้าถึงข้อมูลที่กว้างมากขึ้น พวกเขาได้รับรู้ข้อมูลของโลกมากขึ้นและมีสิทธิที่จะถามกับข้อสงสัยที่สังคมพยายามครอบมาตลอดตั้งแต่เด็กจนโต และเมื่อเราตั้งคำถามเพื่อคลายความสงสัย แต่พวกผู้ใหญ่หลายคนไม่ตอบคำถามแถมยังด่าส่งให้พวกเราดูน่ารังเกียจในสังคมของพวกเราเอง เราก็มีสิทธิที่จะลุกขึ้นเพื่อทวงอิสระและอนาคตของเราคืน คนรุ่นใหม่มีความต้องการเดียวคืออยากได้สิ่งที่ดีขึ้น ทุกยุคทุกสมัยมันก็มีการพัฒนาเรื่อยมา เราก็อยากพัฒนาต่อไปข้างหน้าเหมือนกัน แต่ท่านกลับฉุดรั้งให้เราไม่ไปไหน เสมือนเรานั่งรถไฟสมัยร.5และดูประเทศอื่นๆนั่งรถไฟความเร็วสูงพุ่งแซงออกไป
3
ย้อนกลับมาประเด็นของกลุ่ม 'ย้ายประเทศกันเถอะ' บุ๋งเห็นความกระตือรือร้นของสมาชิกในกลุ่มมากมาย มีหวังบ้าง ไม่มีหวังบ้างปะปนกันไป แต่ทุกคนมาแชร์ประสบการณ์ต่างประเทศให้แก่กัน เริ่มต้นสอนภาษากันแนะนำการเข้าประเทศกันแบบจริงจังมาก ซึ่งสิ่งเหล่านี้แม้มันจะดูช้าไปบ้างและใช้เวลานานแต่มันก็คงกลายเป็นประกายไฟจุดให้คนเหล่านี้หันไปจริงจังกับการย้ายประเทศมากขึ้น ด้วยจุดประสงค์เดียวกันคือ ไปมีชีวิตที่ดีกว่าเดิม
แต่บุ๋งก็เป็นกังวลอยู่ไม่น้อยในเรื่องของกระแส เพราะบุ๋งคิดในตอนแรกว่า กลุ่มนี้ก็ตั้งขึ้นมาเพราะกระแสการเมืองเหมือนเดิมนั่นแหละ เดี๋ยวไม่นานมันก็จืดจางลงไป และกว่า 90 เปอร์เซ็นของคนในกลุ่มเป็นรุ่นใหม่ไฟแรง ประสบการณ์การทำงานในต่างแดนอาจจะยังไม่เยอะมาก มองในแง่ของความน่าจะเป็นหากเกิดขึ้นจริงที่คนรุ่นใหม่ย้ายออกไป แน่นอนว่าประเทศไทยได้สั่นคลอนอย่างรุนแรงเป็นแน่ เพราะขาดแคลนแรงงานไปกว่าครึ่งของทั้งหมดเลยทีเดียว และยังเป็นแรงงานทักษะสูงอีกด้วยที่ไทยควรระวัง เช่น อาชีพที่เกี่ยวข้องกับสาธารณสุข วิศวะกร และไอที เทคโนโลยี ซึ่งไทยก็ขาดแคลนอยู่แล้วในปัจจุบัน แต่ก็เป็นไปได้ว่าเราจะไปลำบากในต่างแดนด้วยเช่นกัน เพราะจะเกิดการแข่งขันของตัวบุคคลกันมากขึ้นในสายงานต่างๆ และยังต้องแข่งขันกับประชากรของประเทศนั้นๆด้วย
ไทยได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุไปเรียบร้อยแล้ว หากเกิดภาวะขาดแคลนแรงงานด้านสาธารณสุขไทยก็คงต้องนำเข้าแรงงานต่างประเทศ ซึ่งเรทราคาการว่าจ้างคงไม่ใช่น้อยๆ กดเรทราคาไม่ได้เหมือนคนไทย แต่ประโยชน์ที่คนรุ่นใหม่แม้ไปลำบากแต่จะได้มีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอนคือความเป็นอิสระ ไม่ถูกจารีตและความเชื่อโบราณครอบงำ มีเงินเดือนมากขึ้น เหมาะสมกับสาธารณูปโภคที่ประเทศนั้นๆให้ มีโอกาสลืมตาอ้าปาก และอีกมากมายที่ประเทศไทยก็มี อย่างเช่น อาหาร 24 ชั่วโมง สถานที่ท่องเที่ยวส่วยงาม วัฒนธรรมที่น่าสนใจ ทุกสิ่งอย่างเราไม่จำเป็นต้องยึดติดกับสิ่งที่ติตัวมาตั้งแต่เกิดก็ได้ เพราะตอนเกิดเราก็เลือกไม่ได้อยู่ดีว่าอยากเกิดประเทศไหน ฉะนั้นก็อย่าห้ามให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้นเลย
สามารถแสดงความคิดเห็นได้เต็มที่เลยนะบุ๋ง อย่าลืมกดไลค์ กดแชร์ด้วยนะบุ๋ง
โฆษณา