6 พ.ค. 2021 เวลา 13:15 • ความคิดเห็น
ปัญหาของเด็กจบใหม่ที่ไฟไม่แรงเหมือนแต่ก่อน 🔥🔥
บุ๋งขอเล่าก่อนว่าบุ๋งเป็นเด็กที่เพิ่งจบใหม่แบบหมาดๆเลย และตอนนี้เท่าที่เห็นเพื่อนๆทั้งในมหาลัยเดียวกันและเพื่อนรุ่นเดียวในต่างมหาลัย ต่างกำลังแยกย้ายกันไปใช้ชีวิตหลังจบการศึกษา แต่มีสิ่งหนึ่งที่ต่างออกไปจากสิ่งที่บุ๋งคิดคือ มีเด็กจบใหม่จำนวนมากที่กำลังลังเลว่าเส้นทางชีวิตจะไปยังไงต่อดี บางส่วนก็เริ่มไปหางานทำเลย บางส่วนก็ขอ gap month, gap year กันไปก่อนละกัน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นแบบหลังมากกว่า
สภาวะเด็กหมดไฟตั้งแต่ยังไม่เริ่ม ปัญหาส่วนหนึ่งมาจากการมองไปยังสังคมข้างหน้าที่จะเปลี่ยนแปลงไปตลอดการ การเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ของชีวิตที่ก้าวเข้าสู่วัยทำงานและวัยผู้ใหญ่ในเวลาเดียวกัน จากเดิมที่เราใช้เงินพ่อแม่มาตลอด ครั้งนี้เราต้องมาหาเงินเองบ้างแล้ว ปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาที่ดูเครียดพอสมควรกับสังคมสมัยนี้ เพราะเราไม่รู้ว่าเมื่อเข้าไปสู่องค์กรแล้ว เราจะทำมันได้ขนาดไหน คุ้มไหมนะ
ประเด็นสำคัญเลยคือ เราไม่พร้อมเข้าไปสู่องค์กรขนาดนั้น อีกทั้งสังคมยังมีการประเดประดังปัญหากันเข้ามาไม่หยุดถึงการเป็นแรงงานในสังคมไทยและก็ขอเชื่อมโยงกับการเกิดปรากฎการณ์ 'ย้ายประเทศกันเถอะ' ของคนรุ่นใหม่ เพราะอีกใจก็คงรู้สึกว่าสังคมนี้คงไม่ตอบสนองต่อความพยายามในอนาคตของเค้าเป็นแน่
แต่ใครจะไปรู้ล่ะ ว่าองค์กรที่เราเข้าไปนั้นจะต้อนรับขับสู้เราเพียงใด อาจจะเหมือนที่คิดไว้ หรือผิดคาดก็ได้ จึงกลายเป็นการกลัวสังคมของคนรุ่นใหม่ไปเลยก็ว่าได้ เพราะทุกวันนี้ก็มีปัญหาสังคมก็มีมากมายให้เราได้บ่นกันทุกวัน โดยเฉพาะชนชั้นแรงงาน เอาตรงๆนะ พวกเราทุกคนทุกสายอาชีพก็คือชนชั้นแรงงานหมดแหละ แต่สิทธิการมีคุณภาพชีวิตที่ดีนั้นมันไม่เท่ากัน
จุดต่างๆมันเกิดขึ้นกับการตั้งคำถามต่อสังคมที่ไม่มีคำตอบที่สมเหตุสมผลกลับมา เท่านั้นเอง บุ๋งเชื่อว่าแต่ละคนมีศักยภาพของตนเองสูงมากในด้านใดด้านหนึ่ง แต่เมื่อศักยภาพนี้ถูกใช้เต็มที่ แต่ผลตอบรับไม่คุ้มค่ามันก็ตามมาด้วยการบ่น การตั้งคำถามและการถูกกดดันต่อไปไม่จบสิ้น การที่เรายังคงหมนเวียนกับวงจรเหล่านี้มันจะดีจริงเหรอ มันจึงเกิดการเปรียบเทียบกับต่างประเทศบ่อยๆว่า ทำไมเขามีได้ เรามีไม่ได้ คุณภาพชีวิตที่ดีขอได้ไหม ภาษีเราก็จ่าย ค่าแรงน้อยนิด ไม่เพียงพอหรอก สิ่งเหล่านี้กลายเป็นปัญหาของสังคมและเป็นเรื่องของ generation gap ความห่างของวัยที่ยึดโยงกับความเป็นยุคสมัยและคำสอนของคนรุ่นตนเองมากๆ ไม่ยอมเปลี่ยนตามการเคลื่อนไหวของสังคมโลก จำยอมทนกับสภาพสังคมที่ไม่มีการพัฒนาให้ดีขึ้น และคำสำคัญที่บุ๋งจะพูดคือ ‘การหวงก้างและการปิดกั้น’ ใช้อำนาจความเป็น seniority ของตนเข้าข่มคนรุ่นใหม่และคัดค้านการเปลี่ยนแปลงยึดมั่นแต่ความมั่นคงโดยไม่ดูปัจจัยร่วมอื่นๆ มาถึงตรงนี้คงจะมองว่าบุ๋งบ่นเยอะจัง ใช่ฮะ บุ๋งบ่น5555 เป็นมันเป็นเรื่องจริงในมุมมองของบุ๋มเองที่ หากใครอยากจะทักท้วงบุ๋งตรงไหนบอกได้เลยฮะ
นั่นแหละฮะ ปัญหาเหล่านี้แหละที่สังคมของเด็กรุ่นใหม่ไม่ต้องการ เราเองก็เป็นแรงงานของสังคมนี้อยู่ ทำไมเราถึงเลือกสังคมของเราไม่ได้ล่ะฮะ ข้อดีข้อเสียก็มาดีเบตกันตรงๆไปเลย ไฟของคนรุ่นใหม่มีฮะ แต่คงไม่ใช่กับสังคมไทยปัจจุบันเท่าไหร่ เพราะโครงสร้างมันทำให้คน Burn out ง่ายมากฮะ
แสดงความคิดเห็นได้เต็มที่เลยฮะ และอย่าลืมกดไลน์ กดแชร์ด้วยนะฮะ
โฆษณา