8 พ.ค. 2021 เวลา 14:49 • ยานยนต์
Volkswagen เอาจริงเร่งผลิตรถยนต์ไฟฟ้าว่าที่ผู้ท้าชิงเบอร์2 รองจาก Tesla เรื่องราวจะเป็นยังไงเอาเป็นว่าเดี๋ยวเล่าให้ฟัง
5
ถ้าพูดถึงรถยนต์ไฟฟ้าหลายๆคนก็จะพูดถึงคนที่เป็นไอค่อน หรือเบอร์ 1 ของตลาด นั่นก็คือ Tesla นี่เอง
เพราะ Tesla สร้าง ปรากฏการณ์ ทำให้คนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันทั่วโลกอย่างแพร่หลาย
3
ซึ่งถ้าจะเทียบ Tasla คือ ผู้ปฏิวัติ วงการรถยนต์เลยทีเดียว เทียบได้กับก็คือเหมือน Apple ที่เป็นผู้ปฏิวัติวงการมือถือทำให้เกิดการใช้ สมาร์ทโฟน
ซึ่งถ้าเราบอกว่าวันนี้ Tesla คือ Apple ของวงการมือถือ
แล้วใครคือ Samsung ?
นั่นก็คือค่ายรถยนต์ Volkswagen นี่เองครับ
Volkswagen ต้องบอกว่า เป็นค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่
อันดับหนึ่งในฝั่งยุโรปเลยทีเดียว
ซึ่งมูลค่าทรัพย์สินของค่ายถือว่า เป็นอันดับสองรองจาก Tesla
แซง Toyota ขึ้นมาแล้ว ซึ่งเค้ามีค่ายรถยนต์ที่มีบนมือ มีทั้ง Volkswagen, Audi, Bentley, Lamborghini , Porsche แล้วก็ Ducati
ซึ่งต้องบอกว่า Volkswagen เค้าก็เห็นแหละว่าวันนี้ที่ทางของในฝั่งยุโรป การใช้รถยนต์สันดาปจะมีน้อยลงแน่นอน
เลยตัดสินใจว่า ไปไฟฟ้าเลยดีกว่านะครับน่าจะคุ้มค่ากว่า
3
ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในรอบ 116 ปี ของ Volkswagen
ซึ่งตอนนี้ Volkswagen ก็ได้ออกมาแหย่ตลาดแล้วอย่างรถไฟฟ้า Audi E Tron ซึ่งผลตอบรับยังไม่ดีเท่าไหร่
ต่อมาก็ปล่อยอีกตัวนึงออกมานั่นก็คือตัว Porsche Taycan ซึ่งถือว่าผลตอบรับค่อนข้างดี
1
ก็เลยตัดสินใจว่าเอาเนี่ยแหละลุยไฟฟ้าแบบ 100 เปอร์เซ็นต์
เลยประกาศออกมาว่า จะทำงาน Power day
ซึ่งต้องบอกว่า Power day เป็นงานที่สำคัญเพราะว่าหลายๆคนก็จะเห็นว่า
ทางรถน้ำมันเริ่มปรับตัวมาทำไฟฟ้าแต่เราก็ไม่รู้ว่า เอาจริงขนาดไหน มีค่าย GM ก็ทำ ค่าย ford ก็ทำ
อาจจะแค่แหย่ขาก็ได้ Toyota ก็ทำ Honda ก็ทำ
ซึ่งการประกาศ Power day เนี่ยถือว่าเป็นการตัดสินใจว่า
ฉันจะมาไฟฟ้า 100 เปอร์เซ็นต์นะ
เป็น event ที่ประกาศว่า Volkswagen เอาจริงเรื่องของรถยนต์ไฟฟ้า เหมือนอารมณ์ battery day ของ Tesla
2
ซึ่ง Tesla เนี่ยสร้าง roadmap ออกมาค่อนข้างดีว่า ถ้าจะทำรถยนต์ไฟฟ้าให้คนเชื่อถือ ต้องมีอารมณ์เหมือนแบบ battery day
ซึ่ง Volkswagen ก็เลยทำ Power day ออกมานะครับ ซึ่งใน Power day จะบอกว่าเป็นงานที่ใช้ CEO ค่อนข้างเปลืองนะครับ
เพราะว่า CEO ทุกคนเนี่ย ต้องออกมาพรีเซนต์นวัตกรรมเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า เคลือ Volkswagen ทั้งหมดเลย
เอาเป็นว่ามีอะไรกันบ้างผมสรุปออกมา 4.ข้อหลักๆตามนี้
เรื่องแรกที่พูดถึงในงาน Power day ก็คือเรื่องของแบตเตอรี่ ทาง Volkswagen
จะผลิตแบตเตอรี่ด้วยตัวเอง จะสร้างโรงงานขึ้นมาซึ่งของเดิมเค้าจ้าง Supplier อย่าง LG Energy solution
SK innovation ในการพัฒนาแบตเตอรี่ให้
ซึ่งก็เอามาใช้ในเจ้าตัว Audi E Tron แล้วก็ Porsche Taycan ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน
แต่หน้าตามันก็จะเป็น model อันใหญ่ไปมันก็รู้สึกว่า เฮ้ยเอาไปใช้จัดเรียงพื้นที่ได้ไม่ดีเท่าไหร่นัก
แล้วก็ Know how เนี่ยเค้าคิดว่า เค้าควรจะต่อยอดด้วยตัวเองได้
ก็เลยตัดสินใจว่าเอามาเป็นแบบ Unifild battery
2
เจ้าตัวที่ 2 ก็พัฒนาขึ้นมานะครับก็คือ แบตเตอรี่แบบ VOLUME
อันนี้จะราคาถูกกว่าปกติประมาณ 30% จะดีกว่าตัวแรกก็คือที่ระยะทาง วิ่งได้มากขึ้น จาก 400 กิโลก็จะเป็นประมาณ 600 กิโลเหมือน Tesla model 3 excelling
แล้วก็สุดท้ายอีกสเปคก็คือเป็นในกลุ่มของ SPECIFIC SOLUTIONS นั่นเอง
ซึ่งพวกนี้จะเอามาใช้ในพวกรถ Hyper car ในกลุ่ม Volkswagen ก็จะมี Bentley มี Lamborghini
พวกรถสปอร์ตต้องเอามาใช้พวกนี้ จะใช้แบตเตอรี่แบบนี้นะครับ
ซึ่งราคาจะแพงกว่าปกติ
ไอ้เจ้าตัวแบตเตอรี่เองทาง Volkswagen ก็บอกว่าเค้าก็ได้พัฒนาเรื่องของระบบ การชาร์ตให้มันชาร์จไฟได้เร็วขึ้น
และในอนาคตเนี่ยเค้าก็ประกาศบอกว่า หลังปี 2025 เป็นต้นไป จะทำเป็นตัวแบตเตอรี่แบบ SOLID STATE จะทำให้ชาร์จไฟ 0 ถึง 80% เนี่ย
ใช้เวลาแค่ประมาณ 10 นาทีนิดๆเท่านั้น
4
อย่างเจ้าตัวโรงงานผลิตแบตเตอรี่ของ Volkswagen เค้าก็ใช้ชื่อโรงงานว่า Gigafactories
คือเป็นโรงงานผลิตรถและผลิตแบตเตอรี่ด้วย ซึ่งอันนี้ก็เป็นการจับมือกับบริษัท start up อย่าง Notworn
ในการทำแบตเตอรี่ออกมา ซึ่งต้องบอกว่า Notworn เนี่ยทางทีมผู้บริหาร Notworn ก็เคยทำกับ Tesla มาก่อนนะครับ เค้าก็เลยมี DNAของ Tesla แล้วก็มาทำแบตเตอรี่
ซึ่งขั้นตอนการผลิต แบตเตอรี่เนี่ยเค้าบอกว่าจะเป็น CeeLo edition ทั้งหมด คือจะไม่มีการปล่อย คาร์บอนไดออกไซด์ออกมาเลยทีเดียว
โรงงานผลิตแบตเตอรี่จะเริ่ม ผลิตประมาณปี 2023 ที่เยอรมัน
และเค้าจะขยายไปทั้งหมด6 ที่ หนึ่งโรงงานเนี่ยจะผลิตแบตเตอรี่ได้ ปริมาณ 40 กิโลวัตต์
ซึ่งถ้ารวมหกโรงงานเนี่ย จะผลิตได้ทั้งหมด 240 กิโลวัตต์
1
เรื่องที่2 ก็คือเรื่องรีไซเคิลแบตเตอรี่
เพราะว่าเป็นเรื่องที่หลายคนก็กังวลนะครับ โดยเฉพาะทางฝั่งยุโรป เค้าบอกว่าซีเรียสเรื่องสิ่งแวดล้อมมาก
ถ้าวันนี้ Volkswagen ผลิตรถไฟฟ้าออกมาได้ 3.2 ล้าน คันต่อปี หมายความว่ารถพวกนี้ใช้ไม่ได้แล้วขยะแบตเตอรี่ ที่ทำลายยากจะทำอย่างไรเพราะเป็นขยะมลพิษ
Volkswagen เค้าก็เลยมองว่า เค้าจะทำโรงงานรีไซเคิลแบตเตอรี่ ซึ่งตอนนี้ทางต้นแบบ ก็รองรับเรียบร้อยแล้ว
 
ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาที่เมือง SALZGITER
ซึ่งตอนนี้เค้าบอกว่าตัวแบตเตอรี่เนี่ย สามารถเอามารีไซเคิลนำกลับมาใช้ได้ถึง 95% เลยทีเดียว
ซึ่งเวลารีไซด์เคิ้ลเนี่ยข้อดี มันไม่ใช่เรื่องของสิ่งแวดล้อมอย่างเดียว ในการรีไซเคิล มันเป็นการลดต้นทุนในการผลิตแบตเตอรี่ แล้วก็อย่าลืมว่าแร่ที่หายากอย่างพวกลิเธียมพวกนี้
พอมีความต้องการใช้รถยนต์ไฟฟ้า มากขึ้นแบบก้าวกระโดด แร่พวกนี้จะแพงขึ้นแน่นอนนะครับ ฉะนั้นการเอากลับมารีไซเคิลเนี่ยมันก็ได้เป็นการหมุนเวียนนำทรัพยากรนำกลับมาใช้ใหม่
ซึ่งขั้นตอนในการรีไซเคิล ต้องบอกว่าไม่มีความร้อน อย่างแรกนะครับ เขาก็เอามาปล่อยประจุไฟฟ้าออกมาให้หมดก่อน
แล้วก็เอาพวกที่ครอบแบตเตอรี่ เอาออกให้หมด
1
จากนั้นนะครับ เค้าก็เอาไปทำการบดเป็นชิ้นเล็กๆนะครับ หลังจากนั้นก็ดูดพวกสารเคมี electrolyte มาจากแบตเตอรี่
แล้วก็เอามาทำให้แห้ง แล้วก็เอาผงไปละลายน้ำที่มันมีสารละลายอยู่ หลังจากนั้นก็แยกโดยใช้แม่เหล็กดึงตัวที่เป็นโลหะออกไปทั้งหมด
แล้วก็ตัวที่ไม่ใช่โลหะก็เอาไปทำกันร่อนกลองนะครับแล้วก็ออกมาก็จะเป็นถุงเป็นถุง แล้วไอ้ถุงพวกนี้ก็จะไปแยกสาร
เพื่อเอาไปใช้ในการทำแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าใหม่อีกครั้ง ซึ่งอันนี้ต้องบอกว่าการเอาพวกวัตถุดิบตรงนี้กลับมา
อย่าง Tesla ทำเรียบร้อยแล้วนะครับ Tesla บอกว่าการรีไซเคิล แล้วเอามาทำแบตเตอรี่ทำให้เซฟต้นทุน ได้มากกว่า 40% เลยทีเดียว
ถ้าเทียบกับการที่เราต้องเอาไปสั่งให้เขาเอาวัตถุดิบมาจากเมือง
อันนี้ผมก็เลยคิดว่า Volkswagen มาถูกทางแล้ว ทำเพื่อลดต้นทุน
เรื่องที่ 3 ก็คือระบบเทคโนโลยีสำรองไปใช้ในบ้าน หรือ Vehicle to Grid
ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ Tesla ไม่ทำ เพราะเป็นการเอาไฟฟ้าจากรถ ไปใช้ในบ้านในช่วงที่ไฟฟ้ามันขาด
ในฝั่งยุโรปเองการใช้พลังงานไฟฟ้าเค้ามาจากแหล่งพลังงานพวกพลังงานทดแทนทั้งหลาย
ทั้งพวกโซล่าเซลล์ แรงลมนะครับ ซึ่งต้องบอกว่าบางช่วงผลิตไฟฟ้าได้เกินความจำเป็น ซึ่งเค้าบอกว่าปีหนึ่งเหลือทิ้งอยู่ที่ 6.5 TWh
2
จะดีกว่าไหมถ้าเกิดว่าสร้างรถยนต์ไฟฟ้าออกมา คนก็ต้องเสียบไฟฟ้าให้กับรถอยู่แล้ว แล้วบางช่วงไฟฟ้าขาด
ก็ดึงไฟจากตัวรถเนี่ยเอาไปขายการไฟฟ้าด้วย
บางช่วงที่ไฟฟ้าเกินเราก็ขายให้คุณในราคาไม่แพงแล้วก็เอามาเติมรถ
ซึ่งอันนี้เค้าก็มีระบบจัดการที่เรียกว่า Crown management
ซึ่งตัวโปรแกรมชื่อว่า early
ตอนนี้เค้าทำออกมาทดลองใช้แล้วนะครับ ที่อพาร์ตเม้นต์ 1250 ห้อง ที่มีการใช้ไฟ 2 MWh ต่อเข้ากับตัววอร์ชาร์จที่เป็นรถ ID3 ถึง 270 Wallboxes นะครับ
ซึ่งอยู่ในการทดลองดูว่าใช้ระบบนี้จะใช้ได้ดีขนาดไหน
เรื่องที่ 4 เรื่องของการสร้างจุดชาร์จไฟ แน่นอนถ้าจะทำให้คนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นจุดชาร์จไฟต้องเพียงพอ
การที่จะทำให้รถขับไปทั่วยุโรปจริงๆพอหลายๆประเทศมันติดกันเนี่ย มันค่อนข้างใหญ่ยากจะขับรถให้ทั่วยุโรป
การชาร์จไฟมันต้องกระจายแพร่หลายนะ ซึ่งอันนี้นะครับเค้าก็มีความได้เปรียบมากกว่าทางค่าย Tesla ตรงที่ว่า Tesla ต้องต้องลงทุนเอง
แต่ทาง Ford เค้ามีพาร์ทเนอร์ที่ เป็นบริษัทปั๊มน้ำมันใหญ่ๆนะ แปลว่าพร้อมจะเปลี่ยนตัวเองมาเป็นทำจุดชาร์จไฟในปั๊ม
ถ้า Ford ขยับว่าจะมาทำรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น แน่นอนน้ำมันก็จะขายได้น้อยลง ฉะนั้นก็ต้องปรับตัวกันนะครับ
โฆษณา