6 พ.ค. 2021 เวลา 12:49 • ปรัชญา
#หิ้วสตั๊ดล่าฝัน
เพราะคำว่า กีฬาฟุตบอลหล่อเลี้ยงชีวิต ที่เปลี่ยนชีวิตจาก เด็กสลัม สู่ สุดยอดกองหน้าในไทยลีก1 ฟร้องค์ ปรเมศย์ อาจวิไล
.
คนเรานั้นเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นได้ คงเป็นวลี ที่เด็กหนุ่ม ที่เติบโต มาในย่ายชุมชนแออัดที่ของประเทศไทย อย่างเจ้า ฟร้องค์ ปรเมศ อาจวิไล เป็นบุตรชาย คนที่ 4 ของครอบครัวทายาท อาจวิไล ที่ ครอบครัว ของเจ้าฟร้องค์ นั้นไม่ได้มี ฐานะร่ำรวย มากนักอยู่ ที่สิ่งแวดล้อมรอบตัวของ เจ้าฟร้องค์
.
ลายล้อมไปด้วยสายเทาทางด้านลบแทบทั้งสิ้น จึงเป็นสิ่งที่หล่อหลอม ให้ผู้เป็นพ่อ อย่าง ปรวุฒิ อาจวิไล เลี้ยงลูกๆทั้ง 5 คน ให้เติบโตและห่างไกล จากสิ่งเหล่านี้ จนได้มาลงเอ่ยกับลูกคนที่ 4 จากพี่น้อง 5 คน อย่างเจ้าฟร้องค์ ซึ่งเป็นบุตรชายคนเดียวของครอบครัว ส่งผลให้ สายเลือดนักฟุตบอลถูกส่งต่อให้ เจ้าฟร้องค์ ได้มาเจอกับ กีฬาฟุตบอล ที่หล่อเลี้ยงชีวิตของเจ้าฟร้องค์
.
มาตั้งแต่เด็กจนโต ที่มีคุณพ่อ ปรวุฒิ คอยขัดเกราฝีเท้าของเจ้า ฟร้องค์ มาโดยตลอด เพราะมีต้นแบบที่ดี ที่คุณพ่อ ปรวุฒิ ชื่นชอบไอดอลนักฟุตบอลตลอดกาลอย่าง ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน จึงส่งผลให้ถ่ายทอดศาสตร์ลูกหนัง ผ่านลูกชาย คนที่ 4 อย่าง เจ้าฟร้องค์ ปรเมศย์ อาจวิไล ในทันที ที่เจ้าฟร้องค์ ได้ซึมซับศาสตร์ลูกหนัง
.
ตั้งแต่อายุได้ 3 ขวบ ที่มีคุณพ่อ คอยครูพักลำจำ ตั้งใจขัดเกราฝีเท้าให้ลูกชาย ที่มีความฝันเหมือนเด็กๆทั่วไปว่าอยากจะเป็นนักฟุตบอลอาชีพ และ ติดทีมชาติไทยให้ได้ แต่สิ่งนั้นมันไม่ง่ายในชีวิตขอวเจ้าฟร้องค์ จริงๆครับ ที่ก้าวแรกที่เจ้า ฟร้องค์ ได้มาสัมผัส กับกีฬาฟุตบอล ที่ทางครอบครัวของ เจ้าฟร้องค์ ต้องแบกรับคำดูถูกสารพัด จากผู้คนรอบข้างที่อยู้บ้านใกล้เคียงกัน ต้องผ่านทั้งปัญหาครอบครัว
.
ที่พ่อและแม่ของเจ้าฟร้องค์ นั้นทะเลาะกันเป็นประจำทุกวัน แต่สิ่งหนึ่งยังคงหล่อเลี้ยงชีวิตของเจ้าฟร้องค์ ได้ นั้นก็คือ กีฬาฟุตบอล ครับ ที่เจ้าฟร้องค์ จะใช้เวลาว่าง ในแต่ละวัน ฝึกปรือฝีเท้า อยู่กับคุณ พ่อ เป็นประจำ แม้กระทั้งอยู่ในบ้าน เจ้าฟร้องค์ ก็จะลูกฟุตบอลเล็กๆที่แถมมาจาก ผงซักฟอกชื่อดังยี่ห้อหนึ่ง มาเตะเล่นก่อนนอนในทุกคืน ครับ จนส่งผลให้ ฝีเท้าของเจ้าฟร้องค์ พัฒนาขึ้นมาอย่างก้าวกระโดด
.
ทำให้เมื่อโอกาสครั้งสำคัญ ที่จะมีพื้นที่ทดสอบฝีเท้าในการปลุกพรสวรรค์ในตัวของเจ้าฟร้องค์ ที่จะเป็น แชมป์เดาะฟุตบอลโลก จะมาถึงเมื่อ เมื่อ สโมสร ชื่อดัง จากประเทศอังกฤษได้มาเปิดคัดตัวนักฟุตบอลเยาวชนเข้าสู่ อะคาเดมี่ ทำให้ เจ้าฟร้องค์ ในวัย 7 ขวบ และ คุณพ่อ ไม่รอช้า หิ้วรองเท้านักเรียนคู่ใจ ขับรถกระบะเก่าๆไปยังสนามคัดตัวในทันที ที่พ่อไปถึงสนามคัดตัว จะแตกต่างจากสนามทั่วๆไปที่เน้นคัดจากทักษะพื้นฐาน ด้านฟุตบอล จำพวก เลี้ยงบอล ส่งบอล โหม่งบอล ยิงบอล
.
ที่เจ้าฟร้องค์ นั้นผ่านการทดสอบแบบสบายๆจากสิ่งที่เคยซ้อมมาทุกวัน แต่นั้นก็ทำให้ต้องน้ำตาตกในทันที เมื่อด่านสุดท้ายของการคัดตัวนั้น ที่มีความยากสุดๆในวัยของเจ้าฟร้องค์ ในตอนนั้น นั้นก็คือ การเดาะฟุตบอลครับ ที่เจ้าฟร้องค์ ไม่เคยเดาะฟุตบอลมาก่อนในเวลานั้น จึงทำให้เป็นจุดบอด ทันที ส่งผลให้ เจ้าฟร้องค์ ไม่ได้รับคัดลือก็เข้าสู่อะคาเดมี่ในวันนั้น ต้องนั่งน้ำตาซึมคอตกกลับบ้าน ครับ
.
แต่นั้นจึงทำให้ เจ้าฟร้องค์ ได้ปลุกความสามารถจากพรสวรรค์ที่หลับใหลในตัว ของเจ้าฟร้องค์ ขึ้นมาทันในทันที ครับ ที่จาก การเดาะฟุตบอลที่เคยเป็นจุดอ่อน ที่ทำเจ้าฟร้องค์คัดตัวไม่ติดในวันนั้น เจ้าฟร้องค์ จึงเก็บความรู้สึกในครั้งนั้นกลับมาก้มหน้าฝึกซ้อมเดาะฟุตบอล เป็นพิเศษและหนักขึ้นในทุกวัน ที่มีคุณพ่อคอยขัดเกราจากการ ครูพักลักจำมา เทรนต์ เจ้าฟร้องค์ แบบตัวต่อตัว ผ่านคราบน้ำตาที่เปลอะแก้ม ของเจ้าฟร้องค์
.
ในทุกเย็น ที่แบบฝึกที่คุณพ่อคิดมานั้น หนักเอาการกว่าเด็กคนหนึ่งจะรับได้ครับ แต่เจ้าฟร้องค์ ก็ต้องปาดน้ำตาและฝึกซ้อมต่อไป จนกว่าจะเดาะฟุตบอลได้ดีครับ จากนั้นไม่นาน จากเดาะบอล 1 ครั้งตก จนขยับขึ้นมาเป็น 2 ครั้งตก จนสู่การพัฒนา จากจุดอ่อน สู่ จุดเด่นในตัวของเจ้าฟร้องค์ ที่ทำสถิติ เดาะฟุตบอลได้ 6,500 ครั้งใน 1 ชั่วโมงครับ ค่าเฉลี่ย ต่อ 1 นาที เจ้าฟร้องค์ นั้นเดาะได้ 108 ครั้ง ต่อ วินาที เจ้าฟร้องค์ นั้นเดาะได้ ค่าประมาณ 2 ครั้ง นั้นจึงเป็นสถิติ ที่เจ้าฟร้องค์จากเดาะฟุตบอลไม่เป็นเลย สู่การ
.
ลงไปวาดลวดลาย ในการเข้าสู่วงการเดาะฟุตบอลลีลาอย่างเต็มตัวตั้วแต่อายุ ได้ 8 ขวบ ครับ ที่เจ้า ฝีเท้าการเดาะฟุตาบอลของเจ้าฟร้องค์ พัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดดสู่ลูกเล่นและลีลาที่สวยงามครับ ที่จากเดาะฟุตบอล ก็เริ่มเปลี่ยนมาเดาะลูกเทนนิส จากลูกเทนนิส ก็เปลี่ยนมาเดาะลูกมะนาวครับ จากเดาะลูกมะนาว ก็มาสู่ท่าแมวน้ำที่วางขวดน้ำไว้บนหัว เอาลูกฟุตบอลวางไว้ที่ปลายขวด ประคองลูกฟุตบอลไม่ให้ตกพื้นครับ
.
จนลีลาการเดาะลูกฟุตบอลของเจ้าฟร้องค์ ก็เริ่มแข็วแกร่งและสวยงามมากขึ้น ผู้เป็นพ่อจึงไม่รอช้า รีบออกตระเวนโชว์ ความสามารถของเจ้าฟร้องค์ ในวัย 10 ขวบ สู่สายตาคนทั้งประเทศในทันที ครับ ผ่านเมืองท่องเทียว อย่าง พัทยา หรือ ตามแหล่งที่คนอยู่กันเยอะๆ ครับ สร้างเสียงฮือฮาจากผู้คนที่พบเห็น และ สร้างรายได้มหาศาลช่วยครอบครัวได้ตั้วแต่อายุ 10 ขวบจาก โชว์ลีลาเดาะฟุตบอล ที่มีความพิศดารมากขึ้น ครับ
.
ที่ในตอนนั้นเจ้าฟร้องค์ มีผู้ช่วยเป็นน้องสาวคนสุดท้อง อย่าง น้องแพรว ที่จะคอยเป็นผู้ช่วยจัดหาอุปกรณ์มาแสดงในโชว์ให้ดูสมบูรณ์ยิ่งขึ้น จึงกลายเป็น 2 พี่น้อง ที่กอบโกย รายได้จากการเดาะฟุตบอลให้ครอบครัวได้ตกเดือนละ 4-5 หมื่นบาทในทุกเดือนผ่านสินน้ำใจที่ผู้คนอยากสนับสนุน ครับ และหลังจากความโดงดั่ง ในการโชว์ลีลาการเดาะฟุตบอลของเจ้าฟร้องค์ ที่ผู้คนที่พบเห็นจึงกลายเป็นคลิปโด่งดังที่เสริมความดังของเจ้าฟร้องค์ ในการออกสื่อโทรทัศน์ต่างๆทั้งมาถ่ายทำในการใช้ชีวิตของเจ้าฟร้องค์
.
การฝึกซ้อมฟุตบอลในย่ายสลัมในทุกวันครับ เรียกง่ายๆว่า เจ้าฟร้องค์ ในตอนนั้นโด่งดังเป็นพลุแตกอย่างมากครับ จากนั้นไม่นาน เจ้าฟร้องค์ ก็เริ่มเข้ามาศึกษาเล่าเรียนที่โรงเรียน โสมาภาณุสรณ์ ที่ได้สิทธิ์เรียนฟรี ครับ ที่เป็นแหล่งขัดเกลาฝีเท้าการเล่นฟุตบอลนอกเหนือจากการเดาะฟุตบอลในตัวของเจ้าฟร้องค์ อีกด้านครับ ที่ได้ทำลายความเชื่อที่ว่า ‘’นักฟุตบอลที่เดาะบอลเก่ง มักจะเล่นฟุตบอลไม่เก่ง’’ คำๆนี้ใช้ไม่ได้ผลกับเจ้าฟร้องค์ ครับ ที่ได้เดาะฟุตบอล จนไปลงแข่งขัน เยาวชน เดาะฟุตบอลระดับโลก
.
ที่มีเยาวชนของชาติชั้นนำของมาลงแข่งในรายการนี้อย่างมากมายครับ แต่นั้นก็ไม่ละคายเคืองความสามารถของเจ้าฟร้องค์เลยแม้แต่นิดครับ ที่เจ้าตัว จัดคว้าแชมป์ เดาะฟุตบอลเยาวชนโลกมากครองได้สำเร็จ นั้นจึงนับเป็นความสำเร็จจากเด็กสลัมคนหนึ่งที่พัฒนาตัวอย่างก้าวกระโดดครับ จนเปิดทางสู่โอกาสและเงินแสน แบบมหาศาลอย่างมากในวัยของเจ้าฟร้องค์ ครับ
.
เขาได้รับการติดต่อจากโรงแรม นอร์ดิก ในพัทยา ให้ไปโชว์เดาะบอล แถมยังได้ค่าตัวถึง 100,000 บาท เลยทีเดียว ซึ่งที่นั่นเองที่ทำให้ ปรเมศย์ ได้พบกับ มอร์เท่น กัมส์พ พีเดอร์เซ่น อดีตนักเตะระดับ พรีเมียร์ลีก ที่ขณะนั้นเล่นให้ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส
ปรเมศย์ ได้ดวลเดาะบอลกับ พีเดอร์เซ่น และเป็นฝ่ายเอาชนะกองกลางทีมชาตินอร์เวย์ ไปได้ จนถูกเสนอให้ไปเล่นที่บ้านเกิดของ พีเดอร์เซ่น อีกต่างหาก ครับ นั้นจึงป็นความโด่งดังแบบฉุดไม่อยู่ของเจ้าฟร้องค์ ทั้งชื่อเสียงและรายได้ครับ ที่เจ้าฟร้องค์
.
สามารถทำรายได้เกินหลักล้านตั้งแต่อายุยังน้อย ที่รายได้ส่วนใหญ่ของเจ้าฟร้องค์ จะกลายเป็นรายได้หลักของทั้งบ้านครับ ที่เจ้าฟร้องค์ กลายเป็นเสาหลัก ส่งเสียพี่สาวคนโต ทั้ง 2 คน เรียนจนจบในระดับปริญญาตรี และ ซื้อรถกระบะ คันใหม่ให้คุณพ่อขับ ด้วยครับ เรียกง่ายๆว่า เจ้าฟร้องค์ ในตอนนั้นเนื้อหอมสุดๆ ห้ามป่วย ห้ามเจ็บเด็ดขาด เพราะเป็นแหล่งเงินถุงเงินถังของครอบครัว นั้นจึงเป็นความภูมิใจ
.
ของเจ้าฟร้องค์ ที่ต้องแลกมาด้วย ความสนุกในวัยเหมือนเด็กๆทั่วไปแทนครับ เพราะต้องหารายได้มาจุนเจือครอบครัว แต่นั้นก็เพื่ออนาคตของตัวเจ้าฟร้องค์เองครับ ที่กำลังเข้าสู่วัยมัธยมต้น ที่เจ้าฟร้องค์ ได้ถูกทาบทาม จากสโมสรชั้นนำในไทยลีกอย่าง สิงห์เจ้าท่า การท่าเรือ เอฟซี ให้เป็นเยาวชนรุ่นแรกของ สโมสร ครับ และส่งเสียด้านการศึกษาให้เจ้าฟร้องค์ ไปเรียนฟรี ที่ โรงเรียน ที่เป็น มหาอำนาจ ลูกหนังขาสั้นของเมืองไทย สิงห์เอกมัย โรงเรียนปทุมคงคา ในวัย 14 ปี ครับ
.
ทว่าในห้วงเวลานั้น การท่าเรือ ยังไม่ได้รับการสนับสนุนเรื่องฟุตบอลมากเท่าที่ควร เฉกเช่นทุกวันนี้ ทำให้ เจ้าฟร้องค์ ในตอนนั้นไม่ได้รับสวัสดิ์การเงินเดือน ครับ จึงได้ ถูกทาบทาม จากสโมสร ชั้นนำอีกแห่งที่อยู่ย่าน นนทบุรี อย่าง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด รีบดึงตัวไปร่วมทัพตอนมเจ้าฟร้องค์ อายุ 15 ปี โดยไปเรียนต่อในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 ณ โรงเรียนโพธินิมิตวิทยาคม สถาบันในเครือข่ายกิเลนผยอง ตั้งแต่นั้นมาครับ
.
แน่นอนว่าการได้เข้าร่วมอะคาเดมี่ของ เมืองทอง นั้นทำให้ เจ้าฟร้องค์ ที่มีทักษะเยี่ยมยอดอยู่แล้วมีความเก่งกาจไปได้ไกลกว่าเดิมแบบก้าวกระโดด เพราะการอยู่ในสถาบันชั้นยอดแบบนี้ เขาต้องเข้ารับการฝึกศาสตร์ลูกหนังอย่างเข้มข้นแบบมืออาชีพ อีกทั้งยังเข้าสู่การเตรียมการเป็นนักฟุตบอลอาชีพเต็มรูปแบบ ในสายเลือดกิเลนรุ่นแรก อีกด้วยครับ แต่สิ่งหนึ่งที่ห่างหายไปตามกาลเวลาและช่วงอายุของเจ้าฟร้องค์ บวกกับภาระหน้าที่จะต้องรับผิดชอบทั้งเรียนและฝึกซ้อมฟุตบอลนั้นหนักเอากาล
.
ทำให้เจ้าฟร้องค์ งดออกงานโชว์ลีลาเดาะฟุตบอล ไปตลอดกาล ที่เจ้าฟร้องค์มีอายุมากขึ้นความนิยมของผู้คนที่พบเห็นก็เริ่มลดน้อยถอยลงไปจนไม่มีอีกเลยครับ นั้นจึงเบนเข็มความสามารถให้เจ้าฟร้องค์ ต้องเป็นนักฟุตบอลอย่างเต็มตัวให้ได้ กับเงินเดือนที่น้อยนิดของสโมสรในชุดเยาวชนเมื่อเทียบกับรายได้เมื่อครั้งเจ้าฟร้องค์ยังเด็กที่เคยหาเงินจากการเดาะฟุตบอล ครับ
.
ทำให้กาลเวลาเปลี่ยน เจ้าฟร้องค์ ต้องมองหาความมั่นคงในชีวิตมากขึ้น ที่เจ้าตัวเก็บตัวเก็บชื่อเสียงสุ่มซ้อมฟุตบอลเป็นเยาวชนของสโมสรเมืองทองในตอนั้นอยู่หลายปี ที่อยู่ในชุดเดียวกับ เจ้าซันนี่ วงษ์เดอรี่ เจ้าอาร์ต วัฒนากร สวัสดิ์ละคร ครับ ที่ชื่อเสียงของเจ้าฟร้องค์ ได้ห่างหายจากหน้าจอโทรทัศน์อยู่พักใหญ่
.
ก่อนจะมาโด่งดังอีกครั้งอย่ายิ่งใหญ่ในหน้าจอโทรทัศน์ ของเจ้าฟร้องค์ ในวัย 18 ปี ที่ออกโทรทัศน์ ของช่อง 7 สี ในปี 2019 ที่ได้ถ่ายทอดสดรายการฟุตบอล 7 คนแชมป์ กีฬา 7 สี ที่อยู่ในรอบ 10 ทีมสุดท้ายในระดับประเทศ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทยครับ ที่ในตอนนั้น โรงเรียน โพธินิมิตรวิยา ที่นำทีมโดย เจ้าฟร้องค์ ปรเมศ อาจวิไล นำลูกทีม ลงทำศึกในรายการฟุตบอล 7 คน ครั้งแรก ครับ
.
ที่ชื่อชั้นของโรงเรียนของ เจ้าฟร้องค์ เมื่อเทียบกับอีก 9 ทีมที่เป็นขาประจำในรายการนี้เรียกง่ายๆว่าเป็นรองทุกทีมเลยครับแต่นั้นก็มิอาจ สู้ความสามัคคีและ ความเชื่อใจของผู้เล่นภายในทีม ที่อยู่ทุกข์ร่วมสุขกันมาตลอดหลายปี จึงส่งผลให้ ทีม โรงเรียนโพธินิมิตรวิทยาคม ทะลุถึงรอบชิงชนะเลิศ และ คว้าแชมป์ฟุตบอล 7 คน ในปี2019 ไปครองได้สำเร็จครับ และๆที่สำคัญ เจ้าฟร้องค์ ยังคว้านัดเตะทรงคุณค่าในรายการนี้ ชิงตั๋วไปชมเกมที่ประเทศอังกฤษ กับยอดทีมคนไทย
.
อย่างสโมสรเลสเตอร์ซิตี้ เป็นเวลา 3 วัน 2 คืน ครับ นั้นจึงเป็นการกลับมาสู่หน้าจอโทรทัศน์อย่างยิ่งใหญ่ของเจ้าฟร้องค์ ในตอนนั้นครับ ที่หลังจากเสร็จสิ้นภาระกิจจากต่างประเทศ เจ้าฟร้องค์ ยังกลับมานำลูกทีม กิเลนผยอง ในชุดเยาวชน คว้าแชมป์อีกหลายรายการไม่ว่าจะเป็น แชมป์ Thailand youth league u19
.
รองแชมป์ ฟุตบอลโค๊ก คัพ ประเทศไทย จึงส่งผลให้ ประตู ในนามทีมชาติไทยเปิดขึ้นทันที ที่เจ้าฟร้องค์ มีชื่อรับใช้ทีมชาติไทนในรุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี ครับ จนปิดฉากฟุตบอลเยาวชนไปอย่างสวยงามครับ กระทั่งเวที นักฟุตบอลอาชีพ ในชีวิตของเจ้าฟร้องค์ จะต้อนรับเขาอย่างสมเกียรติครับ ที่ทางต้นสังกัด อย่าง เมืองทองชุดใหญ่
.
ส่งเจ้าฟร้องค์ และ ผองเพื่อน ไปหาประสบการณ์ในฐานะนักฟุตบอลอาชีพ กับ ยอดทีม ยักษ์แสด อุธานี เอฟซี ในสัญญายืมตัว ครับ และ ต่อด้วย บางกอก ยูไนเต็ด ในสัญญายืมตัวครับ นั้นจึงเป็นประสบการณ์ในฟุตบอลอาชีพอย่างเต็มตัว ครับ
.
.
เขียนโดย สตั๊ดฟุตบอล
โฆษณา