8 พ.ค. 2021 เวลา 12:59 • การศึกษา
คำว่า "other" เป็นคำที่นำมาใช้นำหน้าคำนามที่เป็นพหูพจน์โดยให้ความหมายว่า "อื่นๆ" (อีกมากมาย) ให้ความหมายไม่เจาะจงจำนวนและ "other" จะใช้ในกรณีเป็นส่วนที่เหลือหรือส่วนสุดท้าย ตัวอย่างจากภาษาไทยที่ใช้ "บางคนก็แบบนั้นบางคนก็แบบนี้" จะเห็นได้ว่ามีการแบ่งสิ่งนั้นเป็นกลุ่มๆ ส่วนที่เหลือจะใช้คำว่า "other" นำหน้าเนื่องจากไม่มีการเจาะจงจำนวนที่แน่นอน
ภาษาอังกฤษน่ารู้ "other"
ยกตัวอย่างเช่น
"Some people like light colors." "Other people like dark colors." แปลว่า "บางคนชอบสีสว่างบางคนชอบสีเข้ม"
เมื่อ "other" ไม่มี 's' จะทำหน้าที่เป็นคำนำหน้านามพหูพจน์แต่เมื่อเปลี่ยนเป็นรูปเติม 's' หรือ others จะเป็นคำแทนคำนาม
ยกตัวอย่างเช่น
"Some like light colors." "Others like dark colors." แปลว่า "บางคนชอบสีสว่างบางคนชอบสีเข้ม"
"some" และ "others" แทนคำว่า "people" เลยไม่ต้องมีคำนามตาม
คำนามนับไม่ได้ไม่สามารถใส่เป็นจำนวนได้จึงไม่สามารถใช้ได้กับทั้ง another และ other รวมถึงสำนวนอื่นๆ ที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันด้วย ได้แก่ "some other + นามเอกพจน์" ยกตัวอย่างเช่น
"I can't do it now."  "I will do it some other time." แปลว่า "ตอนนี้ไม่ว่างจะทำคราวหน้า"
"I want to see some other house." หรือ "I want to see another house."
ทั้งสองอันนี้ความหมายเดียวกัน แปลว่า "อยากดูบ้านอีกหลังหนึ่ง" แต่อันที่สองจะฟังเป็นธรรมชาติกว่า
อีกสำนวนที่เป็นของคำในกลุ่มนี้คือ "each other" และ "one another" ทั้งสองคำนี้ทำหน้าที่เป็นกรรมของประธานพหูพจน์เท่านั้นโดยให้ความหมายว่า "กันและกัน" ความแตกต่างของสองคำนี้คือ "each other" แทน 2 สิ่ง และ "one another" แทน 3 สิ่งขึ้นไป
ยกตัวอย่างเช่น
"We both love each other." แปลว่า "เราสองคนรักกัน"
"Thai people love one another." แปลว่า "คนไทยรักกัน"
ครูด้วง
English Forward Unlimited

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา