7 พ.ค. 2021 เวลา 01:19 • ปรัชญา
💢 กำจัดต่อมพิษเวทนาเทียมได้ ชีวิตก็สบายหายห่วง 😀
.
🐰💥 ตัว“เมียร์แคท” (Meerkat)(สัตว์คล้ายพังพอน)มีอาหารหลักคือแมงป่อง...ซึ่งแมงป่องเป็นสัตว์มีพิษ แต่เมียร์แคทสามารถจับแมงป่องมากินเป็นอาหารหลักได้โดยไม่ตายจากพิษแมงป่อง?
🐰💥 สาเหตุที่ทำให้ตัว “เมียร์แคท” มีร่างกายขั้นเทพ – สามารถต้านทานพิษแมงป่องได้ตั้งแต่เกิดโดยจากการเฝ้าติดตามพฤติกรรมการเรียนการสอนของเมียร์แคทจนได้กระบวนการออกมาดังนี้ : พ่อแม่จะล่าแมงป่องและนำซากแมงป่องที่ตายแล้ว 2 ตัว ระหว่างตัวที่มีต่อมพิษ กับตัวที่ถูกกำจัดต่อมพิษออกแล้วมาให้ลูก ๆ กิน – โดยจะบังคับให้ลูก ๆ กินตัวที่ไม่มีต่อมพิษ – ทำแบบนี้ซ้ำ ๆ เรื่อย ๆ จนลูกเมียร์แคทเกิดการเรียนรู้และจดจำว่ากินแมงป่องที่มีต่อมพิษไม่ได้ – กระทั่งพวกมันโตพอจะล่าอาหารเองได้ เมื่อเจอแมงป่องก็จะต้องกัดต่อมพิษออกก่อนนั่นเอง
💣 แต่อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะกำจัดต่อมพิษได้แล้วก็จริง แต่ในกล้ามเนื้อและกระดูกของแมงป่องจะยังคงมีพิษหลงเหลืออยู่เล็กน้อย ดังนั้น การที่พวกมันมีร่างกายที่ทนทานต่อพิษแมงป่องก็เพื่อให้ง่ายต่อการกินอาหาร รวมถึงอยู่รอดท่ามการสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยเหล่าอสรพิษนั่นเอง
✌ หากคนเราต้องการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้อย่างดี ควรอย่างยิ่งที่คนเรา ต้องได้รับการฝึกฝนลักษณะเดียวกันกับตัวเมียร์แคท
.
👊 การฝึกฝนรับพิษทีละเล็กทีละน้อย ก็เหมือนกับคนเรา ต้องฝึกรับมือกับปัญหา รับมือกับผัสสะ ที่จะทำให้เราเกิดความรู้สึกยุ่งยาก คันหัวใจ หรือที่เรียกว่าเกิดทุกข์นั่นเอง
การแยกแยะแมงป่องที่มีต่อมพิษกับแมงป่องที่เอาต่อมพิษออกได้ ก็เปรียบเหมือนกับการแยก “เวทนาแท้” กับ “เวทนาเทียม”ให้ออกนั่นเอง เปรียบแมงป่องที่เอาต่อมพิษออกได้กับเวทนาแท้ เปรียบแมงป่องที่ไม่ได้เอาต่อมพิษออกเป็นเวทนาเทียม
.
เวทนาแท้ คือความรู้สึกที่เป็นจริงตามที่มันเป็น เช่น น้ำตาลมีรสหวานเป็นเวทนาแท้(ทุกคนที่ประสาทลิ้นปกติก็รับรสหวานเหมือนกันแต่อาจเรียกชื่อต่างกันไปตามแต่ละภาษา) แต่เวทนาเทียมคือ ความอร่อย/ไม่อร่อย ความชอบ/ไม่ชอบ รสอย่างนี้ นี่เป็นเวทนาเทียม
.
ดังนั้น เวทนาเทียม คือความรู้สึกที่ประกอบไปด้วย ความรู้สึกรัก/ชัง ผลัก/ดูด ราคะ/โทสะ ซึ่งแต่ละคนก็จะรู้สึกแตกต่างกันไปตามอุปาทานของแต่ละคน
🐰💥 ลูกเมียร์แคทได้รับการฝึกฝนจากพ่อแม่ให้เรียนรู้การแยกแยะสิ่งที่ควรกิน และฝึกให้กำจัดต่อมพิษออกจากแมงป่องก่อนกินเข้าไป เมื่อพิษมีปริมาณน้อย กินเข้าไปก็จะกลายเป็นภูมิต้านทานพิษให้แก่เมียร์แคท ใช้หลักการเดียวกับวัคซีน
.
เมื่อคนเราฝึกอ่านเวทนาเทียมได้ ก็เรียนรู้การกำจัดเหตุแห่งเวทนาเทียม ก็คือต่อมพิษของ ราคะ โทสะ โมหะ เมื่อกำจัดได้ ก็จะเหลือแต่เวทนาแท้ ที่รู้ความจริงตามความเป็นจริง มีชีวิตอยู่อย่างไม่ต้องมีทุกข์ที่เลี่ยงได้ ชีวิตก็สบายหายห่วง
.
🐰💥 ตัวเมียร์แคท ไม่ได้มีภูมิต้านทานพิษหรือแยกแยะต่อมพิษกำจัดต่อมพิษแมงป่องมาได้แต่กำเนิด แต่เกิดจากการฝึกฝนซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากพ่อแม่ ที่มีความรู้ความสามารถมาก่อนแล้วถ่ายทอดสู่รุ่นต่อรุ่น หลายปีผ่านไปก็ทำได้
การที่คนเราจะสามารถอ่าน แยกแยะเวทนาแท้กับเวทนาเทียมได้ ย่อมไม่สามารถมีโดยไม่ต้องฝึกฝนเช่นกัน ต้องได้รับการถ่ายทอดวิทยายุทธ จากสัตบุรุษ ผู้อยู่ในฐานะครู อย่างเช่นพ่อครู จึงจะอ่านจิตออก บอกจิตได้ ใช้จิตเป็น กำจัดเหตุแห่งเวทนาเทียมได้อย่างสัมมา แต่ถ้าไม่ได้เจอพ่อครู ไม่ได้เจอสัตบุรุษ ก็หมดทางทำได้ ทำได้แต่ทำแบบผิดๆอย่างฤาษีกดข่มกิเลส
.
🙏 แม้เจอสัตบุรุษ ได้รู้วิธีที่สัมมาแล้ว แต่หากไม่มีฉันทะไม่มีความเพียรไม่ทำให้มากจนเป็นนิสัย เป็น วิสัย จนผนึกเป็นอนุสัยที่ดีของตนเองได้แล้วล่ะก็ คงต้องอยู่กับการการปฏิบัติอย่างลูบคลำกิเลสเป็นสีลัพพตปรามาส เสียเวลาชีวิตไปอีกหลายชาติ
เมียร์แคทไม่ได้มีสกิลการต่อสู้ที่เก่งเท่าไหร่ ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่มีงูเข้ามาในอาณาเขต พวกมันจะเรียกรวมตัวกัน – ล้อมรอบงูตัวนั้นไว้ – ชูหางขึ้น- พองตัวให้ใหญ่ – ด้วยวิธีนี้จะทำให้งูตกใจกลัวและหนีไปได้
พระพุทธเจ้าก็ตรัสว่า หมู่มิตรดี สหายดี สังคมสิ่งแวดล้อมดี ทำให้การประพฤติพรหมจรรย์ได้บรรลุผล เพราะมิตรดีสหายดี จะช่วยขัดเกลา กล่อมเกลา เป็นผัสสะให้แก่กันและกัน โดยเฉพาะให้คำตำหนิที่ควรแก่การดื่มได้ให้เรา(เปยยวัชชะ) และคำตำหนิทีละน้อยนี่แหละที่จะเหมือนเมียร์แคท รับพิษทีละน้อย จนเรามีภูมิคุ้มกันต่อพิษ ต่อคำตำหนิ
.
เมื่อมีคำตำหนิมากระทบ...เราก็จะได้อ่านเวทนา ความรู้สึกของตน ว่า เราเกิดเวทนาแท้(รู้ความจริงตามความเป็นจริงว่าเขาตำหนิมาถูกหรือผิด เราเป็นอย่างที่เขาว่าไหม) หรือเราเกิดเวทนาเทียม คือ มีความรู้สึกทุกข์ โกรธ โมโห ไม่ชอบใจ หรือเฉยๆแบบไม่ยอมรับรู้คำตำหนิเกิดในเราหรือไม่
.
หากมีเวทนาเทียมเกิดก็เหมือนต่อมพิษปรากฏแล้ว สิ่งแรกที่เราต้องทำคือนำต่อมพิษเวทนาเทียมออกไปให้เร็วที่สุด เราจึงได้ได้ดื่มคำตำหนินั้นได้อย่างเกิดภูมิคุ้มกัน รู้ความจริงตามความเป็นจริง หากคำตำหนินั้นเป็นประโยชน์ต่อเราตำหนิได้ถูกที่เราเป็น เราก็จะได้แก้ไขปรับปรุงตนเองให้ดีขึ้น แต่หากคำตำหนินั้นไม่ถูกเรา เราไม่ได้เป็นก็จะได้บอกเขาให้ทราบว่าเราไม่ได้เป็น หรือหากบอกไม่ได้เราก็จะได้วางเฉยไปเสียยังไม่บอกก็ได้
พระพุทธเจ้าก็ตรัสกับพระอานนท์ว่า “อานันทะ ดูก่อน อานนท์ เราจักไม่ปฏิบัติต่อเธออย่างทะนุถนอม ประดุจช่างปั้นหม้อดินที่ยังเปียกยังดิบอยู่ แต่เราจักกระหนาบแล้วกระหนาบอีก ชี้โทษแล้วชี้โทษอีก ผู้มีมรรคผลเป็นแก่นสารเท่านั้น จึงจักทนอยู่ได้”
.
🐰💥 สัตว์ป่าอย่างเมียร์แคทยังฝึกตนเองได้ แล้วไฉนมนุษย์อย่างเราจะฝึกไม่ได้กันเล่า...ให้กำลังใจทุกท่านที่กำลังฝึกฝนบนเส้นทางสัมมาร่วมกัน….
.
🌍 ภูมิพุทโธ...6 พฤษภาคม 2564
🙏 สิ่งที่ทุกข์อยู่ คืออุปาทานทั้งสิ้น ... พ่อครู ๑๗ พ.ค. ๕๘
.
.
โฆษณา