7 พ.ค. 2021 เวลา 10:31 • ความคิดเห็น
Dear my twin flame
"ความรักที่ไม่ว่าสถานะของทั้งสองคนจะเปลี่ยนไปแบบไหน ก็ยังมีความหวังดีต่อกันและกัน นี่แหละมั้งคะที่เรียกได้ว่า Twin flame สำหรับเรา"
คนที่เราหมายถึงก็คือแฟนเก่าคนล่าสุดของเราเองค่ะ เลิกกันมาได้ 11 เดือนแล้ว แต่เลิกคุยกันจริงๆก็น่าจะประมาณ 5 เดือน ...เรายังคิดถึงเขาอยู่เลยค่ะ
หากถามว่าทำไมยังคิดถึงขนาดนี้ เราพูดได้คำเดียวว่าที่ผ่านมาคริสดีกับเรามาตลอด ตั้งแต่เริ่มต้น จนถึงวันสุดท้ายที่เราคุยกัน เราไม่ได้เลิกเพราะไม่รักกันแล้วนะคะ เราเลิกกันเพราะเราไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์บ้านเมืองในตอนนี้ได้ค่ะ พวกเราที่เป็น Long distance relationship เลยต้องจำใจเลิกกันเพื่อรักษาสุขภาพจิต ไม่อย่างนั้นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอาจจะดีเพรสตายไปก่อน
ช่วง 6 เดือนแรกที่พวกเราเลิกกันแล้วแต่ยังคุยกัน มันเหมือนกับว่าเราจะเป็นเพื่อนกันได้ พวกเราพยายามทำให้เป็นปกติที่สุด ...แต่สุดท้าย ด้วยความที่คริสรักเรามาก ยิ่งคุยมันก็ยิ่งทำให้เขาไปไหนจากเราไม่ได้ ทางนี้ก็เหมือนกันค่ะ พยายามมูฟออน ออกไปเจอเพื่อนมากมาย แต่สุดท้ายก็กลับบ้านมาร้องให้เพราะคิดถึงคนๆเดียว
พวกเราสองคนนิสัยต่างกันมากค่ะ แต่ก็มีจุดร่วมที่คล้ายกันหลายอย่าง พวกเราเติมเต็มส่วนที่อีกคนขาดหายมันลยทำให้ที่ผ่านมาเราไม่เคยทะเลาะกันเรื่องใหญ่ๆเลยสักครั้ง คริสเป็นผู้ชายที่ค่อนข้าง Introverted มีเพื่อนไม่เยอะมากแต่ทุกคนเป็นคนสำคัญในชีวิตของเขา เป็นคนอบอุ่น แคร์ความรู้สึกของทุกคนที่อยู่ในครอบครัว เพื่อนสนิท รวมถึงเรา เป็นคนที่เวลาจะทำอะไรจะนึกถึงคนอื่นก่อนเสมอ ชอบช่วยเหลือให้คำปรึกษาที่ดีแก่ทุกๆคน ข้อเสียคือด้วยความที่เป็นคนแบบนี้ทำให้เขาค่อนข้างเครียดง่ายค่ะ เวลาที่คนในครอบครัวหรือเพื่อนมีปัญหาพร้อมกันคริสจะเป็นห่วงทุกคนมากจนใช้พลังงานตัวเองจนหมด ทำให้บางวันนางดับไปเลยค่ะ(หายไปชาร์จแบต) คริสเป็นคนที่ทำให้เราเป็นคนที่ดีขึ้นแบบนี้ได้ค่ะ เขาจะคอยถามไถ่ ผลักดัน ให้กำลังใจเราเสมอ ในขณะที่เขาก็พยายามในเรื่องของตัวเองเหมือนกันและมักจะพูดเสมอว่า เราเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้เขามีกำลังใจขนาดนี้ เพราะแบบนี้เลยทำให้ทุกครั้งที่เรามองไป เราก็อยากเป็นคนที่ดีขึ้นเหมือนกัน
กลับมาพูดถึงนิสัยเราค่อนข้างตรงกันข้าม เราเป็นคนร่าเริง พลังงานเยอะ เราพูดสิ่งที่คิดตลอดเวลาจนดูเหมือนเป็นคนไม่ใส่ใจความรู้สึกคนอื่น ซึ่งคริสก็มาช่วยเติมเต็มเราในเรื่องนี้แหละค่ะ ส่วนหน้าที่เราก็คือ ทำให้เขาหัวเราะ555 เพราะเราถนัด และคริสจะบอกเราเสมอว่า "ขอบคุณที่ทำให้เขามีความสุข"
ปีที่แล้ว (ปี2020) ช่วงเดือนมีนาคม คริสจองตั๋วมาหาเราที่นี่ค่ะ หลังจากเจอกันล่าสุดเดือนกรกฎาคม ปี2019 ก่อนหน้าไฟลท์จากสตอกโฮล์ม-กรุงเทพฯ แค่ 3 วัน ทางรัฐบาลสวีเดนประกาศเรื่องโควิด หากประชากรสวีเดนออกนอกประเทศช่วงเวลานี้จะไม่สามารถใช้ประกันใดๆได้เลย ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุหรือติดเชื้อ ซึ่งตอนนั้นโรคนี้ค่อนข้างใหม่ทำให้พวกเราตัดสินใจยกเลิกไฟลท์ไปก่อน และคิดว่า "รอให้ทุกอย่างดีขึ้นแล้วพวกเราจะได้เจอกันอีก" ...สำหรับเราแล้วเราคิดแบบนี้จริงๆค่ะ ไม่เจอก็ไม่เป็นไร เรายังมีความหวังเสมอ หากแต่เราไม่รู้เลยว่าอีกฝั่งเสียใจและรู้สึกผิดหวัง เพราะคาดหวังกับทริปนี้มาตลอดหลายเดือนที่ไม่ได้เจอกัน ด้วยความที่เขาเป็นคนที่เก็บความรู้สึกบางครั้งเขาจะฝืนยิ้มเพื่อให้เรารู้สึกสบายใจ ทั้งๆที่ข้างในของเขานั้นบอบช้ำกับความผิดหวังอย่างมาก ...แต่เรากลับไม่รู้อะไรเลย
เขาตั้งใจหางานทำที่กรุงเทพฯมาตลอดค่ะ ทริปเดือนมีนาคมที่เกริ่นมาข้างต้น มีหลายบริษัทที่ตกลงจะให้มาเข้าสัมภาษณ์งานช่วงที่มาไทย แต่กลับถูกยกเลิกทั้งหมดด้วยสถานการณ์โรคระบาดที่ตอนนั้นยังไม่มีวัคซีน จากวันเปลี่ยนไปเป็นสัปดาห์ จากสัปดาห์เปลี่ยนเป็นเดือน และอีกหลายเดือนถัดไป จนเขาเริ่มท้อจนเห็นทางสีหน้าได้ชัดผ่านทางวิดีโอคอลที่เราคุยกันเป็นประจำ
เราไม่อยากเลิกกันเลย... เราไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นด้วยซ้ำ คริสดูดีเพรสอย่างเห็นได้ชัดหลายวัน เราในฐานะผู้สร้างความสุขให้ความสัมพันธ์นี้ไปรอด เราพยามทุกวิถีทางให้เขาพอจะยิ้มได้บ้าง แต่ความคาดหวังที่เขาแบกไว้ตลอดช่วงเวลาที่คบกัน บวกกับสถานการณ์ปัจจุบันที่มันไม่เอื้ออำนวยต่อคู่รักระยะทางไกลเลย ทำให้ร้อยมุกตลกของเราไม่มีความหมายอะไรเลย
บางครั้งการเลิกกันก็เป็นสิ่งที่สวยงามที่สุดที่เราจะทำให้คนๆนึงได้
สิ่งเดียวที่เราทำได้ก็คือ "ปล่อย" ปล่อยให้คนที่เรารักกลับไปรักตัวเองอย่างเต็มที่อีกครั้ง ให้เขาได้ใช้ชีวิตที่เขาเห็นและสัมผัสได้ตรงหน้า ไม่ใช่ความรักบนจอสกรีน เราได้แต่พูดกับตัวเองว่า... "เราขอโทษนะ ที่เราทำให้เธอมีความสุขเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้" แต่ไม่เป็นไรหรอก ถ้าหากการปล่อยมันทำให้เธอมีความสุขขึ้น เรายอมรับได้ ...เราแค่อยากเห็นเธอยิ้มแบบครั้งแรกที่เราเจอกันอีกครั้ง เราแค่ไม่อยากเห็นเธอต้องเจ็บปวดต่อไปอีกแล้ว ...เรารักเธอนะ
#boaboat
โฆษณา