7 พ.ค. 2021 เวลา 13:00 • ประวัติศาสตร์
สถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดเลย
วัดเนรมิตวิปัสนา เราจะมาพูดถึงประว้ติตั้งแต่วัดยังไม่ได้เริ่มสร้าง อาจจะยังไม่มีใครทราบมาก่อน หรือมีใครเขียนบทความไว้ ตัวผมเอง อาจจะจำได้คราวๆ เพราะตอนนั้นยังเด็กอยู่ แต่ได้ติดตามพ่อไป ซึ่งในตอนนั้นยังเป็นภูเขา ป่ารกๆ ยังไม่มีอะไรสักอย่างเดียว
ผมได้พบกับท่านหลวงพ่อมหาพันธ์ ซึ่งในตอนนั้นผมก็ไม่ทราบ ว่าเรียกขานนามท่านว่าอะไร แต่ที่เรียกติดปากคือ หลวงพ่อมหาพันธ์
ภาพปัจจุบันที่สร้างเสร็จเรียบร้อย งดงามมาก
เริ่มต้นก่อนที่จะมีวัดแห่งนี้เกิดขึ้นนั้น เท่าที่ผมจำได้ ท่านหลวงพ่อ มหาพันธ์ เดินธุดงค์มาเรื่อยๆ ซึ่งท่านเริ่มเดินมาจากที่ไหน ไม่อาจทราบได้ เพราะลูกศิษย์ก้นกุฎิ ชุดแรกเริ่มก็ได้แก่ หาย ตายจากไป เกือบจะหมดแล้ว รวมถึงพ่อของผมด้วย
ภาพถ่ายที่ผมสามารถหาได้ล่าสุด พระครูภาวนาพิสุทธิญาณ ถ่ายเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2540 ผ่านมา 26 ปี
ผมไม่รู้จะเริ่มเขียน จับจุดจากตรงไหน เพราะมันอยู่ในความทรงจำเด็กๆ เขียนไปแล้วไม่รู้ว่าภาษาที่ใช้จะถูกต้องเพียงใด ผิด ถูก ประการใด โปรดให้อภัยผมนะครับ บางส่วนข้อมูลอาจจะมีการคัดลอก มาบ้างนะครับ
วัดเนรมิตวิปัสสนา ตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2521 โดยพระครูภาวนาวิสุทธิญาน หรือหลวงพ่อมหาพันธ์ สีลวิสุมโธ เจ้าอาวาสรูปแรก แต่เดิม วัดมีชื่อว่า "วัดหัวนายูง" ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น "วัดเนรมิตวิปัสสนา"ในปีพ.ศ. 2521 ขณะหลวงพ่อมหาพันธ์ สิลวิสุทโธ พำนักจำพรรษาอยู่ที่วัดจำปา จังหวัดสุรินทร์ (บ้านเกิด) ท่านได้ปรารภในที่ ประชุมสงฆ์ว่า ท่านจะออกธุดงค์เดินทางไปเรื่อยไม่พำนักเป็นหลักแหล่งถาวรแต่ที่ประชุมมีความเห็นพ้องกันว่า หลวงพ่อมีอายุมากเกรงว่าจะได้รับความลำบาก อยากให้ท่านมีที่พำนักถาวร จะได้เป็นที่อาศัยเป็นเนื้อนา บุญแก่ ญาติโยมทั้งหลายซึ่งหลวงพ่อเองก็เห็นชอบด้วย ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2522 หลวงพ่อเป็นประธานออกเดินธุดงค์ พร้อมด้วยคณะสงฆ์ อุบาสก อุบาสิกา ได้เดินทางไปพำนักอยู่ที่พระธาตุศรีสองรัก อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ระหว่างนั้นหลวงพ่อได้ตัดสินใจหาสถานที่เป็นหลักแหล่งมั่นคงถาวร โดยเลือกเอาพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติซึ่ง ถูก ชาวบ้านบุกรุกเพื่อทำไร่เผาถ่านจนมีลักษณะเป็นที่โล่งเตียน เหมือนภูเขาหัวโล้น ที่เรียกว่า ภูเปือย ซึ่งทางวัดได้ รับอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยได้เมื่อตั้งวัดขึ้นจึงได้ปลูกป่าอนุรักษ์ให้คง สภาพเดิมมากที่สุด  เดือน พฤษภาคม พ.ศ. 2522 หลวงพ่อและคณะได้ปักกลดอยู่ ณ ที่ตั้งวัด พร้อมกับเร่งดำเนินการปลูกสร้างที่พักอาศัย ชั่วคราวขึ้น จากนั้นจึงทำการปรับพื้นที่ ปลูกสร้างถาวรวัตถุและในปีพ.ศ. 2529 ได้ร่วมกันสร้างอุโบสถ ภายในวัด ขึ้นมีขนาดกว้าง 40 เมตร ยาว 80 เมตร
วันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2540 หลวงพ่อท่านได้ มรณภาพภาพลง แต่ร่างของท่านไม่เน่าเปื่อย ปัจจุบันถูกเก็บอยู่ใน มณฑปด้านหลังอุโบสถ หลังจากที่หลวงพ่อมรณภาพลง พระครูภาวนาวิสุทธาภรณ์ เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน ได้รับ เป็นประธานดำเนินการก่อสร้างต่อ พร้อมด้วยบรรดาคณะศิษยานุศิษย์ พระภิกษุสามเณร ข้าราชการ ทหารตำรวจ พ่อค้าและประชาชนชาวอำเภอด่านซ้าย ใช้งบประมาณในการก่อสร้างประมาณ 197 ล้านบาท ใช้เวลาก่อสร้าง 14 ปี จึงแล้วเสร็จต่อมาในปีพ.ศ. 2549 วัดหัวนายูง เปลี่ยนชื่อเป็น วัดเนรมิตวิปัสสนา
วันที่ผมพบเจอท่านวันแรกคือ วันที่ท่านนั่งสมาธิ โดยไม่มีการฉันท์ข้าว ฉันท์น้ำแต่อย่างไร โดยมีมุ้งเก่าๆมัดกับต้นไม้ปิดคลุมร่างท่านไว้ วันที่ผมไปคือวันที่ท่านจะกลับมาเข้าร่าง ซึ่งท่านถอดจิตออกไปครบ เป็นวันที่ 7 คืนนั้นประมาณสองทุ่ม ผมตามพ่อไปด้วย กับชาวบ้านไม่น่าจะเกิน 10 ท่าน ปืนไต่ภูเขาขึ้นไป โดยบริเวณที่ท่านนั่งสมาธิ ถอดจิต น่าจะเป็นกุฎิที่ท่านจำพรรษาตลอด ซึ่งในปัจจุบันก็ยังเก็บรักษา คงไว้ในสภาพเช่นเดิมที่ท่านเคยอยู่ ภาพที่ผมจำได้คือ ท่านค่อยลืมตาขึ้น และค่อยๆขยับร่างกายลุกขึ้น ในสภาพที่ผอมมาก และหลังจากนั้นผมก็ไม่ได้สนใจอีกเลย เพราะยังเด็กมาก แต่ก็ยังช่วยพ่อทำหน้าที่ลูกศิษย์บ้างเป็นบางครั้ง จนกระทั่งผมได้มาบวชอยู่รับใช้ท่าน อย่างใกล้ชิด 1 พรรษา
ผมจำวันที่บวชไม่ได้ อยู่กับท่าน 1 พรรษา หลังจากสึกออกมาประมาณ 1 เดือน ท่านก็ได้มรณภาพ
โฆษณา