10 พ.ค. 2021 เวลา 09:28 • การศึกษา
ทำไมโรงเรียนจึงล้มเหลว?
ในหลายโรงเรียนในประเทศไทย รวมถึงหลักสูตรและวิธีสอนถูกออกแบบเพื่อเด็กจากชนชั้นอภิสิทธิ์มากกว่าเด็กธรรมดาทั่วไป ดังนั้นการพัฒนาการดำเนินงานของโรงเรียนจึงมักได้ผลลัพธ์ที่น่าเศร้า
หลายโรงเรียนไม่ได้ให้การศึกษาแก่เด็กทั่วไปได้ดีกว่า สาเหตุก็เพราะจุดประสงค์ทั้งหมดของโรงเรียนคือเตรียมความพร้อมให้เด็กที่เรียนเก่งที่สุดสอบผ่านการสอบที่ยากเย็นของรัฐ ซึ่งเป็น 'ประตูไปสู่ชีวิตที่ดีขึ้น'
การจะทำแบบนั้นได้ต้องใช้วิธีอัดความรู้ล่วงหน้าและครอบคลุมหลักสูตรให้ครบถ้วน การต้องทิ้งเด็กส่วนใหญ่ไว้เบื้องหลังเป็นเรื่องน่าเสียใจแต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้
บางโรงเรียน*มีนโยบายค่อนข้างชัดเจนว่าทุกปีจะไล่เด็กที่อยู่รั้งท้ายของระดับชั้นออก เพื่อที่ว่าเมื่อถึงเวลาสอบจบการศึกษา โรงเรียนจะได้อวดสถิติว่านักเรียนทุกคนสอบผ่าน
พ่อแม่เองก็สนับสนุนวิธีนี้ จึงไม่กดดันให้โรงเรียนเปลี่ยนนโยบาย พ่อแม่ก็ไม่ต่างกับคนอื่น คือต้องการให้โรงเรียนมอบการศึกษาแบบ "อภิสิทธิ์ชน" ให้ลูก ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้อยู่ในฐานะจะตรวจสอบว่าจริงๆ แล้วโรงเรียนสอนอะไร หรือไม่ได้หยุดคิดว่าเด็กจะได้รับประโยชน์อะไรจากการศึกษาแบบนั้น
ผลที่ตามมาคือระหว่างปีการศึกษาปกติ การช่วยเหลือเด็กอ่อนไม่ใช่หน้าที่ของครูอีกต่อไป หรืออย่างน้อยครูก็ถูกทำให้เชื่อแบบนั้น
แต่เราจะโทษครูอย่างเดียวก็ไม่ได้ ครูคนเดิมที่เคยสอนได้ดีมากในค่ายฤดูร้อน (หรือสถาบันสอนพิเศษ) กลับช่วยแก้ปัญหาให้เด็กไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ข้อจำกัดจากวิธีการสอนที่รัฐกำหนดและความพยายามที่จะสอนให้ครบหลักสูตรดูจะเป็นอุปสรรคที่ใหญ่เกินไป อย่างกฏหมายสิทธิทางการศึกษาที่กำหนดต้องให้ครูสอนให้ครบหลักสูตร
หากมองในภาพกว้างระดับสังคม ความเชื่อและพฤติกรรมรูปแบบนี้ทำให้ระบบการศึกษาส่วนใหญ่ไม่ยุติธรรมและใช้ทรัพยากรโดยเปล่าประโยชน์ พ่อแม่ผู้มีอันจะกินส่งลูกไปโรงเรียนที่ไม่เพียงสอนมากกว่าและดีกว่า แต่ยังมีครูที่รู้สึกเห็นอกเห็นใจและพร้อมช่วยเหลือให้เด็กบรรลุศักยภาพที่แท้จริง
ลูกหลานคนจนเรียนในโรงเรียนที่ทำให้รู้สึกตั้งแต่เริ่มแรกว่าพวกเขาไม่เป็นที่ต้องการ เว้นเสียแต่ว่าจะแสดงพรสวรรค์อันโดดเด่นให้ครูเห็น
เด็กเหล่านี้ถูกคาดหวังให้ยอมทรมาณแบบเงียบ ๆ จนกว่าจะออกจากโรงเรียนไปเอง
สิ่งนี้ทำให้ความรู้ความสามารถต้องสูญเสียไปมหาศาล ในบรรดาคนที่ออกจากโรงเรียนตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาถึงมหาวิทยาลัย รวมทั้งคนที่ไม่เคยได้เรียยนหนังสือเลย ส่วนใหญ่เป็นเหยื่อของแนวคิดที่ผิดพลาดไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง พ่อแม่อาจจะยอมแพ้เร็วเกินไป ครูอาจไม่เคยพยายามสอน หรือเด็กไม่มีความมั่นใจในตัวเอง
แน่นอนว่าคนเหล่านี้บางคนมีศักยภาพที่จะเป็นศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์หรือเจ้าของธุรกิจชั้นนำได้ ทว่าในความเป็นจริง พวกเขากลับเป็นแรงงานหรือลูกจ้างร้านขายของ หรือถ้าโชคดีหน่อยก็อาจได้งานเสมียนเล็ก ๆ สักตำแหน่ง
ที่ยืนในสังคมที่คนเหล่านี้ทิ้งไว้ถูกฉกฉวยไปซึ่ง ๆ หน้า โดยเด็กที่ไม่มีอะไรโดดเด่น แต่มีพ่อแม่ที่เพียบพร้อมด้วยทรัพยากรและยินดีทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกประสบความสำเร็จ
*โรงเรียนในกัลกัตตา
Reference: Poor economics
โฆษณา