10 พ.ค. 2021 เวลา 14:27 • ไลฟ์สไตล์
If you don't find a way to make money while you sleep, you will work until you die
4
“หากคุณไม่สามารถทำเงินขณะนอนหลับได้ คุณก็ต้องทำงานไปจนวันตาย”
นี่เป็นคำพูดของวอร์เรน บัฟเฟต นักลงทุนหุ้นคุณค่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลและยิ่งใหญ่ที่สุดในใจของผม
ผมเริ่มเขียนบันทึกการเดินทางครั้งนี้ในคืนวันศุกร์ที่ฝนตกพรำ ในห้องนอนของบ้านพักราชการที่ผมพักอยู่
ผมมีทั้งข่าวดีและข่าวร้ายเกิดขึ้นไม่นานมานี้ครับ
ข่าวดีคือ ผมมีเงินเก็บครบหนึ่งล้านบาทแล้ว! บางคนอาจบอกแค่หนึ่งล้าน บางคนก็บอกว่าตั้งหนึ่งล้าน
หนึ่งล้านบาทดูจะเป็นจำนวนเงินที่มากสำหรับผมอยู่ทีเดียวครับ
เพราะต้องใช้เวลากว่าสองปีในการเก็บ ผ่านการทำงานสามงานพร้อมๆกัน หกวันต่ออาทิตย์มาตลอดสองปีหลังเรียนจบ
ความจริงแล้วผมได้วางแผนไว้ตั้งแต่วันที่เรียนจบว่าจะทำอย่างไรให้ได้หนึ่งล้านบาทแรกมาและทำตามแผนอย่างต่อเนื่องเสมอมา
ตามแผนนั้นจะต้องใช้เวลาสองปีกับอีกหกเดือน แต่โชคดีที่การร่วงของตลาดหุ้นโลกในช่วงโควิดทำให้การลงทุนให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าที่ผมคาด
แต่กว่าจะเดินมาถึงจุดนี้ได้ ก็นับว่าเหนื่อยอยู่ไม่น้อยเลย
แต่ข่าวร้ายคือ
คุณพ่อของผมตรวจพบมะเร็งครับ
หมอบอกว่ามันเริ่มขึ้นที่ตับ ผ่านวันคืนและการละเลย จนวันนี้ได้กระจายไปสามที่ ได้แก่ ต่อมน้ำเหลือง กระดูก และปอด
ความจริงแล้วผมก็คิดไว้ใจนึง ว่าสักวัน วันนี้คงต้องมาถึง เมื่อมองดูพฤติกรรมการดูแลตัวเองของพ่อ
แค่ไม่นึกว่าจะมาเร็วและไม่นึกว่าการยอมรับความจริงจะเป็นดั่งยาขม
ท่านจำเป็นต้องรับยามุ่งเป้าหรือ Targeted therapy
1
ที่จะจับกับเซลล์มะเร็งเพื่อชะลอการเติบโตหรือทำลายลงไป
โชคดีที่พ่อมีสิทธิราชการ จึงสามารถเบิกได้ครอบคลุมแทบทั้งหมด
แต่ก็โชคร้ายที่ยาที่ท่านได้รับนั้น ไม่ใช่ยาที่ดีที่สุด
ยามุ่งเป้านั้นมีหลายสูตร หลายยี่ห้อ
เพื่อให้เหมาะสมกับมะเร็งชนิดแตกต่างกันไป ชุดยาที่เหมาะสมกับพ่อที่สุดนั้น ไม่สามารถเบิกได้ด้วยสิทธิราชการ หากจะจ่ายเอง ราคาจะอยู่ที่ประมาณเดือนละหนึ่งแสนสองหมื่นบาทเป็นอย่างต่ำ
ที่บ้านจึงได้ปรึกษากันและเลือกชุดยาที่สามารถเบิกได้ แม้นั่นจะไม่ใช่ยาที่เหมาะสมที่สุดก็ตาม
คุณเคยอ่านหนังสือพ่อรวยสอนลูกมั้ยครับ?
หนังสือของคุณโรเบิร์ต คิโยซากิ ที่ว่าด้วยคุณพ่อสองคน ที่ล้วนสอนให้เค้าเติบโตมาเข้มแข็ง
คนแรกคือพ่อที่แท้จริงที่ให้กำเนิดเค้า คือพ่อจน
ส่วนคนที่สองคือพ่อที่สอนให้เค้ารู้จักอิสรภาพที่แท้จริง หรือก็คือ “อิสรภาพทางการเงิน”
พ่อของผมนั้นเปรียบได้กับพ่อจนเลยทีเดียว
เป็นพ่อที่สอนให้ผมตั้งใจเรียน หางานดีๆที่มั่นคงทำ ขยันอดออม ซื้อบ้าน แต่งงาน และเกษียณอายุด้วยเงินบำนาญ
ไม่ได้จะบอกว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผิดนะครับ
เพราะพ่อผู้รับราชการคนนี้ก็ดูแลผม พี่สาว พี่ชายจนจบมหาวิทยาลัย ได้รับการดูแล ได้รับโอกาสและการศึกษาที่ดีเยี่ยมในมหาวิทยาลัยระดับประเทศ
ครอบครัวผมก็มีความสุขกันมากๆ กับช่วงเวลาที่ผ่านมา
เราถือเป็นครอบครัวชนชั้นกลางที่ไม่ได้ขัดสนอะไร
ได้ทานอาหารที่อยากทาน ได้เรียนอะไรที่อยากเรียน ป่วยไข้ก็ได้เข้าโรงพยาบาล มีบ้านและสังคมที่ปลอดภัย
ผมจึงถูกสอนมาตลอดว่า ตั้งใจเรียน หางานดีๆที่มั่นคงทำ ขยันอดออมออม ซื้อบ้าน แต่งงาน และเกษียณอายุ
แต่ชีวิตกลับไม่แน่นอน และให้บทเรียนกับครอบครัวเรา
ในวันที่พ่อหมดภาระทุกอย่าง และพร้อมจะใช้ชีวิตวัยเกษียณอย่างสงบ
แต่ความเจ็บไข้ไม่เคยปล่อยให้เราได้นั่งสงบใต้ร่มไม้พร้อมดูหลานๆเติบใหญ่
ทำให้ผมกลับมาคิดว่า
หากเราต้องใช้เวลาทั้งชีวิตทำงานที่เราก็ไม่ได้จะรักสักเท่าไหร่นัก
เพื่อปลายทางที่เราไม่แน่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้น
สู้เราหาวิธีให้เงินทำงานร่วมไปพร้อมกันกับเรา และมีอิสรภาพที่จะใช้ชีวิตในแบบที่อยากไม่ดีกว่าหรือ
หลังเรียนจบและเริ่มทำงาน
ผมได้อ่านหนังสือหลายๆเล่มของทั้งคนไทยและคนต่างชาติ
ทำให้ผมได้รู้จักกับคำว่า “อิสรภาพทางการเงิน”
เมื่อยิ่งได้ทำความเข้าใจ เรียนรู้ และวางแผนอย่างถี่ถ้วนแล้ว
อิสรภาพทางการเงินจึงกลายเป็นสิ่งที่สำคัญและเป้าหมายในชีวิตที่เหลืออยู่ของผม
1
และผมรู้ว่าผมทำได้ แค่ไม่รู้ว่าจะไปถึงมันเมื่อไหร่
ผมหวังที่จะทำให้ชีวิตที่เหลืออยู่นั้น
มีความสุขได้มากกว่า
มีเวลาได้ทำสิ่งที่ชอบ
ได้ทำสิ่งที่รักกับคนที่เรารัก
และมีอิสระจากทั้งการเงินและการงาน
ดั่งคำกล่าวของเกอร์ทรูดสไตน์นักกวีชาวอเมริกา ที่กล่าวไว้ว่า
“Money can't buy happiness but poverty can't buy anything”
เงินมิอาจซื้อความสุขได้ แต่ความยากจนไม่เคยซื้ออะไรได้เลย
ดังนั้นการมีมากไม่ใช่ความโลภ
แต่คือความมั่นคง
บันทึกนี้เขียนมาเพื่อบันทึกการเดินทางของผม
ที่ตั้งเป้าว่าจะมีอิสรภาพทางการเงิน
ในวันที่ผมเก็บเงินได้เพียงพอ และนำไปลงทุนผ่านกองทุนรวม หุ้น หรือบริษัทการเงินส่วนบุคคลก็แล้วแต่
เพื่อให้มีกระแสเงินสดเพียงพอ ที่ผมจะมีอิสรภาพทางการเงิน
ผมจะเขียนบันทึกนี้
โดยมีการอัพเดทยอดเงินอยู่เรื่อยๆ เพื่อย้ำเตือนถึงทุกก้าวที่เดินไป
และจะคอยแนะนำหนังสือที่ชอบที่เกี่ยวข้องกับชีวิตและอิสรภาพทางการเงิน บทสัมภาษณ์บุคคลโด่งดังที่ผมชอบฟัง
บทความและวิธีการเก็บเงินและเพิ่มมูลค่าเงินที่ผมทำจริง
ทั้งที่ได้ผล และไม่ได้ผล กำไรและขาดทุน เรียนรู้ไปด้วยกันจนสุดทางนะครับ
ผมไม่ได้จะมาทำตัวเป็นอาจารย์หรือผู้เชี่ยวชาญอะไร
เพราะเงินที่มีอยู่นั้นมันช่างจิ้บจ๊อยสิ้นดี
แต่ผมอยากจะมาบอกเล่าวิธีการ และบันทึกประสบการณ์
เพื่อหวังว่าวันหนึ่ง เราจะบรรลุเป้าหมายที่เรียกว่าอิสรภาพทางการเงินไปด้วยกันนะครับ
และถึงแม้จะไม่ถึงเป้าหมายที่วางไว้
แต่ผมก็คิดว่าชีวิตก็คงจะดีขึ้นบ้างไม่มากก็น้อย
จากทรัพย์สินที่เราได้สร้างมาครับ
ขอบคุณที่ร่วมเดินทางไปด้วยกันครับ
โฆษณา