คุณกำลังมีความทุกข์อยู่รึปล่าวคะ ถ้าใช่อ่านต่อไปให้จบนะคะ ไม่ว่าคุณจะมีความทุกข์แบบไหน ทุกข์เพราะอกหักรักคุด ทุกข์เพราะตกงานไม่มีเงินใช้ ทุกข์เพราะหนี้สินรุงรัง ทุกข์เพราะนานาจิตตังฯลฯ "กฎไตรลักษณ์" ช่วยคุณได้อย่าง 100% ค่ะ ทำไม? นะหรือคะ เพราะฉันก็เป็นคนหนึ่งที่มีความทุกข์มหาศาลในความคิดของตัวฉันเอง ทุกข์ตั้งแต่วัยเด็กจำความได้ พอโตเป็นผู้ใหญ่รับรู้ถึงความรู้สึกในวัยเด็ก สิ่งที่เกิดขึ้นกับเราในวัยเด็กมันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องในหลายๆอย่างมันไม่สมควรเกิดขึ้นกับเด็กที่เป็นเหมือนผ้าขาว ควรจะมีแต่สิ่งดีๆ มอบให้กับเด็กสิ ฉันคิดแบบนี้ แต่ฉันลืมไปว่า คนอื่นบนโลกใบนี้ เขาอาจจะเจอสิ่งเรวร้ายมากว่าเรา บางคนหรือหลายๆคน ทำไมเขาเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานได้หล่ะ เพราะคนเหล่านั้นรู้จักปล่อยวาง
ฉันเชื่อว่าหลายๆคนบนโลกใบนี้ รู้และเข้าใจใน "กฎไตรลักษณ์" เป็นอย่างดีและหลายๆคนก็ยังไม่เคยรู้จัก ส่วนตัวฉันเองก็เพิ่งจะมารู้จัก "กฎไตรลักษณ์" เมื่อไม่นานมานี้เอง "พุทธศาสนา" ใครก็รู้จักถ้าเป็นคนไทยนับถือศาสนาพุทธ หรือคนประเทศอื่นที่นับถือศาสนาพุทธ พอจำความได้ก็จะรู้จักคำว่า "พุทธศาสนา" แต่ก็ยังไม่รู้ซึ้งถึงความหมายที่ลึกซึ้งไปกว่าคำว่า "พุทธศาสนา"
เมื่อกล่าวถึง "พุทธศาสนา" ฟังดูแล้วก็เหมือนเป็นธรรมะธรรมโมจนเกินไป คนทั่วไปไม่สนใจ มีแต่พวกนักบวชเท่านั้นแต่ตามความเป็นจริงแล้วมันไม่ใช่้พียงแค่นักบวชเท่านั้นที่จะเรียนรู้หลักพระพุทธศาสนาแต่มันเป็นความจำเป็นที่ทุกคนบนโลกใบนี้ควรที่จะเรียนรู้หลักของพระพุทธศาสนาให้เข้าใจเพื่อที่จะใช้ชีวิตได้ย่างมีความสุขสงบ และถ้าทุกคนบนโลกใบนี้เข้าใจใน "กฏไตรลักษณ์" หรือจะให้เข้าใจง่ายๆก็คือ "กฏธรรมชาติ" ไม่ว่าบ้านเมืองไหน สังคมไหน บ้านเมืองไหน ก็จะต้องมีกฏตั้งไว้ให้ดำเนินตามไปตามกฏกติกาในทางเดียวกันบ้านเมืองต่างๆก็จะได้สงบสุขไม่วุ่นวายและต่อจากนี้ไปเราจะมาเรียนรู้เรื่อง "กฏไตรลักษณ์" กันเลยค่ะ
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไตรลักษณ์ ๓ ประการ "ไตรลักษณ์" หมายถึง สภาพที่เป็นปกติวิสัยหรือเป็นไปตามธรรมชาติ หรืออาจเรียกว่าเป็นทฤษฎีแห่งความเหมาะ เพราะทุกสิ่งบนโลกนี้จะอยู่ในกฏหรือภาวะเช่นนี้เหมือนกันทั้งหมด "ไตรลักษณ์" จึงเป็นหลักสัจธรรมทางพระพุทธศาสนา ที่มุ่งสอนให้เข้าใจชีวิตที่เป็นไปตามธรรมดา ตามความเป็นจริง ทำให้เราตระหนักรู้และเกิดความเข้าใจว่า ชีวิตนั้นเป็นอย่างไร เกิดความรู้เท่าทันและรับรู้ต่อทุกอาการของการปฏิบัติตน
หลักสัจธรรมคำสอนที่สำคัญในพระพุทธศาสนามีหลักสัจธรรมหรือคำสอนที่สำคัญสำหรับพุทธศาสนิกชนอยู่เป็นจำนวนมากโดยไตรลักษณ์นั้นก็เป็นหลักคำสอนที่สำคัญประการหนึ่งที่มุ่งให้ระลึกถึงความเป็นปกติธรรมดาของสรรพสิ่งบนโลกนี้ สอดรับคำว่า เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป เป็นอาการสามัญของทุกสรรพสิ่ง ทั้งนามธรรมและรูปธรรม คำว่า "ไตรลักษณ์" เป็น "คำสันสกฤต" ที่นำมาใช้เป็นภาษาไทย ซึ่งมาจากคำว่า "ไตร" หรือ "ติ" ที่แปลว่า ๓ รวมกับคำว่า "ลักษณะ" หรือ "ลักขณะ" ที่แปลว่าที่เป็นสามัญทั่วไปรวมกันแล้วจึงหมายความว่าลักษณะที่เป็นสามัญทั่วไป ๓ ประการ ซึ่งมีดังต่อไปนี้
๑. อนิจจัง หรือ อนิจจตา
อนิจจัง หรือ อนิจจตาแห่งไตรลักษณ์ ๓ คือ ความเป็นของไม่เที่ยง หมายถึง ความไม่เที่ยง ความไม่ถาวรคงที่แน่นอน ความไม่คงที่อยู่ได้ ในสภาพเดิมตลอดไป ภาวะที่เกิดขึ้นแล้วเสื่อมสลายแปรปรวนไป กล่าวคือ ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอไม่มีสิ่งใดหยุดนิ่งคงที่อยู่อย่างเดิมได้ตลอดไป ขึ้นอยู่กับว่าจะเปลี่ยนแปลงช้าหรือเปลี่ยนแปลงเร็วเท่านั้น แต่ที่แน่ๆก็คือสิ่งต่างๆทั้งหมด จะถูกกาลเวลาทำให้เปลี่ยนแปลงเปลี่ยนสภาพไปอย่างแน่นอน สิ่งใดที่มีการเกิดขึ้นในตอนต้นสิ่งนั้นแม้จะคงมีอยู่ ในท่ามกลางแต่ก็ยังต้องมีความเสื่อมสลายดับไปในที่สุดซึ่งนั่นเป็นสิ่งธรรมดาแท้ของโลก
หลักอนิจจตา หรือความไม่เที่ยง จะปรากฏขึ้นเมื่อสรรพสิ่งไม่ว่าจะมีรูปร่าง รูปธรรมหรือไม่มีรูปร่าง อรูปธรรม ก็ตาม มีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับสูญสลายไป ถ้าเราใส่ใจ และพิจารณาให้ดีในตนเองและสรรพสิ่งรอบข้างก็จะเห็นได้ว่าคนเรามักจะเข้าไปยึดติดสิ่งต่างๆจนเกิดความเข้าใจผิดคิดว่าสิ่งที่ตนเห็นหรือเกี่ยวข้องมีตัวตนจริงแล้วยึดมั่นถือมั่นพยายามรักษา ป้องกันมิให้สิ่งที่ตนชอบพอใจรักใคร่ เปลี่ยนแปลงไป แต่ถ้าเป็นสิ่งที่ตนไม่ชอบ หรือไม่รักใคร่ก็จะพยายามให้สิ่งนั้นเปลี่ยนแปลงไป ในทางที่ดี ภาวะของความไม่เที่ยงมีสภาพเป็นกลางๆ ไม่ดี ไม่ชั่ว ขึ้นอยู่กับการสมมติบัญญัติ แตไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบเจริญหรือเสื่อมก็คือความไม่เที่ยง เปลี่ยนแปลงนั่นเอง
พระพุทธศาสนาสอนหลัก อนิจจตา มิใช่ให้เรายึดติดหรือหลีกหนีความไม่เที่ยงแต่สอนเพื่อให้เราเห็น หรือเข้าใจกฏธรรมชาติของความไม่เที่ยงว่า ทุกสิ่งเป็นไปภายใต้กฏของความเปลี่ยนแปลงไม่คงที่ถาวรอยู่อย่างเดิมได้ตลอดไป เมื่อเรามองเห็นและเข้าใจกฏธรรมชาตินี้แล้วก็จะเกิดความรู้เท่าทันสามารถดึงเอาคุณค่าของความจริงข้อนี้มาปฏิบัติดำเนินชีวิตได้อย่างเหมาะสมโดยการไม่เข้าไปยึดมั่นว่าเป็น ตัวนั้น สิ่งนั้น อันจะทำให้เกิดความยึดมั่นต่อไปว่า "ของเรา" และโดยการไม่ประมาทในการเวลาในชีวิตและวัยเป็นต้น การรู้และเข้าใจจนเกิดความรู้เท่าทันต่อกฏของความไม่เที่ยงอย่างนี้จะช่วยให้เราไม่เกิดความทุกข์เกินสมควรในยามเมื่อเกิดความเสื่อม ความสูญเสียหรือพลัดพราดขึ้นกับตนเองและไม่หลงจนเกิดความประมาทในความเจริญและความสุขสบาย
ความไม่เที่ยง ความไม่คงที่ เปลี่ยนแปลงของหลัก "อนิจจตา" ปรากฏขณะที่สรรพสิ่ง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และ ดับไป ใน ๓ จังหวะ คือ สิ่งที่เป็นรูปธรรมมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น สังเกตได้จาก ๓ จังหวะนี้คือ
๑. "อุปจย" มีการเกิดขึ้น
๒. "สันตติ" มีการสืบต่อ
๓. "ชรตา" มีการตาย แตกดับ และสลายไป
- ส่วนสิ่งที่เป็นนามธรรม มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น สังเกตได้จาก ๓ จังหวะคือ
๑. "อุปปาทา" มีการเกิดขึ้นของความรู้สึก จำได้ หมายรู้ คิดนึก และรับรู้ในทางจิต
๒. "ฐติ" มีการตั้งอยู่ชั่วขณะ ของความรู้สึก จำได้ หมายรู้ คิดนึก และรับรู้ในทางจิต
๓. "ภังคะ" มีการแตกดับสิ้นสุดไปของความรู้สึก จำได้ หมายรู้ คิดนึก และรับรู้ในทางจิต