10 พ.ค. 2021 เวลา 15:58 • หุ้น & เศรษฐกิจ
เทคนิคพื้นฐานการดูเทรนไลน์
เพื่อใช้ในการทำกำไร
Trend Line หรือ แนวโน้ม เป็นเทคนิคพื้นฐานที่ทุกคนอาจจะลืมใส่ใจกับการ เทรดเพราะจะเป็นตัวกำหนด “ทิศทาง” ในการเทรดของเรา จะทำให้เราเข้าใจกราฟมากขึ้น และเป็นตัวสำคัญที่จะเพิ่มเปอร์เซ็นในการชนะตลาด Forex อีกด้วย
วันนี้ผมจึงอยากจะย้ำถึงความสำคัญของ Trend Line
Trend Line หรือ แนวโน้ม จะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทด้วยกัน คือ
แนวโน้มขาขึ้น (Uptrend)
แนวโน้มขาลง (Downtrend)
แนวโน้มเคลื่อนที่ไปด้านข้าง (Sideway)
2
ทั้ง 3 ประเภทนี้จะช่วยให้เราสามารถเข้าเทรดได้ถูกจุด ทั้งยังมีเหตุผลในการเทรดมากขึ้น เราไปดูประเภทแรกกันดีกว่า
*****
ผู้สนับสนุน
สนใจเปิดบัญชี ค่าคอมหุ้น 0.08 %
TFEX สัญญาละ 18-20
กับโบรคเกอร์
พร้อมเข้ากลุ่ม VIP
แจ้งชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรทาง INBOX ได้เลยครับ
1
1. แนวโน้มขาขึ้น (Uptrend)
คือแนวโน้มของราคาที่เคลื่อนที่เพิ่มขึ้นของกราฟ จะมีลักษณะดังนี้
2
จุดสูงสุดใหม่ จะอยู่สูงกว่า จุดสูงสุดเก่าเสมอ หรือ Highใหม่ จะอยู่สูงกว่า Highเก่า คือ H1 < H2 < H3 ดังรูป
จุดต่ำสุดใหม่ จะอยู่สูงกว่า จุดต่ำสุดเก่าเสมอ หรือ Lowใหม่ จะอยู่สูงกว่า Lowเก่า คือ L1 < L2 ดังรูป
จากนั้นเมื่อกราฟขึ้นไปถึงจุดจุดหนึ่ง กราฟจะเลือกทิศทางอีกทีจะขึ้น หรือลง
เราสามารถเลือกจุดเข้าซื้อได้ 2 แบบคือ ตามเทรน หรือสวนทาง
กรณีตามเทรน ให้เราสังเกตจุดต่ำสุด คือ L1 กับ L2 เราสามารถเปิดออเดอร์ Buy ได้ในสองจุดนี้ และปิดออเดอร์ได้ตามความต้องการ หรือปิดเมื่อกราฟไปแตะเส้นเทรนไลน์เส้นบน ในกรณีนี้ความเสี่ยงจะน้อยกว่าสวนทาง เพราะกราฟกำลังมีแนวโน้มขึ้น
1
กรณีสวนทาง ให้เราสังเกตจุดสูงสุด คือ H1 H2 และH3 เราสามารถเปิดออเดอร์ Sell ได้ในสามจุดนี้ และปิดออเดอร์ได้ตามความต้องการ หรือปิดเมื่อกราฟไปแตะเส้นเทรนไลน์เส้นล่าง ในกรณีนี้ความเสี่ยงจะมากกว่าตามเทรน เพราะกราฟกำลังมีแนวโน้มขึ้น แต่เราจะได้กำไรตอนกราฟลง
1
จากภาพนี้เราจะเห็นได้ว่า กราฟมีลักษณะเป็น แนวโน้มขาขึ้น เมื่อเราทราบเราสามารถเปิดออเดอร์ Buy ได้ที่จุด L1 จากนั้นเราสามารถปิดออเดอร์ได้ตามความต้องการ หรือปิดเมื่อกราฟไปแตะเส้นเทรนไลน์เส้นบน และจะเห็นได้ว่าเมื่อกราฟขึ้นไปถึงจุด ๆ หนึ่งกราฟจะเลือกทิศทางลง ดังนั้น ควรระวังจุด ๆ นี้ไว้ให้ดี เพราะกราฟจะเปลี่ยนทิศทาง ถ้าเราเปิด Buy อีกครั้งก็อาจจะติดลบได้
ดังนั้นการที่เราจะเทรดตอนแนวโน้มขาขึ้น เราควรเปิดออเดอร์ Buy เพื่อลดความเสี่ยงดีกว่า เปิดออเดอร์ Sell สวนทาง
2
2. แนวโน้มขาลง (Downtrend)
คือแนวโน้มของราคาที่เคลื่อนที่ลดลงของกราฟ จะมีลักษณะดังนี้
จุดสูงสุดใหม่ จะอยู่ต่ำกว่า จุดสูงสุดเก่าเสมอ หรือ Highใหม่ จะอยู่ต่ำกว่า Highเก่า คือ H1 > H2 > H3 ดังรูป
จุดต่ำสุดใหม่ จะอยู่ต่ำกว่า จุดต่ำสุดเก่าเสมอ หรือ Lowใหม่ จะอยู่ต่ำกว่า Lowเก่า คือ L1 > L2 ดังรูป
จากนั้นเมื่อกราฟลงไปถึงจุด ๆ หนึ่ง กราฟจะเลือกทิศทางอีกที ว่าจะขึ้นหรือลง
เราสามารถเลือกจุดเข้าซื้อได้ 2 แบบคือ ตามเทรน หรือสวนทาง เช่นเดียวกัน
กรณีตามเทรน ให้เราสังเกตจุดสูงสุด คือ H1 H2 และH3 เราสามารถเปิดออเดอร์ Sell ได้ในสามจุดนี้ และปิดออเดอร์ได้ตามความต้องการ หรือปิดเมื่อกราฟไปแตะเส้นเทรนไลน์เส้นล่าง ในกรณีนี้ความเสี่ยงจะน้อยกว่าสวนทาง เพราะกราฟกำลังมีแนวโน้มลง
กรณีสวนทาง ให้เราสังเกตจุดสูงสุด คือ L1 กับ L2 เราสามารถเปิดออเดอร์ Buy ได้ในสองจุดนี้ และปิดออเดอร์ได้ตามความต้องการ หรือปิดเมื่อกราฟไปแตะเส้นเทรนไลน์เส้นบน ในกรณีนี้ความเสี่ยงจะมากกว่าตามเทรน เพราะกราฟกำลังมีแนวโน้มลง แต่เราจะได้กำไรตอนกราฟขึ้น
จากภาพนี้เราจะเห็นได้ว่า กราฟมีลักษณะเป็น แนวโน้มขาลง เมื่อเราทราบเราสามารถเปิดออเดอร์ Sell ได้ที่จุด H1 H2 H3 และH4 จากนั้นเราสามารถปิดออเดอร์ได้ตามความต้องการ หรือปิดเมื่อกราฟไปแตะเส้นเทรนไลน์เส้นล่าง และจะเห็นได้ว่าเมื่อกราฟลงไปถึงจุด ๆ หนึ่งกราฟจะเลือกทิศทางขึ้น ดังนั้นควรระวังจุด ๆ นี้ไว้ให้ดี เพราะกราฟจะเปลี่ยนทิศทาง ถ้าเราเปิด Sell อีกครั้งก็อาจจะติดลบได้
ดังนั้นการที่เราจะเทรดตอน แนวโน้มขาลง เราควรเปิดออเดอร์ Sell เพื่อลดความเสี่ยงดีกว่า เปิดออเดอร์ Buy สวนทาง
3. แนวโน้มเคลื่อนที่ไปด้านข้าง (Sideway)
คือแนวโน้มของราคาที่เคลื่อนที่ไปด้านข้างของกราฟ จะมีลักษณะดังนี้
จุดสูงสุดใหม่ จะอยู่ใกล้เคียงกับ จุดสูงสุดเก่าเสมอ หรือ Highใหม่ จะอยู่ใกล้เคียงกับ High เก่า คือ H1 = H2 = H3 ดังรูป
จุดต่ำสุดใหม่ จะอยู่ใกล้เคียงกับ จุดต่ำสุดเก่าเสมอ หรือ Lowใหม่ จะอยู่ใกล้เคียงกับ Low เก่า คือ L1 = L2 = L3 ดังรูป
จากนั้นเมื่อกราฟเคลื่อนที่ไปถึงจุด ๆ หนึ่ง กราฟจะเลือกทิศทางอีกที ว่าจะขึ้นหรือลง
เราสามารถเลือกจุดเข้าซื้อได้ 2 แบบคือ ตามเทรน หรือสวนทาง เช่นเดียวกัน
กรณีตามเทรน ให้เราสังเกตจุดสูงสุด คือ H1 H2 และH3 เราสามารถเปิดออเดอร์ Sell ได้ในสามจุดนี้ และปิดออเดอร์ได้ตามความต้องการ หรือปิดเมื่อกราฟไปแตะเส้นเทรนไลน์เส้นล่าง ในกรณีนี้ความเสี่ยงจะเท่า ๆ กัน 50:50
กรณีสวนทาง ให้เราสังเกตจุดสูงสุด คือ L1 L2 และL3 เราสามารถเปิดออเดอร์ Buy ได้ในสองจุดนี้ และปิดออเดอร์ได้ตามความต้องการ หรือปิดเมื่อกราฟไปแตะเส้นเทรนไลน์เส้นบน ในกรณีนี้ความเสี่ยงจะเท่า ๆ กัน 50:50
1
จากภาพนี้เราจะเห็นได้ว่า กราฟมีลักษณะเป็น แนวโน้มเคลื่อนที่ไปด้านข้าง เมื่อเราทราบเราสามารถเปิดออเดอร์ Sell ได้ที่จุด H1 H2 และH3 จากนั้นเราสามารถปิดออเดอร์ได้ตามความต้องการ หรือปิดเมื่อกราฟไปแตะเส้นเทรนไลน์เส้นล่าง และสามารถเปิดออเดอร์ Buy ได้ที่จุด L1 กับ L2 จากนั้นเราสามารถปิดออเดอร์ได้ตามความต้องการ หรือปิดเมื่อกราฟไปแตะเส้นเทรนไลน์เส้นบน จะเห็นได้ว่าเมื่อกราฟเคลื่อนที่ไปถึงจุดจุดหนึ่งกราฟจะเลือกทิศทางลง ดังนั้นควรระวังจุด ๆ นี้ไว้ให้ดี เพราะกราฟจะเปลี่ยนทิศทาง ได้ 50:50 ไม่แน่นอน
ดังนั้นการที่เราไม่ควรเทรดตอนแนวโน้มเคลื่อนที่ไปด้านข้าง เพราะกราฟมีโอกาสเปลี่ยนทิศทางได้ 50:50 ไม่แน่นอน
สรุป
นี่คือเทคนิคพื้นฐานที่ควรใส่ใจเป็นอันดับต้น ๆ เพราะ ผู้คนส่วนใหญ่มักจะลืมใส่ใจในเรื่อง Trend Line จึงทำให้เปอร์เซ็นการได้กำไรลดลงอย่างมาก แต่จะใช้แค่เทคนิคเรื่อง Trend Line อย่างเดียวในการเทรด ก็ไม่อาจที่จะได้กำไรอย่างสม่ำเสมอได้ ดังนั้นควรนำเทคนิคอื่น ๆ มาผสมรวมเข้าด้วยกัน ปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ และหาความรู้อย่างสม่ำเสมอ จะทำให้เปอร์เซ็นในการได้กำไรเพิ่มมากขึ้น
***ควรระวังเรื่องข่าวสารการเงินเศรษฐกิจของคู่เงินที่เราเทรด หรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น เหตุก่อการร้าย เพราะจะส่งผลกระทบต่อสถานะการเงินในคู่ที่เราเทรดและกราฟจะเพี้ยนไม่เป็นไปตามที่เราวิเคราะห์
โฆษณา