Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Hokkaido Diary
•
ติดตาม
11 พ.ค. 2021 เวลา 07:03 • ไลฟ์สไตล์
บ้านไม่รวย เงินไม่มี แล้วจะไปอยู่หรือเรียนต่อที่ญี่ปุ่นได้มั้ย...?
คำตอบคือ "ได้ค่ะ"
หวังว่าโพสต์นี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้คนที่ไม่ได้มีต้นทุนอะไรเลยแบบเราได้ทำตามความฝันของตัวเองให้เป็นจริงนะคะ😁
(ปี2015) งานเทศกาลอาหารต่างชาติ เราอยู่บูธอาหารไทย ทำต้มยำกุ้งแจกค่ะ
เราเป็นเด็กบ้านนอกคนนึง เราเกิดในครอบครัวข้าราชการที่พ่อแม่หย่าร้างกัน นอกจากจะไม่มีเงินแล้วที่บ้านเรายังมีหนี้สินอีกด้วยค่ะ...
เราเป็นคนจ.พะเยา เกิดและเรียนที่นี่มาจนถึงชั้นม.ต้น เรามีความชอบประเทศญี่ปุ่นมาตั้งแต่ป.6 ชอบนักร้อง ชอบการ์ตูน ชอบเพลง ชอบรายการ เราเสพภาษาญี่ปุ่นจากรายการทีวีในยูทูปที่มีคนเอามาปล่อยแบบภาพแตกๆ ชอบฟังสำเนียง ดูไปก็หัวเราะและร้องไห้ตามทั้งๆที่ฟังไม่ออกซักคำ
เราก็เลยมุ่งมั่นว่าตอนม.ปลายเราจะเรียนสายศิลป์-ญี่ปุ่นให้ได้ แต่ด้วยความที่ภาพลักษณ์ของศิลป์ภาษาในตอนนั้นคือมันเละมากๆ คนรอบข้างเราเลยพยายามโน้มน้าวให้เราไปเรียนสายวิทย์เพราะคิดว่าสามารถไปต่อยอดได้หลายอาชีพ แต่เราไม่สนใจและมุ่งสอบจนติดสายศิลป์-ญี่ปุ่นตามที่หวังในโรงเรียนแห่งหนึ่งในจ.เชียงใหม่
(ปี2015) ประกวดดาวมหาลัย เหมือนช่างทำผมเกลียดเราอ่ะ555555 ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่ามิสคอน เราเข้าร่วมเพราะเราไม่รู้ มีคนญี่ปุ่นมาชวน เราถามว่าทำไรบ้าง เค้าบอกใส่ชุดกิโมโนแล้วเดินๆ เราก็โอเคเพราะคิดว่าเด็กต่างชาติคนอื่นก็เข้าร่วมด้วย ปรากฏว่าไม่ใช่! มารู้อีกทีคือเค้าพาไปเลือกชุด มีเราเลือกเขียวคนเดียวเพราะลายน่ารักดี ส่วนคนญี่ปุ่นคนอื่นเลือกแต่สีแดง วันนั้นอายจนนอนไม่หลับ
ตอนม.4 เราเคยขอเงินแม่ไปแลกเปลี่ยนที่ญี่ปุ่น 10 วันกับโรงเรียน(มารู้ทีหลังว่าแม่ไปยืมเงินลุงมาจ่ายให้เพราะแม่ไม่มีเงินจริงๆแต่อยากให้เราไป😭) พอกลับไทยมาเราก็รู้สึกว่ายังไม่พอ เราอยากอยู่นานกว่านั้น เราสนุกกับการไปเจออะไรใหม่ๆในญี่ปุ่น พอขึ้นม.5เราก็เลยพยายามไปสอบทุนแลกเปลี่ยนต่างๆ ทั้งyes ef oeg ฯลฯ ตอนนั้นไม่ได้คิดแล้วว่าต้องเป็นญี่ปุ่น คือเป็นประเทศอะไรก็ได้แล้วตอนนั้นขอแค่ได้ไปก็พอ
เราถึงขั้นยอมนั่งรถทัวร์จากเชียงใหม่แล้วมาพักกับน้าที่กรุงเทพเพื่อสอบสัมภาษณ์เลยค่ะ แต่ทางครอบครัวเราก็ไม่ได้มีเงินมากพอจะซัพพอร์ตตรงนี้ เราเลยต้องหาทุนที่จะให้ไปเรียนฟรี 100% เท่านั้น สุดท้ายก็มาตกที่รอบสัมภาษณ์ทุกที เลยต้องยอมถอดใจไป
ชีวิตของเรามาเปลี่ยนอีกทีตอนเข้ามหาวิทยาลัยค่ะ ตอนนั้นทะเลาะกับที่บ้าน น้อยใจว่าทำไมเราไม่มีเงินเหมือนคนอื่น เลยประชดแม่ว่าจะไม่เรียนต่อมหาลัยและไปทำงานโดยไม่ง้อเงินที่บ้านอีก แต่บังเอิญมากๆที่ได้เข้าไปในเว็บเด็กดีแล้วเจอเข้ากับ “ทุนรัตนมงคล” ของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เป็นทุนที่ให้เรียนฟรี 4 ปีพร้อมเงินเดือนเดือนละ 6,000 บาท มีเงื่อนไขคือต้องทำเกรดให้ได้มากกว่า 3.0 ทุกเทอมและทำกิจกรรมของมหาลัย(ไม่แน่ใจว่าตอนนี้ยังมีอยู่มั้ย) ตอนนั้นคิดว่าถ้าเราได้ทุนนี้ก็ถือว่าเราได้ออกจากบ้านมาโดยไม่ต้องพึ่งพาเงินครอบครัวจริงๆ และโชคดีมากๆที่ม.หอการค้ามีคณะมนุษย์ศาสตร์เอกภาษาญี่ปุ่นด้วย เราก็เลยเลือกเรียนสาขานี้ค่ะ
(ปี2015) ไปร่วมกิจกรรมขุดหน่อไม้กับเพื่อนๆ ที่ญี่ปุ่นบางพื้นที่ต้นไผ่ถือว่าเป็นปัญหา ฝนตกมาทีก็ล้มแกะกะขวาทาง การที่เราไปช่วยขุดหน่อยไม้ตอนที่มันยังไม่โตเป็นต้นไผ่ก็ถือว่าเป็นอาสาสมัครอย่างหนึ่งค่ะ
ด้วยความที่มหาวิทยาลัยของเราเป็นเอกชนก็เลยไม่มีทุนแลกเปลี่ยน ตอนนั้นเราก็พยายามไปแข่ง+สอบเกี่ยวกับญี่ปุ่นที่เค้าจะให้รางวัลเป็นตั๋วไปญี่ปุ่น แต่เราก็ไม่ผ่านทุกครั้ง
สารภาพเลยว่าถอดใจไปแล้วหลายรอบ คิดว่าคนไม่มีเงินอย่างเราคงไม่มีโอกาสได้ไปอยู่ญี่ปุ่นแน่ ก็เลยทำงานพิเศษ รับสอนหนังสือ+ทำงานล่าม เพื่อเก็บเงินและหวังว่าเรียนจบเราจะมีเงินพอเพื่อจะเอาไปเรียนต่อในโรงเรียนสอนภาษาที่ญี่ปุ่น(ตอนนั้นถามจากเพื่อนที่เคยไปเรียนเพื่อนบอกว่าเสียค่าเรียนประมาณ 200,000 บาท ค่ากินค่าอยู่ค่าเดินทางรวมแล้วก็ตกปีละประมาณ 600,000 บาท ฟังแล้วก็ท้อแต่ไม่อยากยอมแพ้)
และแล้วโอกาสก็มาถึง.....
ตอนอยู่มหาลัยปี4เราสอบผ่านทุนของธนาคารยามากุจิทำให้ได้ไปเรียนฟรีที่จ.ยามากุจิ 1 ปีพร้อมเงินเดือนเดือนละ 60,000 เยน ทุกอย่างฟรีหมด ค่าที่พักฟรี เรียนฟรี มีอาหารให้วันละ 2 มื้อ นั่งรถบัสในเมืองก็ฟรีอีก ปีนั้นเป็นปีที่เรามีความสุขมากๆ เป็นปีที่เราไม่ต้องทำงานพิเศษตัวเป็นเกลียว เหมือนเราได้พักชีวิต 1 ปีเต็มๆ(เพราะเกรดของที่นี่เอาไปใช้ที่ไทยไม่ได้) เราได้เพื่อนกลับมาทั้งจีน ไต้หวัน ตุรกี เกาหลี และเวียดนาม
2
(ปี2015) กินเลี้ยงกับเพื่อนคนเกาหลี จีน ตุรกี ญี่ปุ่น
ในเวลา 1 ปีนั้นเราพูดภาษาญี่ปุ่นเก่งขึ้นมานิดหน่อย แต่การฟังเราดีขึ้นมากๆๆๆๆจนเราเองก็ยังตกใจ หูมันฟังเข้าใจเอง จากที่ตอนก่อนมางงๆหูดับๆ🤣🤣
จากนั้นเราก็กลับไทยแล้วไปเรียนต่ออีก 1 ปีให้จบที่มหาลัยหอการค้า ในระหว่างนั้นเราว่างมากเพราะเราลงเรียนได้แค่เทอมละวิชา เราก็เลยไปทำงานบริษัทญี่ปุ่น+รับสอนหนังสือ+รับทำงานล่าม แล้วก็เข้าวังวนทำงานตัวเป็นเกลียวอีกครั้ง
เรายังเป็นคนไม่มีเงินและมีหนี้สินเหมือนเดิม แต่เพิ่มเติมคือเราสามารถช่วยแบ่งเบาภาระครอบครัวได้ ตอนนั้นลึกๆแล้วในใจเราก็ยังอยากลองไปทำงานที่ญี่ปุ่นอยู่ เราก็เลยไม่ยอมแพ้และทำงานหาประสบการณ์ที่ไทยไปเรื่อยๆ จนหลังจากนั้น 2 ปีเราก็ได้มาทำงานที่ญี่ปุ่นจริงๆ จนตอนนี้ผ่านมาได้ 3 ปี 1 เดือนแล้วค่ะ😁
สวัสดิการของที่นี่ดีมาก เรามาอยู่ที่นี่ที่ทำงานก็มีบ้านให้อยู่ฟรี เฟอร์นิเจอร์ครบ ตอนมาแรกๆมีเงินค่าซื้อเสื้อกันหนาวให้ด้วย แถมยังซื้อจักรยานไฟฟ้าให้เราอีก ที่น่ารักที่สุดคือเจ้านายสงสารที่เราจ่ายภาษีเยอะก็เลยช่วยปรับตัวเลขเงินเดือนให้เพื่อให้เหลือเงินมาถึงมือเรามาขึ้นอีกนิด//ซับน้ำตา
1
(ปี2015) งานแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่มหาลัยในญี่ปุ่น
พิมพ์มายาวมากเลย ไม่รู้ว่าจะมีใครอ่านมาถึงตรงนี้มั้ย
ถ้าคุณก็เป็นคนที่ไม่มีต้นทุนในชีวิตเหมือนกันกับเราและอ่านมาได้ถึงตรงนี้แล้ว เราขอจับมือให้กำลังใจคุณแล้วขอให้คุณดูเราไว้เป็นตัวอย่างนะคะ อย่าน้อยใจในโชคชะตาที่เราไม่ได้เกิดมามีเหมือนคนอื่น โอกาสมันอาจจะไม่ได้มีมาให้ทุกคน แต่สิ่งที่เราสร้างได้คือการเตรียมตัวเพื่อรับโอกาสที่จะเข้ามาอยู่เสมอค่ะ อย่างเช่น ถึงเราจะรู้ตัวว่าเราอาจจะไปอยู่ต่างประเทศไม่ได้แต่เราก็เรียนภาษารอไว้ เมื่อไรมีทุนหรือมีสัมภาษณ์อะไรเราก็พร้อมที่จะกระโจนเข้าใส่ได้ในทันที
ย้อนกลับมาที่หัวข้อของโพสต์นี้นะคะ
"บ้านไม่รวย เงินไม่มี แล้วจะไปอยู่หรือเรียนต่อที่ญี่ปุ่นได้มั้ย...?"
เรายังยืนยันคำตอบเดิมว่า "ได้ค่ะ"
ตอนนี้เราวิ่งเข้าเส้นชัยที่เราตั้งเอาไว้แล้วเส้นหนึ่ง และเราก็กำลังวิ่งต่อไปข้างหน้าเพื่อพุ่งเข้าหาเส้นชัยเส้นต่อไป
เราหวังว่าคุณเองก็จะคว้าเส้นชัยของตัวเองให้ได้แม้จะมาแต่ตัวแบบเรานะคะ
จากใจ เด็กที่โตมากับบ้านที่ไม่ได้อบอุ่นและมีหนี้สินติดตัวมาตั้งแต่เกิด
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาจนถึงตรงนี้ค่ะ^^
8 บันทึก
28
9
4
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
การทำงานในญี่ปุ่น
8
28
9
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย