11 พ.ค. 2021 เวลา 12:22 • ความคิดเห็น
Heartbroken symptoms
"If I don't forget about you, guess I just have to carry the memories about you forever, and that's alright"
ต่อจากบทความที่แล้วหลังจากที่เราเลิกกับแฟน เราก็พยายามมูฟออนด้วยการทำทุกอย่างที่ทำได้ไม่ว่าจะเป็น เดทคนอื่น, อยู่คนเดียว, เที่ยวกับเพื่อน, ออกกำลังกาย, ทำงานเยอะๆ ฯลฯ เชื่อเถอะค่ะ เราทำมาทุกอย่างแล้ว ...เรารู้แหละว่าสิ่งเดียวที่จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นได้ก็คือ 'เวลา' แต่คนเราเวลาที่เศร้า เราก็อยากปลดปล่อยความทุกข์ให้เร็วที่สุดใช่ไหมคะ เหมือนการแก้ปัญหาชีวิตประจำวันปกติ เพียงแต่ว่าปัญหาปกติสามารถแก้ไข้ได้ด้วยการหาเหตุผล จากนั้นก็แก้ไขไปตามเรื่องราว ...แต่ว่าความรัก มันไม่ใช่เหตุผล มันคือความรู้สึก และบางครั้งความรู้สึกมันไม่สามารถหาเหตุผลมาแก้แล้วจะสามารถเปลี่ยนมู้ดได้ทันที
วันนี้เราอยากมาเล่าประสบการณ์ส่วนตัวว่าเราดีลกับเรื่องนี้ยังไง และเราผ่านโมเม้นท์อะไรมาบ้าง หลังจากที่เราเลิกกับแฟนได้ไม่นาน ก็มีเพื่อนที่เราออกกำลังกายด้วยกันมาชอบเราค่ะ เราก็รู้สึกว่าเขาน่ารักดี ก็เลยตัดสินใจคุย ช่วงแรกๆเรารู้สึกดีมาก เหมือนมีอีกคนที่คอยอยู่ข้างๆ เขาเป็นคนดีมากค่ะ ดีกับเราทุกอย่าง และเขารู้ว่าเราผ่านประสบการณ์อะไรมาเพราะว่าเราคอยอัพเดตความรู้สึกเราเรื่อยๆ เขาไม่เคยกดดันเราให้ลืมแฟนเก่าเลย ทุกครั้งที่เราเศร้าเขาก็จะคอยทำความเข้าใจ หรือไม่ก็พยายามทำอย่างอื่นเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจให้เรารู้สึกดีขึ้น เวลาผ่านไปเรื่อยๆ เราไม่รู้สึกดีขึ้นเลยค่ะ หลายครั้งที่เรามีความรู้สึก เอ๊ะ กับอะไรหลายๆอย่างที่อีกฝ่ายทำ ทั้งๆที่มันไม่ใช่เรื่องไม่ดีอะไรเลย เพียงแต่ว่า... 'เขาไม่เหมือนแฟนเก่าเรา' เขาค่อนข้าง Extroverted มีเพื่อนเยอะ ทำกิจกรรมตลอดเวลาซึ่งต่างกับแฟนเก่าเราที่ Introverted มาก จริงแล้วมันอาจจะดีที่เราได้คบคนที่นิสัยคล้ายๆกัน เพราะเราจะได้ออกไปไหนมาไหนทำกิจกรรมด้วยกันได้ตลอด แต่เราคิดว่าตอนนั้นเราอาจจะไม่พร้อม หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า 'Rebound' นั่นเอง จนวันนึงเรารู้สึกว่าเราไม่แฟร์เลยที่เอาแต่คิดถึงคนเก่าตลอดเวลาที่อีกคนรอเราอยู่ สุดท้ายก็เลยต้องขอกลับไปเป็นเพื่อนกันแบบเมื่อก่อน ด้วยความที่เขาเป็นคนดีมากทุกวันนี้ก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันค่ะ
ไอ้อาการ 'หาคนเก่าในคนใหม่' ของเราก็ยังไม่หยุดอยู่แค่นี้นะคะ ด้วยความที่เราพยายาม Live with the flow ใครเข้ามาถ้าเรารู้สึกดีด้วยเราก็เปิดใจตลอด บวกกับเราเป็นคนที่ทำกิจกรรมเยอะก็เลยมีโอกาสได้เจอ ได้พูดคุยกับคนเยอะ ก็เลยพอมีโอกาสเข้ามาบ้าง ...แต่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ครั้งเราก็วนมาลูปเดิมค่ะ 'ทำไมเขาไม่ทำให้เรารู้สึกเหมือนที่แฟนเก่าทำให้เรารู้สึกเลย' แล้วก็จบแบบเดิมๆตลอดที่เรากลับมานั่งคิดทบทวนตัวเอง
จะมีบางครั้งแต่ไม่บ่อย เวลาที่เราเจอคนที่นิสัยคล้ายแฟนเก่าเรา เรารู้สึกว่าตัวเองตกหลุมเร็วมาก บางครั้งก็คาดหวังว่าเขาจะรีแอคกับเราแบบที่แฟนเก่าเคยเป็นกับเราแต่มันก็ไม่เป็นแบบที่คิดเพราะว่า เขาไม่ใช่คนเดียวกัน ...จนเราต้องกลับมาคิดว่า จริงๆแล้วเราชอบคนนั้นจริงๆ หรือว่าแค่เห็นเงาของใครบางคนในนั้นกันแน่เราเลยคิดไปเองว่าเราชอบ จนตอนนี้เราต้องกลับมาที่ตัวเองอีกครั้ง แล้วถามว่า 'พร้อมจะมีคนอื่นจริงๆ หรือแค่อยากเอาตัวเองออกมาจากความเศร้ากันแน่' ถ้าเป็นแค่อย่างหลังเรารู้สึกว่าไม่แฟร์กับคนที่เข้ามาแน่นอน ตอนนี้เราเลยปลงแล้วค่ะ
ที่ผ่านมาเราก็มีความสุขดีนะคะ เรามีความสุขกับชีวิตกับกิจกรรมทุกอย่างที่เราทำ เรามีโกลในชีวิตของตัวเอง เรามีชาเล้นจ์ที่ทำเป็นประจำและชีวิตเราก็ไม่ได้น่าเบื่อจนต้องเอาเวลามานั่งเศร้าตลอดเวลา แต่ต่อให้ชีวิตเราเป็นแบบนี้ เราก็เลี่ยงไม่ได้จริงๆค่ะว่าเราแบกความทรงจำในช่วงชีวิตนึงกับคนๆนึงไว้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะทำอะไร ไม่ว่าจะไปที่ไหนเราจะเห็นหน้าเขาลอยขึ้นมาพูดกับเราเสมอว่า 'Honey, you're little shit' หรือ 'You making me laugh again hahaha' ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มของเขาจะลอยเข้ามาตรงหน้าเราเสมอ หรือแม้แต่เวลาที่เราเครียดจากงานกลับบ้านมานั่งคนเดียว เสียงเขาที่เคยให้กำลังใจเราก็ลอยเข้ามาในหัวเราอีกแล้วค่ะ มันเป็นความรู้สึกมีความสุขปนกับความเศร้า เราไม่รู้จะอธิบายยังไง
เราคิดว่าการไม่ลืม มันก็ไม่มีอะไรผิดหรือแสดงว่าเราเป็นคนอ่อนแอหรือไม่รักตัวเองนะคะ เรารู้ดีที่สุดว่าที่ผ่านมาเราได้ประสบการณ์ดีๆจากคนนั้นๆหรือไม่ หลายคนมองว่าการเลิกกัน/การอกหักเป็นเรื่องเนกาทีฟเพื่อให้ตัวเองได้มูฟออนเร็วขึ้น สำหรับเราแล้ว... เราไม่สามารถมองคนๆนี้ในแง่ร้ายได้จริงๆ เพราะทุกครั้งที่นึกถึง เราเห็นแค่เรื่องดีๆที่ผ่านมา ถึงแม้ตอนนี้มันจะเป็นความสุขปนความเศร้า แต่เราเชื่อว่าวันนึงมันจะเหลือแต่ความสุขในนั้น
#boaboat
โฆษณา