12 พ.ค. 2021 เวลา 12:00 • การศึกษา
ไขข้อข้องใจกับปัญหาที่อยากถาม HR มานานแสนนาน
ที่ Clubhouse ครั้งนี้ มีทั้งพี่ HR ทั้งพี่เจ้าของธุรกิจที่มาช่วยตอบปัญหาให้!
ใครใกล้จะจบ จะสัมภาษณ์งาน ต้องอ่าน!
SEEN สรุปมาให้แล้ว!
#SEEN #AbilitytobeSEEN
#Clubhouse #ClubhouseTh #สรุป #HR
Q: พี่ ๆ คาดหวังอะไรจากเด็กฝึกงานบ้าง?
A: เนื่องจากเป็นนักศึกษาฝึกงาน ความคาดหวังอาจจะต่างกับพนักงานประจำแน่นอน! แต่อย่างไรก็ตาม บางที่ก็แข่งขันกันสุด ๆ ทำให้หลายคนต้องเตรียมตัวกันเหมือนเข้าเวที The Star
ซึ่งพี่ ๆ ก็ได้ให้คำแนะนำมาดังนี้:
- ถามตนเองว่าเข้ามาด้วยเหตุผลอะไร? ความสนใจตรงกับบริษัทไหม?
เช่น บริษัททำเกี่ยวกับการศึกษา แล้วเรามีความสนใจที่จะเปลี่ยนแปลง หรือส่งเสริมการศึกษาไหม? เป็นต้น
- อยากได้น้อง ๆ ที่มีความคิด มีไอเดียใหม่ ๆ ที่ fresh และมีพลังเชิงบวกที่ “กล้า” และอยากจะนำเสนอไอเดียเจ๋ง ๆ ที่นอกกรอบ!
- คาดหวังว่าน้อง ๆ ฝึกงานจะได้เข้าไป support พี่ ๆ ในงานที่พี่ ๆ ทำ โดยที่ตัวน้องฝึกงานเองก็ได้ประสบการณ์กลับไป เช่น ได้ฝึกฝนสิ่งที่ตนเองเรียนมา
- Skills สำคัญ (ต้องดูตามตำแหน่งที่สมัครเข้ามา) แต่ Skills ก็สำคัญน้อยกว่าใจและ attitude!
- Mindset สำคัญมาก ดูว่าตัวน้องฝึกงานมี Growth Mindset ไหม? เช่น เป็นคนที่กระหายที่จะเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา หมั่นตั้งคำถามกับสิ่งรอบตัว เช่น ไถ feed Facebook แล้วเจอ cryptocurrency ก็สงสัยแล้วว่า เอ้ะ? คืออะไร? ซึ่งสิ่งนี้ก็จะพาตัวของเราไปสู่การหาคำตอบนั่นเอง! (สกิลนี้เป็นสกิลพื้นฐานเลย ที่สำคัญมากกกก แล้วก็สามารถฝึกกันได้!)
- ดู Passion ของน้อง ๆ ว่าอยู่ตรงไหน? ซึ่งสำหรับ Start-up ส่วนใหญ่ก็จะดูว่าน้องเป็นคนที่พร้อมพุ่งชนเมื่อเจอปัญหาไหม? เป็นต้น
และน้อง ๆ คนไหนที่กำลังจะฝึกงาน หรือหาที่ฝึกงานอยู่ อยากอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการฝึกงาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ Link นี้เลย สรุปไว้ให้แล้ว! : https://bit.ly/3tCheVU
Q: เมื่อก้าวเข้ามาในห้องสัมภาษณ์​ พี่ ๆ HR ดูอะไรเราบ้าง?
A: จริง ๆ First Impression หรือความประทับใจแรกพบสำคัญมาก ๆ เหมือนกับเวลาออกเดทแรกเลยก็ว่าได้! ซึ่งสิ่งที่พี่ ๆ HR ส่วนใหญ่ ดูและสังเกตก็คือ…
1. การแต่งตัว: ไม่ว่าจะบริษัทจะใหญ่หรือเล็กขนาดไหน “Smart Casual” ถือเป็นชุดที่น่าจะ safe ที่สุด ที่ทั้งเรียบร้อยและเป็นสไตล์ของตนเองได้! อาจจะไม่ต้องใส่สูทและเนี๊ยบ 100% เพราะสำหรับบางตำแหน่งก็อาจจะต้องแสดงความเป็นตัวของตัวเองหน่อย เช่น Creative สายติสท์ ๆ หน่อย ก็สามารถติสท์แบบที่ตนเองเป็นได้สบาย ๆ เช่น ใส่ยีนส์ แต่ก็มีสูททับ เป็นต้น แต่ภายใต้ความคูล ก็ต้องมีความเหมาะสมและดูดี ที่อาจจะเป็นแต้มต่อให้เราได้ก็ได้นะ!
2. ทำการบ้านมาก่อน: เข้าใจไปบ้างว่าองค์กรทำอะไรบ้าง! บางทีองค์กรอาจจะมี scope งานที่มากว่าที่เรารู้ก็ได้! เตรียมไปก่อนก็ได้เปรียบนะ!
3. เมื่อไม่รู้ = ไม่รู้: ถ้าหากอยากได้งานจริง ๆ มีเป้าหมายจริง ๆ ควรที่จะตอบคำถามแบบตรงไปตรงมา เพราะแน่นอนว่าคนที่สัมภาษณ์เรา ต้องมีประสบการณ์ในการสัมภาษณ์คนเข้ามาทำงานเยอะอยู่แล้ว ฉะนั้นถ้าเราไม่รู้ แล้วตัดสินใจที่มั่วหรือแถก็อาจจะทำให้โดนจับไต๋ได้น้าาา
4. “มั่นใจ” แต่ไม่ใช่หยิ่ง: คนที่มีความมั่นใจในศักยภาพของตัวเอง กล้าที่จะเปิดรับสิ่งใหม่ นี่ใคร ๆ ก็อยากได้! คนที่มั่นใจ มีเสน่ห์ ยิ้มเก่ง มีความเฟรนด์ลี่ บอกเลยว่าได้ใจกรรมการไปเต็ม ๆ
5. คิดคำถามไปในใจด้วย - เสมือนเราเตรียมตัวมา ไม่ว่าจะ อะไรบ้างที่เราจะสามารถ contribute ให้เค้าได้? หรือทางบริษัทมีแนวทางในการเติบโตจากตำแหน่งนี้ได้ยังไงบ้างเป็นต้น
Q: ตอนสัมภาษณ์เสร็จ HR จะชอบถามว่า “มีคำถามอะไรเพิ่มเติมไหม?” อันนี้เค้ากำลังวัดอะไรเราอยู่รึเปล่า?
A: จริง ๆ การที่เราถามคำถามเป็นได้ทั้งสิ่งที่ทาง HR เอามา “วัดได้” และ ก็เป็นโอกาสและประโยชน์กับตัวเราเองด้วย! ซึ่งจะมีอะไรบ้าง ลองมาดูกันเลยยย
- คำถามไม่ต้องเริ่ด แต่ก็บอกอะไรได้หลายอย่าง: การที่เราถามคำถาม คำถามไม่ต้องเริ่ดหรูมากมาย แต่เค้าก็จะดูว่าเราทำการบ้านอะไรมาบ้าง แถมยังสามารถดูว่าคน ๆ นั้นมีไหวพริบหรือไม่? ได้เช่นกัน
- จังหวะทองถ้ายังขายไม่หมด!: ถ้าคิดว่าตัวเองยังพูดสิ่งที่อยากพูดไม่หมด ตรงนี้ก็อาจจะเป็นโอกาสที่ดีที่จะพลิกให้มาเป็นหัวข้อที่เราอยากเล่าเรื่องเพิ่มได้! เช่น สัมภาษณ์มาแต่เรายังไม่ทันได้ขายจุดที่ไม่ได้อยู่ใน CV/Resume เราเลย เราก็สามารถยิงคำถามไปให้เค้าถามเรากลับมาได้!
- เข้ากันมั้ย? ก็เช็คได้: เราสามารถเช็คได้เหมือนกันว่าบริษัทเป็น “Best Match” ของเราไหม เช่น การถามว่า “บริษัทมีความคาดหวังอะไรจากเรา?” ซึ่งเราก็จะดูได้ว่าบริษัทนี้เหมาะกับเราไหมนะ? เค้าคาดหวังสิ่งที่มันเป็นเราจริง ๆ ไหม? เป็นต้น
ท้ายที่สุด ถ้าเราอยากจะถามหลายคำถามก็ได้ ไม่ใช่เรื่องผิดเลย แต่แค่ต้องดูความเหมาะสมและระยะเวลาด้วย
Q: ช่วงนี้การสัมภาษณ์กลายเป็น online หมดเลย ความคาดหวังของ HR จะน้อยลงมั้ยนะ?
A: ถ้าคิดว่าการสัมภาษณ์ online จะชิวขึ้น แต่งตัวชิลล์ บอกเลยว่าอาจจะไม่ได้ถูกซะ 100%
บอกเลยว่าการสัมภาษณ์ออนไลน์ ก็ยังมีเรื่อง First Impression หรือสิ่งที่เรียกว่าความประทับใจแรกพบอยู่ดี!
เพราะหลาย ๆ อย่างที่เราทำ มันก็สามารถตีความได้ ไม่ว่าจะ
- การใช้ Virtual Background: แสดงถึงความ professional และแสดงทักษะ Digital Literacy
- Internet ที่ดีและเสถียร เสียงไม่ขาดหาย แสดงถึงความเตรียมพร้อมที่ดี
- แต่งกายเสมือนไปสัมภาษณ์แบบ offline จริง
- เนื่องจาก online ทำให้ไม่มีปัญหาในเรื่องการเดินทาง
- การเปิดกล้องของทั้งสองฝ่ายนับเป็นเรื่องที่สำคัญเช่นกัน
ฉะนั้น ช่วงนี้ถ้าใครต้องสัมภาษณ์แบบ online ละก็ อย่าลืมเตรียมตัวกันให้ดีนะ!
ถึงแม้อาจจะเป็นอะไรที่ไม่ชิน แต่ส่วนประกอบหลาย ๆ อย่าง
ก็แทบจะไม่ต่างกับการสัมภาษณ์แบบ offline เลย!
ฉะนั้นเตรียมตัวกันให้ดี เพราะทุกการกระทำของเรา ก็อาจจะเป็นหนึ่งสิ่งที่กรรมการสัมภาษณ์เค้าใช้สังเกตเราก็ได้!
โฆษณา