12 พ.ค. 2021 เวลา 10:38 • ประวัติศาสตร์
"Wesley Allan Dodd" นักล่าเด็กที่เริ่มจากการคุกคามทางเพศไปจนถึงทำร้ายร่างกาย และนำไปสู่การฆาตกรรม แต่ด้วยกฎหมายที่ไร้ประสิทธิภาพ จึงทำให้Doddไม่เคยได้รับโทษอย่าจริงๆจังๆสักครั้ง เพราะการเเสดงออกของเขาที่ทำให้คนเชื่อว่าเขาไม่ใช่บุคคลอันตราย...
Wesley Allan Dodd เกิดในรัฐวอชิงตัน ประเทศสหรัฐเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 1961 เมื่ออายุได้ 9ขวบ Dodd เขาก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเขาเองมีความดึงดูดทางเพศต่อเด็กผู้ชายในละเเวกใกล้เคียงบ้านของเขา
ต่อมาเมื่อDodd มีอายุได้ 14 ปี เขาก็เริ่มที่จะเป็นคนที่ชอบทำอนาจาร อย่างเช่น เขาจะไปยืนช่วยตัวเองจากหน้าต่างห้องนอนของเขา จนกระทั่งมีคนไปเเจ้งตำรวจ แต่ในตอนนั้นเนื่องจากที่พยานไม่ได้เห็นใบหน้าของเขา เลยทำให้เขาไม่ได้ถูกรับโทษอะไร และจากเหตุการณ์นี้ทำให้เขาได้เรียนรู้ที่จะไปทำอนาจารเเบบนี้ในที่ที่มันไกลออกไปจากละเเวกบ้านและจากการที่เขาเเค่ทำอนาจารมันก็นำไปสู่ความรุนเเรงที่มากขึ้น Doddมักจะชอบลวนลามเด็กๆที่ยอมจำนนกับเขา
ในปี 1979 Dodd ได้เรียนจบHigh School เเละในอีก2ปีต่อมา เขาก็ได้เข้ารวมกับกองทัพเรือของสหรัฐ เพื่อที่เขาจะได้หลีกเลี่ยงข้อหาที่เขาไปทำการคุกคามทางเพศเด็ก และคดีก็กำลังรอการดำเนินการอยู่ แต่ในวันที่ 6 มิถุนายน 1982 เขาก็ถูกปลดประจำการออกจากกองทัพเรือสหรัฐ เเละถูกจับกุมในข้อหาที่พยายามบังคับเด็กผู้ชาย วัย 9ขวบให้เปลื้องผ้า แต่Doddก็ได้จ่ายเงินค่าปรับเเละเขาก็ถูกปล่อยตัวออกมาโดยที่คดีนั้นก็ไม่ได้ถูกติดตามต่อ
ต่อมาในวันที่ 27 ธันวาคม 1982 Doddก็ได้ถูกจำคุกอีกครั้งที่เมืองเบนตัน รัฐวอชิงตัน ในข้อหาที่เขาได้ไปล่อลวงเด็กให้ออกมาจากสนามเด็กเล่นเเละบังคับให้เด็กเปลื้องผ้า Doddได้ยอมรับผิดกับข้อหาในครั้งนี้ และเขาเขาไปปฏิบัติหน้าที่ในคุกเพียงแค่ 30วัน และได้รับการปล่อยตัวเพื่อให้Doddได้เข้ารับการปรึกษาทางจิตเวชตามคำสั่งของศาล เมื่อเขาได้รับอนุญาตจากศาล Doddจึงไปอาศัยอยู่กับพ่อของเขาในเมืองลูอิสตัน รัฐไอดาโฮ ซึ่งเขาได้ลงทะเบียนในโครงการผู้ป่วยนอกอีกด้วย
ภายในปี 1986 Doddกลับมาในใช้ชีวิตอยู๋ในเมืองแวนคูเวอร์ โดยที่เขาให้ความสนใจกับเด็กๆเรียกได้ว่าตลอดเวลา เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 1987 เขาถูกจับกุมหลังจากพยายามล่อลวงเด็กคนหหนึ่งให้เข้าไปในอาคารร้าง และถูกตัดสินให้จำคุกและได้รับโทษเบา Doddได้รับการปล่อยตัวในเดือนตุลาคม พร้อมกับคำสั่งที่ให้เขาเข้ารับการรักษาทางจิตเวชอีกครั้ง Doddผ่านความประพฤติทางด้านอารมณ์จนกระทั่งการควบคุมความประพฤติของเขาหมดอายุในปี 1988 ซึ่งในเวลานั้นเขาได้ละทิ้งการรักษาต่อและกลับไปล่าเหยื่ออีกครั้ง ในตอนนั้นDoddเขาได้เขียนบรรยายความเพ้อฝันที่ค่อนข้างน่ากลัวของเขาลงในสมุดไดอารี่ ซึ่งมันเกี่ยวกับการข่มขืน และการฆาตกรรมที่เขาได้วางแผนไว้ ในไดอารี่นั้นมีภาพวาดเเบบร่างของเเท่นทรมานที่เขาวางแผนจะสร้างมันขึ้นมา และรายละเอียดของการสัญญาระหว่างตัวของเขากับซาตานเพื่อช่วยเหลือเขาในการหาเหยื่ออีกด้วย
ในกระดาษหน้าหนึ่งมีบทความที่เขาเขียนว่า "ฉันขอให้ซาตานช่วยตามหาเด็กผู้ชายที่มีอายุ 6-10ปี เพื่อมามีเพศสัมพันธ์กับเขา และถ่ายรูปเล่นกัน จากนั้นฉันก็จะทำการฆ่าเด็กพวกนั้น" ทำให้เห็นได้ชัดว่าDodd มีความต้องการอย่างสูงในการที่จะทำการณ์ฆาตกรรม ในวันที่4 กันยายน 1989 Doddได้พกมีดที่มีความยาว 6นิ้ว เเละเขาก็ได้ไปเดินสำรวจที่สวนสาธารณะ Vancouvers David Douglas Park เพื่อหาเหยื่อ
ในคืนก่อนที่เขาจะออกล่าเหยื่อเขาเขียนในไดอารี่ว่า: ถ้าฉันกลับบ้านได้ฉันจะมีเวลามากขึ้นสำหรับการข่มขืนประเภทต่างๆมากกว่าการมีเพศสัมพันธ์เเบบรีบๆก่อนที่จะฆาตกรรม
Cole Neer & William Neer
เขาเล็งเป้าหมายไปที่พี่น้องคู่หนึ่ง นั่นก็คื่อเด็กชายCole Neerวัย 11 ปีและเด็กชายWilliamวัย 10 ปี แต่ว่าเป็นไปได้ยากที่จะพาพวกเขากลับบ้าน แต่Doddก็ได้ข่มขู่เเละใช้ความรุนเเรงกับพวกเขา เพื่อให้พวกเขาตามDoddไปในป่าที่มันค่อนข้างที่จะลึก จากนั้นDoddก็ได้ทำการมัดเด็กทั้งสองคนด้วยเชือกรองเท้า จากนั้นเขาก็ได้ทำการข่มขืนเด็กทั้งสองก่อนที่จะลงมือฆาตกรรม Doddได้รีบหลบหนีออกจากที่เกิดเหตุ แต่ภายในเวลาประมาณ 15นาที วัยรุ่นที่เป็นนักปีนเขาก็ได้มาพบกับศพของเด็กทั้งสอง เขาได้รับวิ่งออกจากที่เกิดเหตุเเละไปเเจ้งตำรวจในทันที
Doddใช้เวลา2-3สัปดาห์เพื่อเฝ้าดูการออกตามหาตัวคนร้ายจากระยะไกล Doddฆ่าเวลาโดยการเขียนไดอารี่ และสำเร็จความใคร่ จนกระทั่งความปราถาของเขามันพาเขาไปสู่การออกตามหาเหยื่ออีกครั้ง
Lee Iseli
เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม เขาได้ขับรถข้ามแม่น้ำไปยังเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน
และเขาก็ได้ลักพาตัว Lee Isely วัย 4 ขวบ จากสนามเด็กเล่นของโรงเรียนประถมศึกษาริชมอนด์ กลับไปที่อพาร์ทเมนต์ของเขา เด็กน้อยถูกลวนลามและถ่ายภาพเปลือย แต่ความปราถนาของเขาถูกขัดจังหวะไปชั่วขณะ Dodd พา Lee เดินทางไปที่ McDonalds และ K-Mart โดยที่ Dodd เอาเงินไปซื้อของเล่นเพื่อมาหลอกล่อเด็กน้อย เมื่อเขากลับมาถึงการล่วงละเมิดทางเพศกับเด็กน้อย Lee ก็กลับมาดำเนินต่ออีกครั้งเมื่อพวกเขากลับมาถึงอพาร์ทเมนต์ของDodd ซึ่งเขาได้สำเร็จความใคร่ในเวลา 05:30 น. ของเช้าวันรุ่งขึ้น Doddg เขาก็ได้ทำร้ายเด็กน้อยLeeจนหมดสติและเขาก็ได้ใช้เชือกแขวนผูกกับราวเเขวนเสื้อในตู้เสื้อผ้าและทำการเเขวนคอของเด็กน้อย Lee หลังจากนั้นเขาก็นำศพของเด็กน้อยLeeไปทิ้งไว้ใกล้ๆกับทะเลสาบแวนคูเวอร์ที่ Washington State Game Preserve ซึ่งมีนายพรานคนหนึ่งไปพบร่างของเด็กน้อยLeeในช่วงเช้าของวันที่ 1 พฤศจิกายน
ในตอนนี้ตำรวจยังไม่มีเบาะแสเกี่ยวกับตัวตนของฆาตกร นอกเหนือจากภาพร่างหน้าตาคร่าวๆที่รวบรวมจากคำอธิบายของพยานใน Portland แต่ Dodd ในตอนนี้เขาได้มีความสุขกับกหารฆาตกรรมของเขา และมันก็กระตุ้นให้เขาไม่สามรถควบคุมมันได้อีกต่อไป
เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน เขาพยายามลักพาตัวเด็กหนุ่มจากโรงหนังแวนคูเวอร์ แต่ในที่สุดเขาก็ต้องยอมแพ้ในที่สุดเมื่อเด็กหนุ่มคนนั้นต่อต้านเขา 2วันต่อมาหลังจากเขียนคำวิงวอนขอความช่วยเหลือจากซาตานอีกครั้ง เขาก็ได้ขับรถไปที่ เมืองCamas เพื่อที่จะไปตามหาเหยื่อรายอื่นในโรงหนังอีกเช่นเดกิม คราวนี้เขาได้เหยื่อที่เป็นเด็กผู้ชายที่กำลังส่งเสียงกรีดร้องที่เรียกได้ว่ามันดังมาก ทำให้เขารีบออกมาจากโรงหนังเเละขับรถหนีออกมา แต่เมื่อเขาขับรถออกมาได้ไม่ไกลรถของเขาก็เกิดเสียขึ้นมา ในรหว่างที่เขากำลังขับรถออกมาจากโรงหนัง เเฟนของเเม่เด็กน้อยที่เป็นเหยื่อเขาได้เห็นก่อนเเละรีบวิ่งตามรถมา เเต่เมื่อเห็นรถของDoddหยุดลง เขาก็ได้รีบเขาไปจับตัวของDoddกลับไปไว้ที่โรงหนัง เเละเขาก็ได้มัดมือของDoddไว้เเละให้Doddนั่งลงกับพื้น ซึ่งตอนนั้นเขาก็ได้โทรเเจ้งตำรวจทันที เขากักตัวของDoddไว้ จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึง
ตำรวจเริ่มสงว่าเขามีส่วนเกี่ยวของกับการฆาตกรรมเด็กๆเมื่อไม่นานมานี้ แต่Dodd เขาก็ได้ปฏิเสธในตอนแรกว และเขายังบอกอีกว่าเขารักเด็ก ๆ แต่อยู่ๆในคืนนั้นเขาก็เปลี่ยนใจเเละได้สารภาพกับตำรวจว่าเขาเป็นคนก่อเหตุอาชญากรรมอย่างไรโดยบอกอย่างละเอียดให้ตำรวจได้ฟังโดยที่เขาให้ตำรวจดูรูปที่เขาถ่ายเก็บเอาไว้ด้วย
การทำงานของตำรวจมันง่ายขึ้นเพราะDoddได้สารภาพทุกอย่างที่เขาทำทั้งหมด ในระหว่างการพิจารณาคดีในศาลของClark County ผู้ฟ้องคดีอ่านออกเสียงจากสิ่งที่Doddเขียนในกสมุดไดอารี่ และแสดงรูปถ่ายของเด็กน้อย Lee Iselo ฝ่ายจำเลยไม่ได้เรียกพยานหรือแสดงหลักฐานใด ๆ โดยชี้ให้เห็นเพียงว่า Dodd ต้องเป็นคนวิกลจริตตามกฎหมาย ส่วนอัยการได้ร้องขอให้ลงโทษประหารชีวิตและคณะลูกขุนก็เห็นด้วย Doddอ้างว่าการพูดเพื่อปกป้องตัวเองนั้นมันไม่มีจุดหมาย และท้ายที่สุด "ระบบของกฎหมายก็ล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า" เขาบอกว่าเขาอยากจะตายด้วยการแขวนคอและยินดีที่จะตายถ้า "มันนำความสงบสุขมาสู่ครอบครัวของเหยื่อ"
เขายืนยันว่าเขาไม่สามารถที่จะควบคุมมันได้และเขาจะทำมันอีก โดยที่เขาระบุไว้ในศาลสั้นๆว่า "ฉันต้องถูกประหารชีวิตก่อนที่ฉันจะมีโอกาสหลบหนี หรือฆ่าคนอื่นถ้าฉันหนีฉันสัญญากับคุณว่าฉันจะฆ่าและข่มขืนอีกครั้ง และฉันก็รู้สึกสนุกกับมันทุกๆนาที "
ในระหว่างการพิจารณาคดีเขาได้เขียนบทความเกี่ยวกับวิธีที่พ่อแม่สามารถปกป้องเด็ก ๆ จากการทำร้ายเด็กเช่นตัวเขาเองไว้อีกด้วย
ในปี 1990 Dodd ถูกตัดสินประหารชีวิตในข้อหาฆาตกรรมสองพี่น้อง Neer เช่นเดียวกับการข่มขืนและการฆาตกรรม Lee Iseli อีกด้วย
กฎหมายของรัฐ Washingtonให้ทางเลือกสองทางเเก่ Dodd ว่าจะเลือกฉีดยา หรือแขวนคอเพื่อประหารชีวิต เขาเลือกแขวนคอ ภายหลังเขาระบุในการสัมภาษณ์ว่าเขาชอบวิธีนั้น "เพราะนั่นคือวิธีที่เด็กน้อยLee หรือเหยื่อรายสุดท้ายของเขา เสียชีวิต" การประหารชีวิตด้วยการแขวนคอถือเป็นครั้งแรกในสหรัฐอเมริกา นับตั้งแต่George York and James Latham ถูกแขวนคอในปี 1965 การประหารชีวิตDoddมีสมาชิก 12 คนเป็นพยาน เจ้าหน้าที่เรือนจำและสมาชิกในครอบครัวของเหยื่อทั้งสาม
โดยด็อดสั่งปลาแซลมอนย่างและมันฝรั่งทอดเป็นอาหารมื้อสุดท้าย
คำพูดสุดท้ายของเขาที่พูดจากชั้นสองของเเทนประหารชีวิต
"ครั้งหนึ่งฉันเคยถูกใครบางคนถามแต่ฉันจำไม่ได้ว่าใคร มีวิธีใดบ้างที่สามารถหยุดยั้งผู้กระทำผิดทางเพศได้ ฉันกล่าวว่าไม่มี ฉันผิดไป ฉันคิดผิดเมื่อฉันบอกว่าไม่มีความหวังไม่มีความสงบสุข มีความหวัง มีความสงบ ฉันพบทั้งในพระเจ้าพระเยซูคริสต์ มองหาพระเจ้าแล้วคุณจะพบกับความสงบสุข "
ภาพจาก https://www.austinchronicle.com/
สุดท้าย Doddถูกประหารชีวิตเมื่อเวลา 00:05 น. ของวันที่ 5 มกราคม 1993 ที่เรือนจำรัฐWashington Wala Wala แพทย์ประจำเรือนจำประกาศชัดว่าเขาเสียชีวิตและศพของเขาถูกส่งไปยังเมืองSeattle เพื่อชันสูตรพลิกศพ Donald Reay ผู้ตรวจการแพทย์ของKing County พบว่าDoddคอหักและเสียชีวิตอย่างรวดเร็วภายใน2-3นาที ซึ่งเป็นสาเหตุการตายที่เป็นปกติจากการแขวนคอ Donald Reay ระบุว่าการตายของด็อดด์น่าจะไม่เจ็บปวดมาก
Dodd ถูกเผาหลังจากการชันสูตรพลิกศพ และเศษกระดูกของเขาก็ได้ส่งไปที่ครอบครัวของเขา
เพื่อนๆคนไหนที่อ่านจบเเล้วอย่าลืม กดติดตาม เเละร่วมมาเป็นส่วนหนึ่งของ 'ชาวแคปซูล' ด้วยกันนะคะ
- ฝากช่องทางอื่นๆของ Capsule Storageไว้ด้วยนะค้า -
โฆษณา