12 พ.ค. 2021 เวลา 10:55 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
ความหมายของสีสันในโลกไร้สี
เด็กใหม่ Girl from Nowhere ซีซั่น 2 Ep 6 “ห้องสำนึกตน”
หลังจากออกมาให้รับชมกันไปได้ซักพักสำหรับซีรีส์ “เด็กใหม่” หรือ Girl from Nowhere ซีซั่นที่ 2 ทาง Netflix และได้สร้างกระแสเป็นที่พูดถึงอย่างมากในโลกอินเทอร์เน็ต ด้วยแก่นและมุมมองของเรื่องที่เลือกจะตีแผ่และสะท้อนประเด็นต่างๆทางสังคมออกมาอย่างตรงไปตรงมา ทำให้ซีรีส์ชุดนี้ได้รับความสนใจและประสบความสำเร็จไปไม่น้อย
โดยปกติแล้วเพจนี้อาจจะไม่ค่อยได้พูดถึงซีรีส์หรือหนังไทยบ่อยๆสักเท่าไหร่ อาจจะเพราะส่วนตัวเองยังหามุมมองเกี่ยวกับสีที่อยากพูดถึงไม่เจอ จนกระทั่งตอนนี้
1
แต่อย่างไรก็ตามใน เด็กใหม่ ซีซั่น 2 นี้ มีหนึ่งตอนที่ได้มีการใช้สีในการเล่าเรื่องออกมาได้อย่างน่าสนใจมากทีเดียว ตอนนั้นก็คือ Episode 6 “ห้องสำนึกตน” หรือ “Liberation” ซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งในตอนที่ดีที่สุดในซีซั่น 2 นี้เลย
เด็กใหม่เป็นซีรีส์ที่มีการเดินเรื่องหลักผ่านตัวละครเอกอย่าง “แนนโน๊ะ” ที่จะคอยไปยังโรงเรียนต่างๆและสร้างความเปลี่ยนแปลงสำคัญๆให้กับโรงเรียนนั้น โดยแต่ละโรงเรียนก็จะมีเรื่องราว แก่นสาร และการนำเสนอแบ่งออกเป็นตอนๆและต่างกันออกไปในแต่ละตอน
ในตอนของ ห้องสำนึกตน แนนโน๊ะได้มายังโรงเรียนพันธนะวิทยา ซึ่งเป็นโรงเรียนที่มีกฏระเบียบเคร่งครัดที่ถูกเขียนขึ้นมาตั้งแต่สมัยเป็นร้อยๆปีก่อน โดยมีเหล่าอาจารย์และนักเรียนผู้คุ้มกฏที่เข้มงวด มีห้องสำนึกตนสำหรับคนที่ไม่ยอมทำตามและตั้งคำถามกับกฏเหล่านั้น
ซึ่งการมาถึงของแนนโน๊ะนั้นมาสั่นคลอนกฏต่างๆรวมไปถึงเหล่าผู้มีอำนาจควบคุมกฏและรวมไปถึงผู้ที่อยู่เหนือกฏไปอีกด้วย
ด้วยเนื้อหาและแนวคิดของตอนนี้ ทีมสร้างเลือกที่จะนำเสนอออกมาในรูปแบบต่างออกไป โดยการทำให้ตอนนี้เป็นขาวดำ ซึ่งนับว่าเป็นวิธีการใช้สีในการเล่าเรื่องที่น่าสนใจและกล้าหาญไม่น้อย เพราะการใช้วิธีสุดขั้วแบบนี้ มันจะชักชวนให้คนดูได้นึกคิดตามไปกับเนื้อเรื่องมากกว่าปกติ และชวนให้ตั้งคำถามถึงสิ่งต่างๆที่เราเห็นนั้นมันอาจจะมีความหมายอื่นๆซ่อนอยู่หรือไม่
ในตอนต้นเรื่องก่อนที่แนนโน๊ะจะเดินเข้ามาในโรงเรียน ภาพจะยังคงเป็นสีแบบปกติอยู่รวมไปถึงสัดส่วนภาพแบบกว้างในแบบฉบับหนังหรือซีรีส์ทั่วๆไป แต่ทันทีที่แนนโน๊ะก้าวเข้ามาในเขตโรงเรียน ภาพจากที่เคยกว้างก็บีบแคบลงเหลือเป็นสัดส่วนแบบ 4:3 เหมือนกับทีวีสมัยก่อน สีที่เคยมีกลับกลายเป็นขาวดำ ในขณะที่ตัวแนนโน๊ะเองก็เหมือนสัมผัสได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเช่นกัน
เนื้อเรื่องดำเนินไปเรื่อยๆโดยแนะนำให้เราได้รู้จักกับทั้งตัวละครฝ่ายนักเรียนที่ต้องอยู่ภายใต้กฏอันเคร่งครัดและเต็มไปด้วยความกดดัน ไปจนถึงฝ่ายเหล่าอาจารย์ที่มีอำนาจเต็มที่จากกฏระเบียบเหล่านั้น โดยทั้งหมดนี้ยังคงถูกนำเสนอในโทนสีขาวดำอยู่ จนกระทั่งเราได้พบกับลิปสติกสีแดงที่แนนโน๊ะพกมาด้วย ซึ่งลิปสติกนี้เป็นวัตถุที่ผิดกฏของโรงเรียนอย่างแน่นอน แต่กลับมีสีแดงตามธรรมดา ไม่โดนย้อมไปด้วยสีโทนขาวดำ
สิ่งที่มีสีสันสร้างความโดดเด่นในโลกของขาวดำ
นอกจากนั้นเราจะยังได้เห็นสิ่งที่มีสีสันนอกจากลิปสติกสีแดงอีก อย่างเช่นโบว์ผูกผมสีเขียวและวิกผมสีม่วงของแนนโน๊ะ โบว์ผูกผมสีแดงของยูริ และยังรวมไปถึงชุดสีชมพูของครูใหญ่อีก ทั้งหมดทั้งมวลนี้มันหมายถึงอะไรกันแน่
เริ่มที่ตัวแนนโน๊ะกันก่อน ถ้าเรารู้จักตัวละครแนนโน๊ะดีเราจะทราบว่าตัวละครแนนโน๊ะนั้นไม่ใช่มนุษย์ปกติเหมือนคนอื่นๆ เราจะเห็นว่าตัวเธอนั้นมีพลังและความสามารถเหนือธรรมชาติบางอย่างในการทำสิ่งต่างๆ ดังนั้นสีสันที่มีความเกี่ยวข้องกับแนนโน๊ะนั้นจึงเป็นเหมือนสิ่งที่แสดงถึงฐานะพิเศษบางอย่างของแนนโน๊ะที่ทำให้ตัวเธอเองอยู่เหนือกฏอันเคร่งครัดของโรงเรียนที่ไม่สามารถทำอะไรตัวแนนโน๊ะได้ ไม่เหมือนกับเด็กนักเรียนคนอื่นๆ จึงสามารถเลือกที่จะมีสีสันที่อยู่นอกเหนือคนอื่นได้ จนถึงจุดนี้สีสันก็คือความพิเศษในโลกขาวดำนั่นเอง
สีสันที่แนนโน๊ะมีอิสระในการเลือกที่จะมีเหนือคนอื่น
ถ้าสีขาวดำของตอนนี้สื่อถึงกฏและความเป็นระเบียบ สีสันก็อาจจะเป็นสิ่งตรงข้าม เช่น อิสระ ความวุ่นวายหรือความโกลาหล สีที่อยู่ที่ตัวแนนโน๊ะนั้นก็อาจจะหมายความได้ถึงทั้งอิสระและความโกลาหล ซึ่งทั้งสองสิ่งเป็นคู่ตรงข้ามของกฏระเบียบนั่นเอง และข้อนี้เองนำมาซึ่งความน่าสนใจต่อมาก็คือ ทำไมต้องลิปสติกสีแดง ทำไมต้องโบว์ผูกผมสีเขียวและวิกผมสีม่วงด้วย
ข้อนี้อาจหาคำตอบชัดๆจากการดูอย่างเดียวได้ยาก คงขึ้นอยู่กับประสบการณ์และการตีความของแต่ละคน แต่จุดที่น่าสนใจและอาจจะมีความเกี่ยวข้องก็คือ สีทั้งสามอย่าง แดง ม่วง เขียว นั้นบังเอิญไปตรงกับสีประจำตัวของตัวละครที่เป็นสัญลักษณ์ของความโกลาหลอีกตัวหนึ่งอย่าง Joker นั่นเอง ซึ่งจุดนี้อาจจะเป็นความบังเอิญหรือความตั้งใจของผู้สร้างที่อยากจะสร้างความเชื่อมโยงหรือให้ความเคารพตัวละคร Joker ก็เป็นได้
รอยลิปสติกเปื้อนแก้มและสีแดง เขียว ม่วง สีประจำตัวของ Joker สัญลักษณ์แห่งความโกลาหล
มาที่ตัวละครอย่างยูริและครูใหญ่ ทำไมสองคนนึ้ถึงมีสีอยู่ที่ตัวได้เช่นเดียวกับแนนโน๊ะ
สำหรับยูรินั้นก็คล้ายๆแนนโน๊ะนั่นก็คือยูริไม่ใช่คนธรรมดาทั่วๆไป แต่มีความสามารถและพลังบางอย่างอยู่เหนือกฏปกติเช่นเดียวกับแนนโน๊ะนั่นเอง ดังนั้นการที่ทั้งยูริและแนนโน๊ะเป็นตัวละครที่มีสีสันอยู่กับตัว จึงเป็นเหมือนการสื่อถึงสถานะพิเศษบางอย่างที่อยู่เหนือขึ้นไปของตัวละครสองตัวนี้ ซึ่งแบบนี้แล้ว ทำไมตัวละครธรรมดาๆอย่างครูใหญ่ถึงมีชุดสีชมพูดสดแบบนั้นได้
นั่นก็เพราะเหนือกฏทั้งหมดทั้งมวล เหนือเหล่าอาจารย์ผู้คุมกฏนั้น ครูใหญ่นั้นคือผู้ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้กฏเหมือนกับคนอื่น เช่นเดียวกับทั้งแนนโน๊ะและยูรินั่นเอง
ยูริและครูใหญ่สองตัวละครที่มีสีสันเข้ามาอยู่กับตัว บ่งบอกถึงฐานะพิเศษเหนือคนอื่นๆ
การที่ช่วงต้นเรื่องนั้นเราเห็นครูใหญ่ออกทีวีในชุดที่ไม่ได้เป็นสีสันเหมือนกับตัวจริงของเขา ภาพลักษณ์ของครูใหญ่ที่ออกมาในทีวีกับตัวตนจริงๆนั้นแตกต่างกันนั้นเอง มันก็เหมือนกับเหล่าผู้มีอำนาจเหนือกฏในโลกความจริง ที่ต้องมีภาพลักษณ์ดูไม่คุกคามและดูเท่าเทียมกับคนอื่นๆยามในสภาวะที่เขามีอำนาจเต็มที่ เพื่อไม่ให้เกิดความสงสัยและไม่พอใจขึ้นในหมู่ผู้อยู่ใต้อำนาจได้ ไม่ว่าจะนักเรียนหรืออาจารย์ ในขณะที่ตัวจริงของครูใหญ่นั้นมีทุกอย่าง อำนาจ เงิน อิสระ และ อาวุธ
ครูใหญ่ที่ปรากฏตัวผ่านสื่อในภาพลักษณ์เป็นมิตร และ ครูใหญ่ตัวจริงที่มีทั้งอำนาจและอาวุธ
ถึงแม้ครูใหญ่ผู้กดขี่จะมีอำนาจมากมายขนาดไหน แต่เด็กๆทุกคนสามารถเอาชนะได้จากการที่ต้องกล้าลุกขึ้นสู้และการกระจายความจริงออกไป ถึงแนนโน๊ะจะเป็นคนจุดประกายเรื่องราวทั้งหมด แต่สุดท้ายแนนโน๊ะคนเดียวก็ไม่สามารถล้มครูใหญ่ได้ แต่เป็นเด็กทุกคนที่ลุกขึ้นสู้ต่างหาก
ในตอนจบถึงแม้ว่าเหล่านักเรียนในโรงเรียนจะได้รับความช่วยเหลือจากแนนโน๊ะให้หลุดพ้นจากกฏของโรงเรียนที่เคร่งครัดและกำลังจะก้าวออกไปสู่โลกภายนอก แต่ในขณะที่ทุกคนก้าวพ้นจากเขตประตูโรงเรียน แทนที่สีขาวดำที่เป็นตัวแทนของกฏและอำนาจที่กดขี่นี้จะหายไป มันกลับยังอยู่แม้พ้นเขตโรงเรียนไปแล้ว ความหมายนั้นก็ตรงตัวมากๆ นั่นคือโลกภายนอกนั้นจริงๆก็ไม่ต่างกับโรงเรียนนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นในโรงเรียนนี้เป็นเพียงแค่จุดเล็กย่อยของโลกภายนอกเท่านั้น โลกภายนอกนั้นก็ยังเป็นขาวดำ มีทั้งผู้อยู่ใต้อำนาจ ผู้คุมกฏ ผู้ใช้อำนาจ ผู้อยู่เหนือกฏ และการต่อสู้ระหว่างผู้ถูกดขี่กับผู้กดขี่ก็ยังคงมีและดำเนินต่อไป
ท่าทางฉงนสงสัยของแนนโน๊ะที่โลกขาวดำยังไม่หายไป
ใครดูแล้วบ้าง สามารถคอมเม้นมาพูดคุยกันได้ในช่องคอมเม้นนะครับ ส่วนตัวผมเองมองว่าตอนนี้ดีที่สุดแล้วในซีซัน 2 ส่วนใครชอบตอนไหนเป็นพิเศษและอยากแนะนำก็บอกกันได้
ใครที่ชอบบทความแบบนี้ สามารถกดติดตามเพจ Color In Story ไว้ได้ครับและยิ่งถ้าแชร์ไปให้เพื่อนๆใน Social ต่างๆมาอ่านและพูดคุยกันได้ยิ่งดี เจอกันใหม่บทความหน้าครับ
โฆษณา