12 พ.ค. 2021 เวลา 13:00 • ธุรกิจ
สิ่งที่เราต้องพิจารณาให้ดีก่อนเข้าร่วมแอปฯ เดลิเวอรี่
สิ่งที่เราต้องพิจารณาให้ดีก่อนเข้าร่วมแอปฯ เดลิเวอรี่
ไม่ใช่ทุกร้านที่ทำเดลิเวอรี่แล้วจะสำเร็จและไม่ใช่ทุกเมนูในร้าน
ที่จะสามารถทำเดลิเวอรี่ได้ เพราะยังมีหลายปัจจัย
ที่เราต้องพิจารณาและถึงแม้เดลิเวอรี่แอปฯส่วนใหญ่จะมีคอนเซ็ปต์
และรูปแบบการให้บริการที่ใกล้เคียงกัน แต่ทุกแอปฯ
ก็จะมีจุดดีจุดด้อยต่างกัน มีรายละเอียดต่างกัน
ฉะนั้นก่อนที่เราจะตัดสินใจทำเดลิเวอรี่และเข้าร่วมกับแอปฯไหน
เราควรพิจารณ่าข้อกำหนดและกฎระเบียบของแอปฯต่างๆ
ให้ถี่ถ้วนซะก่อนไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถกลับมาแก้ไขอะไรได้อีก
1. อัตราค่าธรรมเนียม GP
สิ่งแรกที่ต้องดูก่อนตกลงเข้าร่วมกับแอปฯไหนเลยก็คือ
อัตราค่าธรรมเนียม GP ว่าทางแอปฯคิดอยู่ที่เท่าไหร่
และระยะสัญญานานแค่ไหน เพราะต่อให้วันนี้ทางแอปฯ
อาจเสนอ GP ให้เราในอัตราที่ต่ำกว่าตลาดเช่น 20% หรือ 25%
แต่พดหมดสัญญาอัตรา GP ก็อาจถูกปรับมาในราคาตลาดก็ได้ ฉ
ะนั้นเวลาจะเผื่อต้นทุนให้คิดไว้ในวันที่ GP ได้
ในเรทปกติที่ 30-35% ไว้เลย และสิ่งนึงที่ต้องรู้ไว้ก็คือ
ค่าธรรมเนียม GP ที่คุณต้องให้กับแอปฯยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม
หรือ Vat อีก 7% ของอัตรา GP ที่เราต้องเสีย
สมมุติว่าเราได้เรท GP อยู่ที่ 30% และเราขายได้ 10,000 บาท
เราจะไม่ได้ถูกแอปฯหักเงินไปแค่ 3,000 บาทแค่เราจะถูกหัก
ออกไป 3,210 บาทหรือ 32.1% นั่นเอง
2. ค่าการตลาด
ไม่ใช่เสีย GP ให้แอปฯแล้วจะขายดีในทันที
เพราะการที่เราเสีย GP ให้กับแอปฯนั้นเปรียบเสมือน
เราไปเช่าหน้าร้านขายของเท่านั้น ซึ่งก็ไม่ได้การันตีว่าเราจะอยู่
ในทำเลที่ดีที่สุดหรือคนเดินผ่านมากที่สุด เพราะยิ่งทำเลดีเท่าไหร่
ค่าเช่าที่ก็จะแพงมากขึ้นเท่านั้น การเข้าร่วมแอปฯก็เช่น
กันการเสีย GP ที่ 30-38% มันคือการที่เราเช่าหน้าร้าน
ในทำเลมาตรฐาน แต่ถ้าเราอยากให้มีคนผ่านหน้าร้านมากขึ้น
หรืออยากให้แอปฯช่วยโปรโมตให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น
ก็จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมโดยอาจเสียเงิน
เป็นค่าโปรโมตรายเดือนหรืออาจเสียเป็นสัดส่วนของยอดขาย
ที่เพิ่มมากขึ้นจากปกติ ยกเว้นเราจะเป็นร้านอาหารชื่อดัง
หรืออยู่ในกระแสที่ทางแอปฯอยากโปรโมตเพื่อให้ลูกค้ารู้จัก
2
ซึ่งหากเราไม่มีการเผื่อค่าการตลาดในส่วนนี้ไว้
โอกาสที่เราจะไปอยู่หน้าแรกของแอปฯหรืออยู่ในร้านแนะนำ
ของแอปฯก็จะเป็นเรื่องยาก
1
3. ข้อมูลลูกค้า
เวลาเราขายอาหารหน้าร้านเรามีโอกาสที่จะเก็บข้อมูลลูกค้า
ผ่าน LineOA หรือผ่านระบบ CRM ของร้านได้ เช่น
ข้อมูล เบอร์โทรศํพท์ อีเมลลูกค้า หรือหากเรามีระบบ
สั่งอาหารออนไลน์เราก็จะได้ข้อมูลที่อยู่ลูกค้ามาด้วย
แต่หากเราเข้าร่วมกับเดลิเวอรี่แอปฯ ไม่ว่าจะเจ้าไหนก็ตาม
เราจะไม่รู้ข้อมูลและประวัติของลูกค้าที่สั่งออเดอร์
โดยข้อมูลจะอยู่ที่ทางแอปฯทั้งหมด ทำให้ไม่มีข้อมูล
ไปวิเคราะห์ว่าลูกค้าหลักที่สั่งร้านเราเป็นใคร
4. ข้อผูกมัด
ก่อนจะเซ็นสัญญาเข้าร่วมกับแอปฯไหน อยากให้อ่านข้อสัญญา
ทุกอย่างให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อนเสมอ เพราะร้านส่วนใหญ่
อยากรีบแต่จะเข้าร่วมจนละเลยการอ่านสัญญาให้ละเอียดซึ่ง
ข้อนี้เป็นข้อที่หลายร้านอาหารที่เซ็นสัญญาเป็รพาร์ตเนอร์
กับเดลิเวอรี่แอปฯไม่อ่านให้ถี่ถ้วนให้ดี
2
ทำให้บางครั้งไม่สามารถเข้าร่วมกับแอปฯอื่นได้ เพราะได้เซ็นรับ
ข้อตกลงไว้แล้วว่าจะเข้ากับแอปฯนั้นแอปฯเดียวเท่านั้น
ซึ่งถือเป็นการสูญเสียโอกาสการขายของร้านไปเลย
ต่อให้เราจะได้ค่าธรรมเนียม GP ที่ถูกลงกับการเซ็นสัญญา
แบบ Exclusive แต่หากต้องขายผ่านแอปฯเดียว
ก็อาจไม่คุ้มกับส่วนลดที่ได้รับเพราะแต่ละแอปฯก็จะมีกลุ่มลูกค้า
และขอบเขตการให้บริการที่แตกต่างกัน
.5. ระยะเวลาการได้รับเงิน
แต่ละแอปฯจะมีรูปแบบการจ่ายเงินให้กับร้านและระยะเวลา
การจ่ายเงินที่แตกต่างกัน บางร้านจะได้รับเงินเป็นเงินสด
จากคนขับแล้วค่อยเรียกเก็บค่า GP บางแอปฯจะจ่ายให้ร้าน
ในวันรุ่งขึ้น หรือบางแอปฯจะเป็นระบบโอนเข้าบัญชีสิ้นเดือนทีเดียว
หากเราเป็นร้านที่มีการวางแผนการจ่ายเงินซัพพลายเออร์
ทีเดียวสิ้นเดือนและมีการวางแผนกระแสเงินสดที่ดี
อาจไม่กระทบกับการจ่ายเงินรวดเดียวสิ้นเดือนของแอปฯ
แต่ถ้าเราเป็นร้านที่ต้องเอารายได้ไปซื้อวัตถุดิบ
และจ่ายค่าแรงพนักงานแบบวันต่อวัน นั่นหมายถึง
เราอาจมีปัญหากับเรื่องกระแสเงินสดแน่นอน
1
ฉะนั้นก่อนตัดสินใจเข้าร่วมแอปฯไหนควรเช็คเรื่องการจ่ายเงิน
ของแต่ละแอปฯให้ดี โดยเราอาจเริ่มต้นเข้าร่วมกับแอปฯ
ที่จ่ายเงินให้เราแบบวันต่อวันก่อน แล้วค่อยๆเริ่มวางแผน
การสั่งวัตถุดิบและกระแสเงินสดให้เหมาะสม
และเมื่อเราพร้อมก็ค่อยเข้าร่วมกับแอปฯที่จ่ายเงินทีเดียว
ช่วงสิ้นเดือนเท่านี้ก็จะไม่กระทบกับกระแสเงินสดของร้านเรา
1
6. การให้บริการ
การให้บริการในที่นี้ไม่ได้หมายถึงบริการก่อนการขาย
หรือการสมัครเข้าร่วมแอปฯเท่านั้นแต่ยังรวมถึงบริการหลังการขายด้วย
ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม บางแอปฯกว่าจะสมัครเข้าร่วมได้
ต้องใช้เวลาเป็นเดือน จะสอบถามว่าติดที่ตรงไหน
ก็ไม่สามารถสอบถามได้ ในขณะที่บางแอปฯ
สามารถสมัครเข้าร่วมได้ภายในระยะเวลาไม่กี่วัน
ส่วนเรื่องบริการหลังการขายบางแอปฯอนุญาตให้ติดต่อสอบถาม
ผ่านระบบอีเมลเท่านั้น ในขณะที่บางแอปฯมีระบบ Call Center
ที่คอยดูแลลูกค้าเพราะไม่ใช่เจ้าของร้านทุกคนที่จะคุ้นเคยกับการใช้อีเมล
ซึ่งเรื่องเหล่านี้เจ้าของร้านสามารถหาข้อมูลได้ไม่ยาก
โดยการสอบถามจากร้านที่เข้าร่วมมาก่อน หรือวิธีที่ง่ายที่สุด
คือการหาข้อมูลจากเฟชบุ๊คกรุ๊ปต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
เราก็จะพอเห็นภาพรวมในเรื่องของการบริการว่าแอปฯไหนดีไม่ดียังไง
1
7. จำนวนเมนู
พอเราตัดสินใจได้แล้วว่าจะเข้าร่วมกับแอปฯไหน
การคัดเลือกเมนูลงในแอปฯก็เป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน
คนส่วนใหญ่มักคิดว่ามีเมนูเยอะมากเท่าไหร่ในแอปฯยิ่งดีเท่านั้น
เพราะเราก็มีเมนูเหล่านี้ในร้านอยู่แล้ว ไม่ได้เหนื่อยมากขึ้น
แต่หากเราลองคิดในมุมของลูกค้าเวลาเปิดดูร้านเราในแอปฯ
แล้วเราใส่ทั้ง 100 เมนูของเราที่มีเข้าไปในแอปฯทั้งหมด
เค้าจะเลื่อนดูครบทั้ง 100 เมนูเลยหรือไม่ และเค้าจะรู้ได้ไง
ว่าเมนูไหนอร่อยหรือเป็นเมนูที่เราอยากขาย แทนที่จะเป็นข้อดี
กลับกลายเป็นอาจทำให้ลูกค้ารู้สึกเหนื่อยในการเลือก
และตัดสินใจออกจากร้านเราไปดูร้านอื่นแทน
ฉะนั้นการมีเมนูเยอะเกินไปอาจไม่ใช่เรื่องที่ดี เราควรรู้ก่อนว่า
เมนูไหนที่ร้านเราทำได้อร่อยกว่าร้านอื่น โดดเด่นกว่าร้านอื่น
และเมนูไหนที่กำไรดีเพราะเราเองคงไม่อยากให้ลูกค้า
เลือกสั่งเมนูที่เราสู้ร้านอื่นไม่ได้ หรือเมนูที่กำไรน้อยจริงมั้ย
การเลือกเมนูลงในแอปฯจึงเป็นเรื่องที่ละเลยไม่ได้เลย
1
เนื้อหาส่วนหนึ่งจากหนังสือ Food Delivery Food Delivery 101
- คัมภีร์เริ่มต้นบริการจัดส่งอาหาร
หนังสือที่พูดถึงเรื่อง Food Delivery เล่มแรก
และเล่มเดียวของไทย ณ ตอนนี้ ที่จะบอกเล่าเรื่องราว
วิธีการการทำธุรกิจบริการส่งอาหาร
(Food Delivery) อย่างละเอียด
ติดตามTorpenguin - ผู้ชายขายบริการในช่องทางอื่นๆได้ที่
ติดต่องาน E-mail : torpenguin.channel@gmail.com
1
โฆษณา